| กองบรรณาธิการCentrip

หน้าร้อนนี้มาสัมผัสวัฒนธรรมอันสวยงามของซูโม่ที่นาโกย่ากัน !

หากพูดถึงซูโม่ กีฬาอันเก่าแก่ของญี่ปุ่นแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆคนคงนึกถึงภาพของคนร่างใหญ่สองคนต่อสู้กันใช่มั้ยคะ จุดเด่นของซูโม่ที่แท้จริงคือการต่อสู้แบบดราม่า กฎที่แสนเข้มงวด และการสืบทอดวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่นอย่างลึกซึ้ง ทำให้ซูโม่ไม่ได้เป็นเพียงกีฬาที่ครองใจคนญี่ปุ่น ชาวต่างชาติเองก็ชอบซูโม่ไม่แพ้กัน
ซูโม่เป็นกีฬาประจำชาติของญี่ปุ่นที่มีความหมายที่ลึกซึ้ง ทักษะของนักซูโม่นั้นมีหลายอย่างมาก ในวันนี้เราจะขอนำทุกท่านเข้าสู่โลกของซูโม่ทีละนิด ๆ แถมตอนท้ายเราจะบอกวิธีจองตั๋วและวิธีที่จะได้ดูซูโม่แบบฟรี ๆ ด้วยนะ

ซูโม่ :กีฬาประจำชาติญี่ปุ่นที่มีกลิ่นอายของวัฒนธรรม

1.ความเป็นมาของซูโม่

ว่ากันว่าซูโม่ที่ญี่ปุ่นนั้นมีประวัติยาวนานกว่า 1500 ปี เริ่มปรากฎครั้งแรกในงานเทศกาลที่ศาลเจ้าโบราณแห่งหนึ่ง ในตอนแรกซูโม่ถูกจัดขึ้นสำหรับพิธีกรรมทางการเกษตร มีทั้งการทำนายพืชผลทาการเกษตร การบูชาพืชพันธุ์ทั้ง 5 ชนิด และการขอบคุณเทพผู้คอยปกปักษ์รักษา ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบันบนสนามประลองของซูโม่ก็ยังคงมีร่องรอยเกี่ยวกับเทพเจ้าหลงเหลืออยู่ ข้าวและเกลือถูกฝังอยู่ใต้ดินลานประลองเพื่อเป็นการบูชาเทพเจ้า

ในสมัยเอโดะ เริ่มมีคนเล่นซูโม่แบบอาชีพ ซูโม่ ณ ตอนนั้นถูกจัดขึ้นเพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมเหมือนกับละครคาบูกิ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1757 เริ่มมีการตั้งอันดับซูโม่อย่างเป็นทางการและการจจัดลำดับนี้คงเหลือมาถึงปัจจุบัน เมื่อรู้เบื้องลึกของซูโม่แบบนี้แล้ว น่าจะทำให้คุณได้สัมผัสถึงซูโม่ได้มากขึ้น

2.การชมการประลองซูโม่

ซูโม่จะถูกจัดขึ้นบนเวทีดินทรงกลมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.55 เมตร
เมื่อซูโม่ทั้ง 2 ปรากฎตัวขึ้น ทั้งคู่จะนั่งยอง บีบนวดมือ และหลังจากเหยียดมือไปพร้อม ๆ กับปรบมือแล้วซูโม่จะทำท่า”จิริโจซึ” หรือการนั่งยอง เหยียดแขนออกข้างลำตัวและหงายมือขึ้น เพื่อเป็นการแสดงว่า ตนไม่ได้นำอาวุธอะไรมาด้วย จากนั้นจะยกขาซ้ายและขาขวาสลับกันก่อนจะวางขาลงบนดิน จากนั้นผู้ประลองจะทำการจิบน้ำหนึ่งอึกและคืนสู่ผ้าฝ้ายที่อยู่ในมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นซูโม่ทั้ง 2 จะกลับมายังเวทีดินอีกครั้ง ก่อนกลับไปที่มุมทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อหยิบเกลือและสาดเกลือลงบนลานประลอง การสาดเกลือหมายถึงการขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายไม่ให้มารบกวน

ทันทีที่กรรมการบนิเวทีทำการโบกพัด การประลองก็จะเริ่มขึ้น ในระหว่างการประลองซูโม่สามารถจับเอว คอ ลำตัวและแขน ตีบริเวณหน้าอก รวมไปถึงขัดขาของคู่ต่อสู้ได้ แต่ห้ามเตะบริเวณหน้าอกและท้อง ห้ามดึงผม ห้ามตีหูท้องสองข้าง ห้ามบีบคอ ห้ามทำอันตรายกับดวงตกของคู่ต่อสู้ก
ระหว่างการแข่งขัน ซูโม่สามารถใช้ร่างกายส่วนอื่นนอกจากขาทั้งสองข้างปะทะกับคู่ต่อสู้ได้หรือปะทะกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายคู่ต่อสู้ได้ทุกส่วนยกเว้นส่วนที่อยู่ในกฎ สำหรับระยะเวลาการแข่งขันไม่มีกำหนดตายตัว

ดูซูโม่ในหน้าร้อนได้แค่ที่นาโกย่าเท่านั้น !

หากใครสนใจอยากชมซูโม่แบบสด ๆ ล่ะก็ ใน 1 ปีมีโอกาส หลายครั้งเลยล่ะ ใน 1 ปี มีการจัดซู่โม่ทั้งหมด 6 ครั้ง รวมระยะเวลาประมาณ 15 วัน โดยในเดือนมกราคม เดือนพฤษภาคม เดือนกันยายน จัดที่โตเกียวโคะคุกิคัง เดือนมีนาคมจัดที่โอซาก้าฟุริทสึไทอิคุคัง เดือนกรกฎาคมจัดที่ นาโกย่าไอจิริทสึไทอิคุคัง เดือนพฤศจิกายนจัดที่ฟุกุโอกะโคะคุไซเซ็นเตอร์
หากคุณอยากชมความสวยงามอันทรงพลังแล้วล่ะก็ อย่าพลาดชมซูโม่ที่นาโกย่านะคะ การแข่งขันในรอบปี 2019 จะจัดขึ้นระหว่าวันที่ 7 กรกฎาคม ถึงวันที่ 21 กรกฏาคม

ก่อนวันแข่งขันในวันที่ 6 กรกฎาคมจะมีการจัดเทศกาลโดเฮียว เพื่อการบวงสรวงเทพเจ้าผู้คอยปกปักรักษาความสันติสุขและความปลอดภัย เทศกาลโดเฮียวเป็นเทศกาล กรรมการการตัดสินที่ถือเป็นตัวแทของเทพเจ้าจะเป็นผู้กล่าวบทสวด และฝังสิ่งของที่นำพาความโชคดีลงบนกลางลานการประลอง พิธีจะจัดขึ้นตอน 10 โมงเช้า สามารถเข้าไปชมได้แบบฟรี

ในวันที่ 7 กรกฎาคม การประลองแรกจะเริ่มขึ้นในเวลา 8โมงครึ่งซึ่งการประลองแรกจะเป็นการประลองของซูโม่หน้าใหม่ ส่วนการประลองของซูโม่ที่มีลำดับสูงขึ้นไปจะเริ่มขึ้นตอนบ่าย ในเวลาบ่าย 3 โมงครึ่ง อย่าพลาดชมพิธีการปรากฎตัวบนเวทีของเหล่าซูโม่ลำดับสูง ๆ นะคะ
ในวันถัดไปการประลองจะเริ่มขึ้นในเวลา 8 : 40 ในวันจบการแข่งขันจะมีพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะ

การซื้อตั๋วชมการประลองซูโม่ที่นาโกย่าในเดือนกรกฎาคม ,วิธีการเดินทาง

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเริ่มรู้สึกอยากไปดูซูโม่ของจริงบ้างรึยังคะ ถ้าใช่ มาอ่ายนรายละเอียดเกี่ยวกับการชมซูโม่ที่นาโกย่าต่อกันเลย

การประลองซูโม่ที่นาโกย่าจะถูกจัดขึ้นทุกปีที่โรงยิมประจำจังหวัดไอจิการเข้าชมจำเป็นต้องใช้ตั๋ว ซึ่งตั้วจะเปิดขาย 1 เดือนก่อนการแข่งขัน สามารถจองตั๋วได้ที่ร้านสะดวกซื้อและช่องทางการจองตั๋วอื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถจองโดยตรงจากเว็บไซต์องค์กรซูโม่ประจำประเทศญี่ปุ่นได้อีกด้วย ราคาของที่นั่งแถวหน้าสุดจะออยู่ที่ 14800 เยน อาจจะเป็นราคาที่แพงแต่สามารถชมซูโม่ได้อย่างใกล้ชิด ส่วนที่นั่งบนชั้น 2 จะถูกกว่า ที่นั่งแบบไม่ล็อคที่นั่งราคาจะอยู่ที่ 2900 เยน
ในกรณีที่ไม่สามารถซื้อตั๋วในวันที่ต้องการได้ สามารถซื้อได้ที่หน้าสนามประลอง โดยตั้วของสนามจังหวัดไอจิจะเปิดขายเวลา 7 โมง 45 นาที ผู้ใหญ่ 2900 เยนเด็กอายุ (4 -15 ปี) 200 เยนเนื่องจากตั๋วมีจำนวนจำกัด แนะนำว่าถ้าอยากได้ตั้วให้รีบไปแต่เช้านะคะ

รายละเอียดการไปยังโรงยิมจังหวัดไอจิอยู่ที่ “รายละเอียดสถานที่” ด้านล่าง ลองคลิกเข้าไปดูนะคะ

ดูซูโม่ตอนเช้าดีที่สุด

จริง ๆ แล้วมีช่องทางการดูซูโม่แบบฟรีได้ นั่นคือการไปดูการฝึกซ้อมซูโม่ในตอนเช้านั่นเอง แต่เอ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าไปดูได้เหรอ ? แล้ววิถีชีวิตของซูโม่ปกติเป็นยังไงกันนะ ? แล้วพวกเขาทำยังไงถึงได้มีร่างกายที่ใหญ่โตขนาดนั้น ? มาเริ่มกันจากตรงนี้เลย

การเข้าชมซูโม่สามารถเข้าชมได้ฟรี แต่อาจจะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง แม้ว่าการซ้อมของซูโม่นั้นจะจัดขึ้นในห้องซ้อมและห้องซูโม่ขององค์กรมีถึง 49 ห้อง แต่ทุกห้องมีกฏที่แตกต่างกันไป ไม่ใช่ว่าจะเข้าดูห้องไหนก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถดูในเว็บไซต์ของหอพักซูโม่ตามสถานที่ต่าง ๆ ว่ามีการฝึกซ้อมตอนเช้าให้รับชมหรือไม่ ถ้าใครอยากดูล่ะก็ เตรียมหาข้อมูลไว้ดี ๆ นะคะ

ในครั้งนี้เราได้ลองแวะไปดูการฝึกซ้อมตอนเช้าที่มุซาชิกาวะ หอพักของมุซาชิกาวะอยู่ที่วัดมันโชจิ แถวย่านการค้าโอสึ เมืองนาโกย่า การฝึกซ้อมเริ่มขึ้นตอน 8 โมงเช้า สามารถดูได้โดยไม่ต้องทำการจอง

เมื่อสต๊าฟตัวเล็ก ๆอย่างเราได้เห็นซูโม่ใกล้ ๆ ก็ทึ่งไปกับร่างกายของซูโม่ที่ใหญ่ยักษ์ดั่งภูเขนักซูโม่สวมใส่ฟุนโดชิ(กางเกงซูโม่) และเปลือยท่อนบน ทำให้เห็นริ้วที่แบ่งส่วนราวนมกับหน้าท้อง เหงื่อและโคลนติดอยู่ตามลำตัว ดูยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากจริง ๆ ค่ะ
นักซูโม่ไม่ใช่แค่เพียงต้องทานเพื่อให้อ้วนเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับโปรตีนสำหรับกล้ามเนื้ออีกด้วย เรียกได้ว่าอาหารมีควาสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว “อาหารหม้อที่เป็นอาหารหลักของซูโม่คือจังโกะนาเบะ” ครั้งนี้ที่สนามประลองในนาโกย่าเองก็มีจังโกะนาเบะขาย รสชาติเป็นยังไง อย่าพลาดไปชิมนะคะ
เหล่านักซูโม่เคลื่อนตัวไปรอบ ๆ เวทีประลองก่อนจะเข้ามาในวงกลมตรงกลางทีละ 2 คน ทั้ง 2 คนจะต่อสู้กันเล็กน้อย อาจจะไม่ได้ดูแรงเท่าตอนแข่งจริงแต่ก็ถือว่าทรงพลังมาก คนดูที่ยืนดูอยู่ด้วยกันพยายามจะเข้าไปยืนดูข้างในลวดหนามที่กั้นไว้ ทำให้ซูโม่ท่านหนึ่งส่งเสียงเตือน เสียงของซูโม่ท่านนั้นดูอ่อนโยนมากดูตรงข้ามกับรูปร่างภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ความร้อนของฤดูร้อนยังคงร้อนอย่างต่อเนื่อง เหล่านักซูโม่ที่ฝึกซ้อมเสร็จแล้วราดน้ำดับร้อนบนลำตัว ซูโม่บางท่านดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ากำลังถ่ายรูป แต่หลังจากนั้นก็โพสท่าซูโม่ให้อย่างใจดี จากนั้นเราก็ออกจากที่ฝึกซ้อมไปขึ้นรถบัส การแข่งขันจะเริ่มขึ้นในอีก 1 วัน ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ
แต่ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนหรือฤดูหนาว ซูโม่ก็ยังคงต้องตื่นตี 5 เพื่อฝึกซ้อมและเข้านอนตอน 2-3 ทุ่ม ทำอย่างนี้ต่อเนื่องกันทุกวันมาเป็นเวลาหลายปี การได้เข้าไปดูการฝึกซ้อมในวันนั้นทำให้เราได้รู้จักกับซูโม่มากขึ้น ความอดทน ความตั้งใจและการสืบต่อวัฒนธรรมของพวกเขา ทำให้เรารู้สึกเคารพซูโม่เป็นอย่างมาก

มาฟินไปกับอีเวนท์ 1 วันเต็มกับเหล่าซูโม่กันเถอะ

ถ้าไม่ไปโตเกียว,โอซาก้า,นาโกย่าหรือฟุกุโอกะ แปลว่าเราจะไม่ได้ดูซูโม่งั้นเหรอ ?

ไม่จริงค่ะ เพราะว่าตามวัฒนธรรมของซูโม่แล้ว เพื่อที่จะสร้างบรรยากาศก่อนการแข่งขันตามพื้นที่ต่าง ๆ เดือนเมษายน เดือนสิงหาคม เดือนตุลาคมและเดือนธันวาคม พวกเขาจำเป็นต้องเดินทางไปทั่วประเทศ ในระหว่างการเดินทางไปทั่วประเทศนั้น พวกเขาจะได้พบปะและพูดคุยกับเหล่าแฟน ๆ ซูโม่ แถมยังสามารถถ่ายรูปคู่ได้ด้วย ถ้าได้เข้าร่วมอีเวนท์แบบนี้แล้ว เชื่อว่าคุณจะต้องสนใจซูโม่มากขึ้นอย่างแน่นอน

อีเวนท์ที่จัดขึ้นตามเมืองต่าง ๆ จะถูกจัดขึ้นเพียง 1 วันเท่านั้น และใน 1 วันนั้นจะมีอะไรให้เราได้ตื่นตาตื่นใจมากมาย เช่นการตีกลองไทโกะ(กลองญี่ปุ่น) การจับมือกับนักซูโม่ชื่อดัง มีการแข่งขันซูโม่แบบเบา ๆ และยังมีพิธีแต่งตั้งโยะโคะซุนะ(ยอดนักซูโม่)อีกด้วย

บรรยากาศเป็นกันเองผิดกับวันจริง ทำให้ทุกคนได้สนุกไปกับอีเวนท์ซูโม่ 1 วันเต็ม ๆ ใครที่อยากสบาย ๆ ไปกับซูโม่ล่ะก็แนะนำเลยล่ะค่ะ

สรุป

แม้ว่าซูโม่จะต้องฝึกหนักอยู่ทุกวัน ต้องต่อสู้อย่างแข็งขัน เมื่อเหล่าซูโม่ได้ประลองบนสนามจริงแล้ว พวกเขาจะทิ้งความแข็งแกร่งเอาไว้ให้เราได้ประทับใจ หากได้ลองไปชมซูโม่จริง ๆ แล้ว อาจจะทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนใหม่ ๆ ในชีวิตของคุณได้นะคะ