| กองบรรณาธิการCentrip
ชินชู อีดะ : ทริปการท่องเที่ยวใน 1 วันที่สนุกได้จากสถานที่ไม่ไกลจากนาโกย่า②
เมืองอิดะตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาในตอนกลางของประเทศญี่ปุ่นที่เชิงเขาที่เรียกว่าเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น
ทิวทัศน์ของเทือกเขาที่มองจากเมืองนั้นงดงามอย่างมาก แต่ไม่มีเพียงแค่วิวอันสวยงามเท่านั้นที่โดดเด่น แต่ยังเป็นสถานที่ที่ทำให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ต่าง ๆ เช่น การเก็บแอปเปิ้ลที่สวนแอปเปิ้ล กิจกรรมพายเรือสนุก ๆ ในแม่น้ำเท็นริว และประสบการณ์การทำโซบะ และประสบการณ์อีกหลายรูปแบบ ที่ทั้งผู้ใหญ่และเด็กสามารถใช้เวลาสนุก ๆ ด้วยกันได้
วิธีเดินทางไปยังเมืองอิดะ
เมืองอิดะนั้นอยู่ห่างจากนาโกย่าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 100 กิโลเมตร
จึงสะดวกหากเดินทางจากนาโกย่าโดยรถบัสมากกว่าทางรถไฟ รถบัสออกจากศูนย์บริการรถบัสเมเทะทสึที่สถานีนาโกย่า ในกรณีของรถบัสเมเทะทสึ รถบัสจะออกเวลาตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 18:00 โดยวิ่งชั่วโมงละ 1 เที่ยว การเดินทางจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 2,600 เยนต่อหนึ่งเที่ยวและ 4700 เยนสำหรับตั๋วไปกลับ เวลาการออกเดินทางรอบสุดท้ายจากอีดะมายังนาโกย่าคือ 19:30
เนื่องจากเป็นการเดินทางระยะทางไกลกว่า 100 กม. ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ดีที่จะใช้บริการเช่ารถและขับรถเที่ยวไปรอบ ๆ เมืองอีดะเพราะที่นี่มีแหล่งน้ำพุร้อนหลายที่ อีกทั้งยังสะดวกสบายหากคุณต้องการออกไปข้างนอกขณะพักอยู่ ณ ที่พัก เป็นการเดินทางทริปเล็ก ๆ แบบไปเช้าเย็นกลับจากนาโกย่าที่จะทำให้คุณรู้สึกแฮปปี้ได้
สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำ
เก็บแอปเปิ้ล
เมืองอีดะเรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งแอปเปิ้ล ต้นไม้สัญลักษณ์ของเมืองอีดะก็เป็นต้นไม้แอปเปิ้ลและในใจกลางเมืองยังมีต้นแอปเปิ้ลเรียงยาวเป็นแนวกว่า 400 เมตรอีกด้วย
มีเกษตรกรแอปเปิ้ลจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในเมืองและในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายนมีการ “เก็บแอปเปิ้ล” สำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งสวนแอปเปิ้ลจะกระจายกันอยู่หลายแห่ง คุณสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับสวนที่ใกล้ที่สุดได้ที่ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว
หลังจากที่คุณชำระค่าธรรมเนียมแรกเข้าที่สวยแล้ว คุณจะได้ฟังวิธีการคัดแอปเปิ้ลที่อร่อย เช่น '' แอปเปิ้ลที่ดีคือแอปเปิ้ลที่มีผิวขรุขระ”, '' เลือกแอปเปิ้ลที่มีด้านหลังออกสีเหลือง '', “แอปเปิ้ลที่เป็นสีแดงไม่ได้หมายความว่าจะอร่อยเสมอไป” แม้ว่าส่วนใหญ่การอธิบายจะไม่ได้เป็นภาษาต่างประเทศ แต่แอปเปิลที่เก็บกันแบบสด ๆใหม่ ๆ นั้น ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าอร่อยเป็นพิเศษ แค่เชื่อในสัญชาตญาณของคุณแล้วลองหยิบแอปเปิ้ลที่คุณชอบ
สำหรับการเดินทางที่มีเด็กแนะนำให้คุณพาเด็ก ๆ ไปเก็บแอปเปิ้ล ประสบการณ์การเก็บผลไม้ระหว่างการเดินทางและการได้รับประทานผลไม้แสนอร่อยเหล่านี้จะเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนสำหรับเด็ก ๆ
ส่วนใหญ่แล้วค่าธรรมเนียมมักจะอยู่ที่ประมาณ 500 เยนต่อคนและไม่มีการจำกัดเวลา แอปเปิ้ลที่คุณเก็บคุณต้องรับประทานที่สวนซึ่งค่าธรรมเนียมจะรวมอยู่ในค่าเข้าชม แต่หากคุณนำแอปเปิ้ลออกไปนอกสวนจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามจำนวนแอปเปิ้ลที่เก็บได้
ที่นี่มีสวนที่สามารถเก็บแอปเปิ้ลได้หลายแห่ง แต่ฉันจะขอแนะนำบางสวนเพื่อที่คุณจะได้รับประโยชน์จากข้อมูลนี้
ล่องเรือในแม่น้ำเท็นริว
ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของการเที่ยวเมืองอีดะที่เป็นที่น่าสนใจพอ ๆ กับ การเก็บแอปเปิ้ลคือการล่องเรือในแม่น้ำเท็นริว
แม่น้ำเท็นริวเชื่อมต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลสาบซึวะซึ่งเป็นทะเลสาบที่ลึกลับ แม่น้ำสายนี้อยู่ลึกลงไปในจังหวัดนากาโน่ ในสมัยเอโดะ ไม้ที่ถูกนำมาสร้างเป็นสถาปัตยกรรมในสมัยเอโดะ ถูกลำเลียงจากภูเขาและล่องลงมายังแม่น้ำเท็นริวด้วยแพ
กิจกรรมที่คุณสามารถทำได้ที่แม่น้ำเท็นริว ฯ ตอนนี้คือ การล่องเรือซึ่งถือเป็นโอกาสที่จะกลับไปผจญภัยในแม่น้ำเหมือนในอดีต เรือสามารถนั่งได้ประมาณ 20 คน ในขณะที่ล่องไปตามแม่น้ำคุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการชมทิวทัศน์ริมแม่น้ำที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล เช่น ดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิความเขียวขจีในฤดูร้อนและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ในฤดูหนาวคุณสามารถสัมผัสประสบการณ์พิเศษในการล่องเรือไปพร้อมกับการอุ่นร่างกายด้วยโต๊ะทำความร้อนแบบญี่ปุ่น(โคะทัตสึ)
เนื่องจากสามารถให้อาหารนกจากเรือได้ ทำให้นกหลาย ๆตัวบินมาแวะเวียนที่รอบ ๆ และเพราะมีศัตรูที่คอยจ้องจะแย่งอาหารอย่างเหยี่ยวและเป็ด ทำให้มันต้องใช้พลังความน่ากลัวเข้าสู้ คุณสามารถซื้ออาหารเพื่อเลี้ยงนกได้ที่จุดขึ้นเรือ
ค่าโดยสาร 2,500 เยนต่อคน และใช้เวลาประมาณ 30 นาทีและออก 6 เที่ยวต่อวันยกเว้นในช่วงฤดูหนาว แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องทำการจองแต่ทางที่ดีก็ควรจองล่วงหน้า อีกเรื่องคือฉันมาถึงที่นี่และขึ้นเรือในช่วงบ่ายเพื่อทำการเก็บข้อมูลเขียนบทความ แสงสะท้อนและความย้อนแสงทำให้ถ่ายรูปสวย ๆได้ยากมาก ทางที่ดีแนะนำให้มาในตอนเช้าน่าจะดีกว่านะคะ
จากจุดสิ้นสุดของการล่องเรือกลับไปยังจุดเริ่มต้นมีรถบัสวิ่งรับส่งฟรี หรือคุณจะเลือกกลับไปเองก็ได้ นอกจากนี้ยังมีเสื้อชูชีพเตรียมไว้สำหรับเด็กๆ เด็กเล็กๆสามารถขึ้นเรือได้อย่างสบายใจ
วัดโมะโตะเซนโคจิ
หากคุณมีสนใจในวัดญี่ปุ่นล่ะก็ คุณควรไปที่วัดโมะโตะเซนโคจิ ที่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเที่ยวชมเมืองอีดะเพราะ ใช้เวลาประมาณ 8 นาทีด้วยรถไฟ JR สายอีดะจากสถานีอีดะ และอยูุ่หน้าสถานี โมะโตะเซนโคจิ วัดนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับวัดเซนโกจิชื่อดังของจังหวัดนากาโน่ ว่ากันว่าหากจะให้ดีควรไปสักการะทั้ง 2 แห่ง
แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่วัดขนาดใหญ่ แต่ในส่วนห้องโถงใหญ่นั้นก็มีคุณค่าเป็นสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ที่บริเวณเนินเขาคุณสามารถเห็นทิวทัศน์เมืองและเทือกเขาที่อยู่ไกลออกไป ขนมมันจูที่ขายที่หน้าประตูวัดก็ทั้งอุ่นและอร่อย
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองอีดะที่อยู่ในซากปราสาทอีดะ
หากคุณต้องการเยี่ยมชมสถานที่อีกแห่งในเมืองอีดะ ขอแนะนำให้ไปที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองอีดะ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีอีดะ 1.5 กม. ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที ในอดีตที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทอีดะ
พิพิธภัณฑ์นั้นไม่ใหญ่มากแต่มันเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจมาก เพราะสิ่งก่อสร้างของที่นี่สร้างขึ้นบนซากปราสาทอีดะในอดีต ตอนนี้กลายเป็นอาคารที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีความทันสมัยมาก ให้ความรู้สึกลึกซึ้งและดื่มดำ นอกจากนี้ทิวทัศน์จากดาดฟ้าพิพิธภัณฑ์ยังสวยงามมากอีกด้วย
โซบะชินชู
สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว หากพูดถึง “ ชินชูโซบะ” หลายๆคนก็จะคิดถึงอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดนากาโน่ (ชินชู) และรวมไปถึงเมืองอิดะด้วย
ที่รอบ ๆ สถานีอิดะ มีร้านโซบะมากมาย ในเมืองอิดะ อีกทั้งเมนูยังมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบอุ่น แบบเย็นไปจนถึงเทมปุระและเนื้อเป็ดเพื่อให้คุณสามารถสั่งได้ตามที่คุณต้องการ นอกจากนี้ที่ร้านยังมีการสาธิตการทำโซบะจากแป้งบัควีท ในเมืองอิดะยังมีสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสกับประสบการณ์การทำโซบะด้วยตัวเองได้อีกด้วย
สรุป
ถึงแม้ว่าเมืองอีดะจะไม่ได้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว แล้วเป็นเพียงแค่เป็นเมืองภูเขาที่เงียบสงบ แต่ถ้าหากคุณได้มาที่นี่ คุณจะได้สัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านประสบการณ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเทศกาลที่เกี่ยวกับโรงละครหุ่นกระบอกญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและยังมีที่ที่สามารถชมวิวของภูเขาซาโตะยามะชื่อว่า “ชิโมะกุโนะซาโตะ” บทความในครั้งนี้ยังมีอีกหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ได้ถูกแนะนำ ถ้าหากคุณอยากลองเที่ยวญี่ปุ่นแบบแตกต่างไปจากปกติเล็กน้อยและก็ ที่นี่ก็ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม