| กองบรรณาธิการCentrip

มาดื่มเบียร์ชื่อดังอันดับ 1 ของญี่ปุ่นฟรี ๆ ได้ที่ โรงงานเบียร์อาซาฮีนาโกย่า สถานที่ที่คนไม่ดื่มเบียร์ยังหลงรัก !

ถ้าคุณเริ่มเบื่อสถานที่ชื่อดังต่างๆหรือแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ในนาโกย่าหรือเดินเที่ยวในย่านดังๆของที่นี่มาแล้วไม่รู้จะกี่รอบ ก็ลองมาที่ถิ่นกำเนิดของเบียร์อาซาฮี เรามาเรียนรู้ขั้นตอนการผลิตเบียร์อันดับ 1 ของญี่ปุ่นกัน
ถ้าพูดถึงเบียร์ของญี่ปุ่น หลายๆคนก็มักจะนึกถึง 4 แบรนด์ดังหลักๆอย่าง อาซาฮี,คิริน,ซันโตรี่,ซัปโปโร หนึ่งในนั้นเบียร์อาซาฮีเป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเบียร์ญี่ปุ่นสูงที่สุดและได้รับการกล่าวขานว่าเป็นราชาแห่งอุตสาหกรรมเบียร์ ที่นี่คุณสามารถเข้าชมโรงงาน,ชิมเบียร์แสนอร่อยได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นที่ที่จะเที่ยวก็ได้จะดื่มก็ดีแบบนี้ต้องไม่พลาดนะคะ

เรื่องเล่าเกี่ยวกับเบียร์อาซาฮี

เบียร์อาซาฮีแต่เดิมมีชื่อว่าเบียร์โอซาก้าซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1889 และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “อาซาฮี” ในปี 1891 ทางบริษัทได้ตัดสินใจใช้ตัวคันจิของคำว่าอาซาฮีเป็น “朝日(พระอาทิตย์ยามเช้า)”และเริ่มทำให้เบียร์อาซาฮีเป็นที่รู้จัก ในปี 1983 บริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัดอาซาฮีได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชื่อว่า “อาซาฮี ซูปเปอร์ดราย ดราฟท์เบียร์” ซึ่งไม่เพียงแต่จะได้รับรางวัลเบียร์ระดับโลกแล้ว แต่ยังครองอันดับ 1 ของยอดขายในญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่องถึง 19 ปีด้วยกัน ปัจจุบันเป็นแบรนด์ที่ขายดีที่สุดในตลาดเบียร์ของประเทศญี่ปุ่น

ข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานเบียร์อาซาฮี นาโกย่า

โรงงานเบียร์อาซาฮีมีทั้งหมด 8 แห่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนแล้วแต่เดินทางไปได้ไม่ค่อยสะดวกนัก แต่ว่าโรงงานที่นาโกย่า อยู่ในตัวเมืองนาโกย่าซึ่งจาก “สถานีนาโกย่า”ไปยังสถานี “ชินโมริยามะ” ด้วยรถไฟใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น จากนั้นเดินต่อไปอีกเพียง 18 นาทีก็จะถึง ใครที่ชื่นชอบเบียร์ล่ะก็ต้องไม่พลาดที่นี่ ขอบอกเลยว่าคุณสามารถใช้เวลาครึ่งวันสนุกไปกับสถานที่แห่งนี้ได้ !

ขั้นตอนการเข้าชม

การเตรียมตัวก่อนเข้าไปในโรงงาน

ในการที่จะเข้าไปเยี่ยมชมโรงงานนั้นจะต้องทำการจองล่วงหน้าวิธีการจองอยู่ท้ายบทความ
เมื่อมาถึงที่หน้าทางเข้าโรงงานแล้ว กรุณาแจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และหลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่มานำทางและพาคุณเข้าไปสู่ตัวโรงงาน แค่พูดชื่อคุณให้ถูกก็พอแค่นี้ก็เข้าได้แล้ว แม้ว่าที่นี่จะมีการให้บริการเป็นภาษาอังกฤษแต่ขอแนะนำให้คุณจำคำศัพท์สองคำนั่นคือคำว่า 「予約」(จอง・yoyaku) และ 「見学」(การเข้าชม・Kengaku) เพื่อเป็นประโยชน์ในการบอกกับเจ้าหน้าที่ให้เข้าใจว่าว่าจุดประสงค์ที่คุณพูดชื่อของคุณคืออะไร

เพียงแค่นี้คุณก็จะได้เข้ามาในโรงงานแล้ว บรรยากาศในโรงงานสวยงามและล้อมรอบไปด้วยพื้นหญ้าเหมือนกับกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ คุณจะได้เห็นเบียร์กระป๋องใหญ่ตั้งอยู่ในโรงงานเป็นจุด ๆ ว่าแต่ว่าพวกเบียร์ยักษ์เหล่านี้มีไว้เพื่ออะไรกัน หรือจะเป็นที่ที่ให้เราเขาไปแล้วดื่มเบียร์ในกระป๋องนั้นได้ เก็บคำถามของคุณใส่กระเป๋าแล้วไปกันต่อ

เนื่องจากในโรงงานมีการให้บริการในภาษาจีนและภาษาอังกฤษ แม้คุณจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ต้องกังวล แต่อย่างไรก็ตามคนญี่ปุ่นจำนวนมากก็นิยมมาที่นี่ การไกด์จึงเป็นภาษาญี่ปุ่น จึงอยากแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่คนแน่นเพื่อที่จะได้สนุกกับการชมโรงงานแบบที่คุณเข้าใจจริง ๆ

ไฮไลท์ของคอร์สการชมโรงงาน

เมื่อตามเจ้าหน้าที่เข้าไปยังล็อบบี้ของโรงงานแล้วการชมโรงงานจะเริ่มต้นขึ้นที่นี่ กระเบื้องดินเผาที่ติดอยู่ที่ผนังมีประมาณ 1,000 แผ่น จะเล่าให้คุณฟังถึงจุดกำเนิดของเบียร์ที่ถูกสร้างขึ้นในยุโรปยุคกลาง

เมื่อออกจากล็อบบี้ไปยังทางเดิน คุณก็จะเห็นกระป๋องเบียร์ยักษ์เมื่อสักครู่ที่คุณเห็น ซึ่งกระป๋องเบียร์ยักษ์เหล่านี้มีไว้สำหรับการหมักกลางแจ้งและการบ่ม ขั้นตอนสำคัญในกระบวนการผลิตแอลกอฮอล์คือการเพิ่มยีสต์ และหมักไว้เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในถังหมักเหล่านี้จากนั้นใช้เวลาบ่มอีกประมาณ 10 วัน

กระป๋องเบียร์เหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกำลังการผลิต กระป๋องมีความสูงประมาณ 20 เมตร และถ้าลองคำนวณปริมาณเบียร์ในกระป๋องบ่มให้กลายเป็นกระป๋องเบียร์ที่ขายอยู่ในตามท้องตลาดแล้วก็จะได้มากถึง 1,430,000 กระป๋อง เท่ากับว่าถ้าคนหนึ่งคนดื่มทุกวันวันละ 1 กระป๋องจะสามารถดื่มได้ถึง 4,000 ปีด้วยกัน

ไลน์การประกอบ

แล้วจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการหลัก ก็จะเห็นไลน์การผลิตแบบอัตโนมัติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การผลิตมอลต์ การเตรียมผลิต การหมัก การกรอง การบรรจุ การแพ็ค ฯลฯ นักท่องเที่ยวสามารถชมเบื้องหลังการผลิตในโรงงานของเบียร์อันดับ 1 ของญี่ปุ่นได้ ผ่านพื้นกระจก

ถังเบียร์
ทดลองชิมมอลต์

แล้วเมื่อเดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปเรื่อยๆก็จะถึง “ห้องเตรียมผลิต” ซึ่งเป็นห้องที่จะเปลี่ยนข้าวมอลต์ให้เป็นสารสกัดจากมอลต์ วัตถุดิบจะถูกใส่ลงในหม้อใบใหญ่ทีละอย่าง ๆ เพื่อทำการเคี่ยวให้กลายเป็นของเหลวที่สกัดจากมอลต์ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตเบียร์ ที่นี่คุณสามารถสัมผัสได้ถึงมอลต์และฮอปแบบพรีเมี่ยมซึ่งเป็นส่วนผสมหลักของเบียร์

สามารถลองรับประทานมอลต์พรีเมี่ยมดูได้ แค่เอาเข้าปากไปคำเดียว คุณก็จะได้กลิ่นของข้าวสาลีที่เกิดจากการดูดซับแสงอาทิตย์แบบเข้มข้นกระจายไปทั่วไป เนื่องจากที่โรงงานเบียร์อาซาฮีกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดเกี่ยวกับวัตถุดิบ แม้จะเป็นข้าวสาลีที่ถูกปลูกขึ้นในญี่ปุ่นก็ยังเป็นมาตรฐานที่ไม่เพียงพอสำหรับที่นี่ ทำให้ในทุกๆปี ที่นี่จะนำเข้าข้าวสาลีในสัดส่วนที่พอเหมาะเพื่อรักษาคุณภาพของวัตถุดิบ

บนผนังฝั่งตรงกันข้าม คุณจะได้พบกับหลักการในการดำเนินงานในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆหรือผู้ใหญ่ก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการผลิตเบียร์ได้มากมายหลายเรื่อง

และเรื่องที่เราสนใจมากเป็นพิเศษคือ เรื่องการควบคุมคุณภาพ ไม่เพียงแต่รสชาติของเบียร์เท่านั้น ที่นี่ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของกลิ่นและฟองเบียร์รวมไปถึงสีอีกด้วย นอกจากจะมีการเช็คคุณภาพด้วยเครื่องจักรแล้ว ยังมีงานในฝันสำหรับคนรักเบียร์ งั้นก็คือนักชิมเบียร์ แค่ฟังก็รู้สึกอิจฉาแล้วใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าคุณคิดว่าแค่ดื่มเบียร์ก็ได้เงินล่ะก็คุณคิดผิด งานนี้ไม่ใช่เป็นงานที่ใครก็ทำได้ ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นและรสชาติแบบสูงมากๆ โดยต้องผ่านการคัดเลือกและมีความสามารถในการแบ่งแยกรสชาติและกลิ่นได้แบบชัดเจน การทดสอบจะถูกจัดขึ้นในเวลาที่ผู้เข้าทดสอบกำลังท้องว่าง รับรองได้เลยว่าเบียร์ที่ผ่านการชิมโดยผู้เชี่ยวชาญแบบนี้แล้วจะต้องอร่อยแน่นอน

ไลน์การบรรจุลงกระป๋อง
ไลน์การบรรจุลงแพ็ค

เมื่อได้เบียร์แบบสดๆมาแล้วต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนของการแพ็ค กระป๋องเบียร์พี่ใส่เบียร์เข้าไปแล้วจะไหลออกมาเป็นสายบนไลน์ผลิตอย่างเป็นระเบียบและรวดเร็ว
เพื่อรับประกันความสดของเบียร์ โรงงานจะผลิตเบียร์หลังจากได้รับคำสั่ง ผลิตและบรรจุและจัดส่งภายใน 3 วัน ดังนั้นหากคุณโชคดี เบียร์ที่คุณซื้อในวันนี้อาจถูกส่งมาใหม่ไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ได้!

เดินต่อไปตามเส้นทางอีกนิด คุณก็สามารถชมเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของโรงงานเบียร์อาซาฮีที่เป็นโปสเตอร์ติดผนังได้ แต่เดิมอาซาฮีเคยเป็นโรงงานผลิตรถไฟแห่งแรกของญี่ปุ่น ผ่านความรุ่งเรืองและเริ่มเสื่อมถอย จนได้กลับมาเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นอีกครั้ง ในตู้โชว์มีการจัดแสดงบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มในฤดูกาลและซีรีส์ต่างๆ

และที่สุดท้ายเป็นพื้นที่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่โรงงานเบียร์อาซาฮีประสบความสำเร็จในการรีไซเคิลในประเทศแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ขยะที่เกิดจากมอลต์ก็ใช้เป็นอาหารปศุสัตว์ เศษแก้วก็นำไปทำเป็นขวดสาเกและวัสดุก่อสร้าง เศษอลูมิเนียมนำไปทำกระป๋องและเครื่องใช้ไฟฟ้า ยีสต์ที่เหลือสามารถนำไปเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารและยาได้ ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าไม่มีของเสียและไม่มีมลพิษเลยจริงๆ

หลังจากชมโรงงานเสร็จแล้วในที่สุดก็ได้เวลาที่คุณรอคอย มีเบียร์ยอดนิยมให้คุณชิม 2 ชนิด ได้แก่ เบียร์ซูเปอร์ดราย ซูเปอร์ดราย Black Label โดย 1 ท่านสามารถดื่มได้ 3 แก้ว ในสถานที่พักยังมีเครื่องดื่มแบบไม่มีแอลกอฮอล์ให้บริการอีกด้วย โดยมีทั้งแบบไร้แอลกอฮอล์และน้ำหวานต่างๆ หากคุณมากับผู้สูงอายุหรือเด็กๆก็สามารถดื่มไปพักไปได้ด้วยกัน

หลังจากพักเสร็จแล้ว ลองมาแวะที่ร้านขายของที่ระลึกเพื่อซื้อของที่น่าสนใจ เช่น เค้ก หรือช็อกโกแลตที่บรรจุในถังไม้ ถ้ายังไม่เบื่อกับการท่องเที่ยวแล้วก็ จะใช้เวลาที่ร้านขายของที่ระลึกบอกเฉยๆก็ได้

วิธีการจอง

1 จองผ่านโทรศัพท์

หมายเลขโทรศัพท์:+81-52-792-8966
เวลาทำการ:9:00~17:00
※ หากต้องการใช้บริการการกลายเป็นภาษาอังกฤษกรุณาแจ้งล่วงหน้าในการจองผ่านโทรศัพท์

⒉จองผ่านเว็บไซต์

ขั้นตอนการจอง

⑴เลือกวันและเวลาที่ต้องการเข้าชมโรงงาน

เปิดเว็บเทรดด้านบน และเลื่อนลงไปยังปฏิทินที่อยู่ด้านล่าง เลือกเดือนที่ต้องการเข้าชมโรงงาน วันที่เขียนด้วยตัวอักษรสีเขียวคือวันที่สามารถจองโดยตรงได้

เมื่อกดวันที่คุณต้องการแล้ว จะมีหน้าต่างป๊อปอัพขึ้นมาให้คุณเลือกเวลาที่ต้องการเข้าชม ซึ่งสามารถเลือกได้ในเวลาที่ขึ้นเป็นสีเขียวและสีเหลืองเท่านั้น สีเขียวหมายความว่าคอร์สยังว่างอยู่ ส่วนสีเหลืองหมายความว่าเหลือที่ว่างเพียงเล็กน้อย

(2)กรอกข้อมูลที่จำเป็น
จากนั้นเขียนจำนวนภูเขาชมและวิธีการเดินทางไปยังโรงงาน

(3)ตรวจสอบข้อมูลที่กรอก และคลิกปุ่มสีแดงที่เขียนว่า “予約確認 (ยืนยันการจอง)” เท่านี้การจองก็จะเสร็จสมบูรณ์

สรุป

ภายในเวลา 2 ชั่วโมงคุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการผลิตเบียร์ได้ ไม่เพียงแต่ผู้ที่ชื่นชอบเบียร์เท่านั้น แต่คุณยังสามารถพาครอบครัวมาสนุกกับการชมโรงงานที่นี่ได้ และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเบียร์ ก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมอาหารที่ทันสมัย สามารถรับชมได้ว่าสิ่งที่รับประทานอยู่ในทุกวันนี้ผลิตอย่างมีคุณภาพมากกว่าร้อยปีได้อย่างไรภายใน 1 วัน

ที่โรงงานเบียร์อาซาฮีนาโกย่า คุณสามารถเพลิดเพลินกับ 1 ในสายการผลิตเบียร์ที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังสามารถลองดื่มได้อีกด้วย ลองใส่ที่นี่เข้าไปในแผนการเที่ยวของคุณ และทริปของคุณจะสนุกแบบไม่เหมือนใครแน่นอน

Related Articles Related Articles