| กองบรรณาธิการCentrip
7 อาหารท้องถิ่นกิฟุที่หาทานที่ไหนไม่ได้ อย่าพลาดของอร่อยที่ทาคายาม่า,ชิรากาวะโก!
สารบัญ
- 7 อาหารท้องถิ่นของกิฟุ
- 1.เนื้อฮิดะ: ได้รับการยอมรับว่าเป็นเนื้อที่ดีที่สุดในโลก!
- 2.ซูชิใบโฮโนะคิ : อาหารจานพิเศษช่วงต้นฤดูร้อน
- 3.มิโซะใบโฮโนคิ: ใบโฮโนคิอันหอมหวนจะทำให้คุณวางช้อนไม่ลง
- 4.สเต๊กผักดอง: เมนูสุดสร้างสรรค์ที่อร่อยและเรียบง่าย
- 5.เคจัง: อาหารบ้านที่มีความหลากรส
- 6.โกเฮโมจิ: ขนมที่ไม่ว่าไปที่ไหนก็เจอ
- 7.ปลาอายุย่างเกลือ: อาหารพื้นบ้านที่ควรทานในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง
- ร้านที่แนะนำ
- 1.เคียวยะ (ทาคายามะ)
- 2.คิตะโนะโช (ชิรากาวะโก)
- 3.เคียวชิ (ทาคายาม่า): ร้านดังของซูชิใบโฮโนคิ
- สรุป
จังหวัดกิฟุตั้งเกือบใจกลางของประเทศญี่ปุ่น เป็นจังหวัดที่อุดมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ทาคายาม่า, ชิรากาวะโกและเกโระต่างก็ตั้งอยู่ในเขตฮิดะทางตอนเหนือของกิฟุ นอกจากนี้ยังมีกุโจฮาจิมัน,ทสึมาโกะจูคุและมาโกเมะจูคุก็อยู่ในจังหวัดกิฟุเช่นกัน
กิฟุตั้งอยู่ในเขตไม่ติดทะเล ชาวท้องถิ่นนิยมทานเนื้อวัวและผักมากกว่าอาหารทะเล อาหารแบบไหนกันนะที่คุณจะได้ลิ้มลองหากได้ไปที่กิฟุโดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวทาคายามะและชิราคาวะโกะ
ทุกช่วงเวลาที่คุณอยู่ที่นี่ คุณจะสัมผัสได้ถึงพรจากพระเจ้ากับภูเขาลูกใหญ่ ความเฉลียวฉลาดของผู้คน สูตรลับของครอบครัว หัวใจที่เปิดกว้างของแขกผู้มาเยือนและอาหารแสนอร่อยที่ปรุงด้วยใจ มาสู่ส่วนลึกของหุบเขากิฟูและเพลิดเพลินไปกับเสน่ห์ของอาหารท้องถิ่นที่นี่กัน
7 อาหารท้องถิ่นของกิฟุ
1.เนื้อฮิดะ: ได้รับการยอมรับว่าเป็นเนื้อที่ดีที่สุดในโลก!
เนื้อฮิดะจากกิฟุเป็นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพดีที่สุดที่เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกและเนื้อฮิดะจากกิฟุยังเป็นเนื้อญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงอีกด้วย ว่าแต่ว่าเนื้อวัวของฮิดะทั้งหมดเรียกว่า "ฮิดะกิว"หรือเนื้อฮิดะ หรือเปล่านะ? จริง ๆ ไม่ใช่แบบนั้น การที่จะได้รับชื่อว่า “เนื้อฮิดะ”นั้น ต้องมีเงื่อนไขดังนั้น ข้อแรกคือต้องเป็นเนื้อจากวัวญี่ปุ่นขนดำที่ได้รับขุนในจังหวัดกิฟุ มานานกว่า 14 เดือน ข้อที่สองจะต้องได้รับการรับรองโดยองค์กรพิจารณาคุณภาพเนื้อญี่ปุ่น (JMGA) และต้องได้รับเกรดเกรด A หรือ B และคุณภาพเนื้อต้องได้ระดับ 3-5 เนื้อฮิดะที่มีคุณสมบัติตรงตามด้วยมาตรฐานที่เข้มงวด มีเปอร์เซ็นต์ไขมัน เนื้อสัมผัส สีอยู่ในระดับที่สูง อาหารที่ทำจากเนื้อนี้มีสีที่เป็นธรรมชาติและมีกลิ่นหอมที่น่ารับประทาน
เนื้อฮิดะมีไขมันที่กระจายอยู่ในเนื้ออย่างยอดเยี่ยมในเนื้อ ทำให้เนื้อมีความละเอียดและนุ่ม อีกทั้งยังมีลายหินอ่อนที่สวยงาม กลิ่นหอมเย้ายวน และสัมผัสของเนื้อที่จะละลายในปากของคุณ สามารถใช้เนื้อปรุงได้หลายวิธีและยังสามารถปรุงอาหารอร่อยจากส่วนของเนื้อที่แตกต่างกันไปได้อีกด้วย ส่วนของเนื้อไหล่นั้นมีความกลมกล่อมและเหมาะสำหรับทำสุกี้ยากี้ เนื้อวัวนั้นอุดมไปด้วยไขมันดังนั้นเมื่อปรุงกับผัก ไม่เพียงแต่จะทำให้น้ำเกรวี่ติดอยู่กับตัวเนื้อเท่านั้น แต่ยังทำให้รสชาติอูมามิของเนื้อคงอยู่และยังรักษาความนุ่มของเนื้ออีกด้วย เนื้อสันติดมันและเหมาะสำหรับกินแบบซาชิมิ หรือจะนำไปปรุงเป็นเนื้อย่าง ชาบูชาบูหรือซูชิก็อร่อย
2.ซูชิใบโฮโนะคิ : อาหารจานพิเศษช่วงต้นฤดูร้อน
อยู่ในภูเขาก็กินอาหารจากภูเขาเป็นวัฒนธรรมการกินที่มีเอกลักษณ์และถูกสร้างขึ้นมาในชีวิตทิวเขา ใบโฮโนะคิเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมนั้น เป็นหนึ่งในวงศ์ใบแมคโนเลียที่เโตในภูเขา มีกลิ่นหอมและมีฤทธิ์ในการรฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ในฤดูร้อน ใบโฮโนคิจะเขียวชอุ่มและผู้คนจะเก็บใบนำไปห่อซูชิ เรียกได้ว่าทั้งสะดวกทั้งได้รสชาติจากธรรมชาติไปพร้อม ๆ กันเลยล่ะค่ะ
ซูชิใบโฮโนะคิจะถูกทำขึ้นช่วงต้นฤดูร้อน เริ่มจากหั่นปลามะสึเป็นชิ้นขนาด 1 ซม. ก่อนนำไปดองในน้ำส้มสายชูค้างคืน ในวันถัดมาให้เอาเนื้อปลาออกมาจากน้ำส้มสายชูแล้วนำไปผสมกับข้าว ขิงญี่ปุ่น ใบชิโซะถั่วฝัก ฯลฯ ก่อนห่อด้วยใบโฮโนคิและทิ้งไว้ครู่หนึ่งเพื่อให้รสชาติซึมเข้าไปในข้าว จากนั้นก็สามารถทานได้ เมื่อหยิบซูชิขึ้นมาคุณจะได้กลิ่นหอมสดชื่นจากใบโฮโนคิและเมื่อกัดเข้าไปหนึ่งคำเมล็ดข้าวฟู ๆ และมันจากปลามะสึจะทำให้ซูชิอร่อยในแบบพอดี ๆ นอกจากนี้ยังมีซูชิใบโฮโนคิที่ใช้ปลาแซลมอน เนื้อวัว เห็ด ฯลฯ มาเป็นวัตถุดิบ ซึ่งไม่ว่าทานอันไหนก็อร่อย
3.มิโซะใบโฮโนคิ: ใบโฮโนคิอันหอมหวนจะทำให้คุณวางช้อนไม่ลง
ใบโฮโนคินอกจากจะใช้ทำซูชิใบโฮโนคิแล้ว ใบโฮโนคิแห้งยังถูกนำมาใช้ทำมิโซะอีกด้วย เป็นอาหารท้องถิ่นแสนเรียบง่าย ที่ประกอบไปด้วยผัก เห็ด เนื้อวัว ฯลฯ ผสมกับมิโซะและย่างบนใบโฮโนคิด้วยเตาถ่าน
มิโซะโฮโนคิมีกลิ่นอายของท้องถิ่นมาแต่โบราณ ตอนฤดูหนาวที่หนาวและมีหิมะตก วัตถุดิบจะถูกแช่แข็ง เวลาจะนำมาทำอาหารจะต้องอุ่นด้วยไฟ เวลาจะอุ่นผักดอง ข้างล่างก็จะรองด้วยใบโฮโนคิที่หนาและไม่ติดไฟง่าย ก่อนจะใส่มิโซะลงไปเพื่อปรุงรส เวลาเปลี่ยนการปรุงต่าง ๆ ก็เปลี่ยน มีการใช้วัตถุดิบอื่น ๆ มาประกอบมากขึ้น จนได้เป็นมิโซะใบโฮโนคิยอดนิยม
เมื่อนำใบโฮโนคิไปย่างจะได้กลิ่นหอมบวกกับกลิ่นหอมของเนื้อ ทำเอาน้ำลายสอ ไม่ใช่แค่ทานแบบเดี่ยว ๆ แต่ยังสามารถกินกับข้าวและใส่น้ำจากเนื้อลงไปในข้าวเพื่อเพิ่มความหอมได้อีกด้วย
4.สเต๊กผักดอง: เมนูสุดสร้างสรรค์ที่อร่อยและเรียบง่าย
แถวฮิดะมีวัฒนธรรมการทอดผักดองมาเป็นเวลาช้านาน ในอดีตวัตถุดิบอาหารนั้นหายาก มีการทานผักดองแทนผักสดในฤดูหนาวที่หนาวจัด ดังนั้นอาหารท้องถิ่นหลายอย่างจึงทำด้วยผักดองและสเต๊กผักดองก็ถือเป็นอาหารที่นิยมเมนูนึง
สเต๊กผักดองส่วนใหญ่จะทำจากผักกาดขาว วิธีทำก็ง่ายเพียงเทน้ำมันลงบนแผ่นเหล็ก ใช้ไฟกลางเพื่อทำให้ร้อนก่อนใส่ผักดองลงไปผัดจนเปลี่ยนสี จากนั้นตอกไข่ใส่ลงไปแล้วรอจนกว่าไข่เริ่มจับตัวเป็นรูป เพียงแค่นี้ก็เสร็จสมบูรณ์ เพื่อปรุงรสคุณสามารถเติมปลาแห้ง,ขิงดองสีแดง,พริก ฯลฯ ได้ ความเปรี้ยวของผักดองเข้ากับกลิ่นหอมของไข่ได้เป็นอย่างดี ตอนนี้สเต๊กผักดองเป็นเมนูที่มีแทบทุกที่ในอิซากายะแถวฮิดะ
5.เคจัง: อาหารบ้านที่มีความหลากรส
เดิมทีเคจังเป็นอาหารทำที่บ้านในแถบเกโระ ต่อมาได้มีการนำมาทำขายเป็นเมนูในอิซากายะ เป็นเมนูที่ประกอบไปด้วยไก่หมักซอสผัดกับกะหล่ำปลี รสชาติของเคจังแตกต่างกันไปตามภูมิภาค ร้านค้าและครอบครัว มีทั้งรสมิโซะ รสซอสถั่วเหลืองและรสเกลือ อีกทั้งยังมีความแตกต่างในเรื่องอายุของไก่ที่ใส่ ส่วนของไก่ที่ใช้ ใช้หนังหรือไม่ใช้หนัง มีเครื่องในหรือไม่มี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อรสชาติ เคจังเข้ากับข้าวและแอลกอฮอลได้ดี หรือจะทานกับยากิโซบะก็อร่อย เรียกได้ว่ากินได้หลายวิธี คุณสามารถสนุกไปกับการกินเคจังที่ร้านค้าต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบและค้นหารสที่คุณชอบ
6.โกเฮโมจิ: ขนมที่ไม่ว่าไปที่ไหนก็เจอ
โกเฮโมจิเป็นเซมเบ้ข้าวที่ทำจากการบดเมล็ดข้าวและเสียบกับไม้และทาด้วยซอสก่อนนำไปย่าง สมัยก่อนทำขึ้นเพื่อเป็นของบูชาเทพเจ้า โกเฮโมจิ มีรูปร่างที่แตกต่างกันไป เช่น วงรี กลมและแบบดังโกะ ซอสมีหลายรสชาติ เช่น รสซีอิ๊วขาว,มิโซะ เป็นต้น และยังมีถั่ว เช่น วอลนัทและถั่วลิสงผสมอยู่ด้วย ในแถบฮิดะจะใช้งาเป็นตัวสร้างรสแล้วเติมซอสถั่วเหลืองและน้ำตาลเพื่อเพิ่มรสชาติ ความหวานที่แทรกอยู่ในความเค็ม จะทำให้คุณอร่อยจนหยุดไม่ได้
โกเฮโมจิย่างสดใหม่ทุกวัน มีความกรอบนอกนุ่มในและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ถ้าลองกัดเข้าไป เซมเบ้ข้าวจะละลายในปากและกลิ่นของถั่วจะหอมฟุ้งไปทั่วปาก
7.ปลาอายุย่างเกลือ: อาหารพื้นบ้านที่ควรทานในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง
ปลาอายุแสนอร่อยอาศัยอยู่ในแม่น้ำในกิฟุ เนื่องจากปลาอายุมีอายุเพียงหนึ่งปี ช่วงเวลาในการรับประทานปลาอายุจึงมีจำกัดมาก การทานปลาอายุจะเริ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้ร่วงและตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
ปลาอายุย่างเกลือนั้น ถูกเสียบด้วยไม้เสียบที่เป็นเหล็ก ปรุงรสด้วยเกลือและย่างบนถ่าน การแทงไม้จะแทงจากดวงตาของปลา, เจาะตรงกลางของร่างกายด้านข้างและเจาะทะลุบริเวณด้านหน้าของหาง ทำให้ปลามีรูปเหมือนตัว S การปรุงรสเพื่อเพิ่มความหวานของปลาใช้เพียงเกลือหยาบเท่านั้น หนังของปลาอายุย่างมีความกรอบ แต่เนื้อของในนุ่ม เครื่องในก็หวาน ก้างก็กรอบอร่อย
ร้านที่แนะนำ
มีอาหารท้องถิ่นหลายชนิดในกิฟุ เยอะจนคุณต้องสับสนว่าจะกินอะไรที่ไหนได้บ้าง จะมีร้านไหนที่สามารถทานทุกอย่างในร้านเดียวมั้ย จริง ๆแล้ว นกเว้นซูชิใบโฮโนคิ คุณสามารถทานอาหารที่ผู้เขียนแนะนำมาข้างต้นได้ที่ร้านอาหารท้องถิ่นส่วนใหญ่ในเมืองทาคายามะและชิราคาวะโก ตื่นเต้นแล้วใช่ไหมล่ะ งั้นไปดูกันเลย
1.เคียวยะ (ทาคายามะ)
เคียวยะเป็นร้านอาหารท้องถิ่นในทาคายาม่า เดินประมาณ 15 นาทีจากสถานี JR ทาคายาม่า อาคารที่ร้านค้าอยู่นั้นเป็นอาคารที่สร้างขึ้นโดยมีบ้านส่วนตัวในสมัยเอจิโกะเป็นแบบ มีเพดานที่สูง มีเตาและห้องนั่งเล่นและมีการแสดงงานฝีมือพื้นบ้าน คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศโบราณในร้าน
ที่ร้านขายเนื้อวัวฮิดะที่อยู่ในเคียวยะ ที่จะทำให้คุณอยากลองชิมเนื้อวัวฮิดะ อาหารแสนอร่อยของญี่ปุ่น เนื้อฮิดะชื่อดังจะถูกรวมในชุดอาหารมิโซะใบโฮโนคิ อย่าพลาดเนื้อย่าง บนตะแกรงย่างเนื้อร้อน ๆ มันจากเนื้อวัวเกรด A5 จะส่องประกายพร้อมกับเสียงของเนื้อที่กำลังถูกย่าง เมื่อลองใช้ตะเกียบหยิ้บเข้าปากหนึ่งคำ เนื้อที่มีความละเอียดและมีไขมันที่สมดุลจะละลายในปากของคุณ นอกจากนี้ที่นี่ยังสามารถลิ้มลองอาหารท้องถิ่น เช่น สเต๊กผักดองและเคจังได้อีกด้วย
2.คิตะโนะโช (ชิรากาวะโก)
คิตะโนะโชเป็นร้านอาหารท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านหลังคาทรงพนมมือชิรากาวะโก และได้ย้ายไปยังหมู่บ้านชิรากาวะโกที่มีประวัติยาวนานกว่า 250 ปีที่ได้ถูกสร้างขึ้้นใหม่ ในฤดูใบไม้ผลิรอบ ๆ ร้านค้าจะเต็มไปด้วยดอกไม้และในฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยหิมะ และจากในร้านคุณสามารถมองเห็นแม่น้ำโชกาวะที่กำลังไหลอีกด้วย
เมนูพิเศษของคิตะโนะโช เป็นชุดอาหารมิโซะใบโฮโนคิและชุดอาหารปลาอายุย่างเกลือ คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นจากภูเขาที่มีรสชาติเรียบ ๆ ในขณะชมชีวิตชนบท นอกจากนี้เนื้อฮิดะยังเป็นเมนูพิเศษของร้าน นั่งข้างเตาย่าง แล้วค่อยย่างเนื้ออย่างช้า ๆ บนแผ่นเหล็ก เติมน้ำจากเนื้อให้ชุ่มแล้วนำเข้าปากพร้อมกับจิบเหล้าสาเกอุ่น ๆ ในฤดูหนาว จะเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ
3.เคียวชิ (ทาคายาม่า): ร้านดังของซูชิใบโฮโนคิ
เคียวชิเป็นร้านซูชิที่ใช้เวลาเดิน 8 นาทีจากสถานี JR ทาคายาม่าซึ่งต่างจากร้านอื่น ๆ ที่แนะนำมา ร้านอาหารมีบรรยากาศที่อบอุ่นและเงียบสงบ ในร้านมีเคาน์เตอร์และโต๊ะสำหรับแขก ทั้งหมดประมาณ 22 ที่นั่ง
วัตถุดิบที่ร้านเคียวชิใช้ล้วนผลิตในท้องถิ่นตั้งแต่ น้ำ ข้าว น้ำส้มสายชูไปจนถึงเนื้อฮิดะและฮิดะบุริ ซูชิใบโฮโนคิเป็นเมนูเด่นของร้าน รสของน้ำส้มสายชูที่ซีมลงในข้าวกับกลิ่นของใบโฮโนคิทำให้ซูชิมีรสชาติที่อร่อย ปกติแล้วซูชิโฮโนคิจะขายระหว่างเดือนพฤษภาคม - เดือนกรกฎาคมเท่านั้น แต่ที่นี่คุณสามารถสั่งได้ตลอดทั้งปี ซูชิเคียวชิบุริก็มีชื่อเสียงมากเช่นกัน เนื้อปลามีมันกำลังดีทำให้คุณภาพของเนื้อปลาเยี่ยมยอด หลังจากการหมักเกลือแล้ว กลิ่นหอมธรรมชาติของปลาจะถูกเก็บในเนื้อปลา เมื่อลองนำเข้าปาก แล้วกัดลงไปที่เนื้อ กลิ่มหอมของปลาจะถูกปล่อยออกมาจากในเนื้อและได้รสชาติที่อร่อยล้ำ จะทานที่ร้านก็ได้หรือจะสั่งซื้อออนไลน์แล้วให้ทางร้านจัดส่งให้คุณก็ได้ ถือเป็นร้านที่สะดวกมากเลยทีเดียว
สรุป
จากมือสู่ปาก จากปากสู่หัวใจ อาหารสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของผู้คนแต่ละคนที่มีต่อโลกและชีวิต หากได้ไปที่กิฟุ อย่าลืมเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่สวยงามและสัมผัสรสชาติของน้ำในภูเขาด้วยปากของคุณ
加入我们的FB粉丝团,最新日本资讯不漏接! Centrip Japan-名古屋&日本中部旅游指南