| กองบรรณาธิการCentrip

นี่หรือคือศาลเจ้า?มาพบกับศาลเจ้าสุดแปลกในภูมิภาคชูบุ

ว่ากันว่าในนิกายชินโตของญี่ปุ่นมีคำว่า”แปดล้านเทพเจ้า” อยู่ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีการนับถือเทพเจ้าภูเขาแม่น้ำไปจนถึงพืชและดอกไม้ และแน่นอนว่าภายในนั้นมีสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกประหลาดใจ เอาล่ะค่ะ เดี๋ยววันนี้ผู้เขียนจะพาทุกท่านไปชมศาลเจ้าสุดแปลกในภูมิภาคชูบุของประเทศญี่ปุ่นกันค่ะ

1.เทศกาลเปลือยกายของศาลเจ้าโคโนะมิยะ: เหล่าผู้ชายเปลือยกายมารวมตัวกันในหน้าหนาวสาดน้ำใส่กันเพื่อขับไล่โรคระบาด

เทศกาลเปลือยกายเป็นเทศกาลของชายหนุ่มในญี่ปุ่น ในช่วงที่หนาวถึงขั้นต้องใส่เสื้อกันหนาวขนเป็ด ผู้ชายเหล่านี้กลับเปลือยกายและออกมาร่วมงานเทศกาล
นี่คือเทศกาลเปลือยกายของศาลเจ้าโคโนะมิยะ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ชื่ออย่างเป็นทางการคือ “นาโออิชินจิ” มีประวัติยาวนานตั้งแต่ 1250 ปีก่อน โดยทุกๆปีจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 13 ซึ่งเป็นวันปีใหม่ของปฏิทินจันทรคติ แต่เดิมมีจุดประสงค์เพื่อขอพรขจัดโรคระบาดแต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในพิธีทางศาสนาชินโตที่เรียกว่าคาสึกะ

ผู้สูงอายุเด็กหรือผู้หญิงอาจจะไม่สามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งในเทศกาลนี้ได้ แต่ก่อนถึงวันเทศกาลสามารถเขียนชื่อและคำอธิษฐานลงในผ้านาโออิและม้วนใส่ในกระบอกไผ่นาโออิ เมื่อถึงวันเทศกาลเหล่าชายหนุ่มจะขนถ่ายเหล่านั้นเข้าไปยังศาลเจ้าโคโนมิยะด้วยความกระตือรือร้น

 

Video

 

 

เมื่อเข้าไปถึงภายในศาลเจ้าโคโนโมยะแล้ว ชายหนุ่มที่เปลือยกายจะเริ่มสาดน้ำด้วยถังไม้ ด้วยความที่น้ำในถังเย็นมากประกอบกับอุณหภูมิร่างกายที่สูงกว่าทำให้เราเห็นความต่างๆลอยขึ้นมา จุดไฮไลท์ของเทศกาลนี้คือ “การได้สัมผัสชินโอโตโกะ” ซึ่งชินโอโตโกะถูกคัดเลือกจากการจับฉลากก่อนเทศกาล และต้องทำการชำระล้างร่างกายเป็นเวลา 3 วันในศาลเจ้า ไฮไลท์เด็ดอยู่ตรงที่เราใช้เปลือยกายแย่งกันเพื่อที่จะได้สัมผัสกลับชินโอโตโกะ เนื่องจากมีความเชื่อว่าหากได้สัมผัสแล้วจะไร้โรคภัยไข้เจ็บไป 1 ปี เรียกได้ว่าเป็นพระปิดตาที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว

หากใครได้มาเที่ยวภูมิภาคชูบุในช่วงปีใหม่ล่ะก็ อย่าลืมลองแวะมาชมเทศกาลเปลือยกายที่หาดูได้ยากกันด้วยนะคะ

2.ศาลเจ้าโมโมทาโร่ : เทพเจ้าอันดับท็อปของญี่ปุ่นที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก

โมโมทาโร่เป็นตำนานเล่าขานของญี่ปุ่น โมโมทาโร่ที่ออกมาจากลูกท้อนั้น ได้พบกับสุนัขลิงและไก่ ก่อนรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับยักษ์ร้าย ว่ากันว่าโมโมทาโร่ได้กลายเป็นภูเขาโมโมะ และศาลเจ้าโมโมทาโร่นี้ตั้งขึ้นเพื่อบูชาภูเขาโมโมะ

เชื่อกันว่าศาลเจ้าโมโมทาโร่นั้น มีความศักดิ์สิทธิ์ในการปกป้องความปลอดภัยก่อนคลอด และสุขภาพร่างกายของเด็กๆ เนื่องจากเป็นศาลเจ้าที่มุ่งเน้นไปที่เด็ก จึงมีสีสันสดใส ต่างจากศาลเจ้าทั่วไปที่มักจะมีบรรยากาศที่ดูเคร่งขรึม อีกทั้งยังมีรูปปั้นของตัวละครจากในตำนานโมโมทาโร่ให้ได้ชมอีกด้วย

นี่คือรูปปั้นที่สร้างจากฉากที่คุณยายไปซักผ้าที่แม่น้ำและได้เก็บลูกท้อยักษ์ที่ลอยมาในแม่น้ำ แน่นอนว่าภายในลูกท้อนั้นมีโมโมทาโร่อยู่
คุณตาคุณยายที่เลี้ยงดูโมโมทาโร่มา

ยักษ์ที่ถูกต่อสู้จนล้มคว่ำ หมาสีขาวคือเพื่อนของโมโมทาโร่

แม้แต่ประตูเข้าศาลเจ้าก็ยังเป็นรูปร่างของลูกท้อ หากใครรู้ตำนานโมโมทาโร่แบบละเอียดแล้วก็ น่าจะสนุกที่จะได้พบกับตัวละครที่ชอบ

นอกจากนี้ในเขตศาลเจ้ายังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของหายากต่างๆ หากใครสนใจก็ลองแวะไปดูกันได้

แม้ในส่วนของย่านร้านค้าเองก็ยังมีรูปปั้นตลกๆของยักษ์อยู่ด้วย

ร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆศาลเจ้าโมทาโร่ อร่อยและถูกมากเลย เดินต่อไปอีกนิดจะพบกับวัดจาโคอิน ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงในยามใบไม้เปลี่ยนสีของจังหวัดกิฟุ ขอบอกเลยว่าในฤดูนั้นใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่จะสวยมาก

3. ศาลเจ้าทาคาตะ:ศาลเจ้าแห่งองคชาติ

แม้จะไม่ทราบปีก่อตั้งที่แน่นอนแต่ก็มีหลักฐานบันทึกที่เก่าที่สุดในปี 927 ว่ากันว่าในสมัยก่อนเจ้าของที่ดินแห่งนี้ได้แบ่งปันเนื้อให้กับชาวเมืองที่หน้าไร่ของตัวเอง เมื่อเทพเจ้ารู้เข้าก็โกรธ เรียกเหล่าตั๊กแตนไปที่ไร่เพื่อเป็นบทลงโทษ เพื่อที่จะดับความพิโรธของเทพเจ้า ชาวนาได้ถวายหมูขาวไก่และม้าขาว อีกทั้งยังถวายกัญชาไก่ชนและรูปปั้นองคชาติและกับการที่เทพเจ้าสอนวิธีไล่ตั๊กแตน ด้วยเหตุนี้จึงมีการจัดตั้งศาลเจ้าองคชาติขึ้น

ที่นี่มักมีคนมาขอพรเกี่ยวกับเรื่องการให้กำเนิด และยังรวมไปถึงการขอพรให้กิจการรุ่งเรืองและมีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากไม่ว่ามองไปที่ไหนก็จะเห็นรูปปั้นขององคชาตตกแต่งอยู่ทั่วบริเวณ จึงทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่าศาลเจ้าแห่งองคชาติ

สิ่งที่เป็นไฮไลท์ที่ใหญ่ที่สุดของศาลเจ้านี้คือ เทศกาลโฮเน็ง ซึ่งเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อขอพรเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์ และการขอพรให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองตลอด 1 ปี ในเทศกาลจะมีการนำรูปปั้นองคชาติที่มีน้ำหนักประมาณ 250 ถึง 300 กิโลกรัมขึ้นแห่บนรถลากที่วนไปรอบเมือง ถือเป็นช่วงที่มีคนมามากที่สุดในทุกปี ขอบอกว่ารูปปั้นองคชาติถูกสร้างขึ้นใหม่ทุกปีด้วยล่ะค่ะ

ที่เทศกาลยังมีขนมรูปองคชาติขายอยู่อีกด้วย

4.มะมะคันนง :วัดที่เกี่ยวกับหน้าอกแห่งเดียวในญี่ปุ่น

Credit: @mark_mnb

นอกจากจะมีศาลเจ้าที่บูชารูปปั้นองคชาติแล้ว ยังมีวัดที่บูชาเกี่ยวกับธรรมชาติของผู้หญิงอีกด้วย มะมะคันนงถือเป็นศาลเจ้าแห่งเดียวในญี่ปุ่น มีความเกี่ยวกับหน้าอกของผู้หญิง ชื่ออย่างเป็นทางการคือ “ริอนจิ” เทพเจ้าที่ประดิษฐาน คือกวนอิมพันมือ ว่ากันว่าวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระโคโบไดชิในช่วงก่อนจะออกเดินทางไปที่เมืองจีน กลางคืนเพื่อขอพรเกี่ยวกับความปลอดภัยของประเทศ

Credit: @mark_mnb

อีกครั้งที่นี่ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการขอพรเกี่ยวกับการให้กำเนิดและการให้นมบุตร ด้วยเหตุนั้นการตกแต่งภายในวัดเกือบทั้งหมดจึงเป็นรูปของหน้าอก

Credit: @mark_mnb

มีตำนานเล่าว่า ในสมัยก่อนมีผู้หญิงคนนึงสูญเสียสามี แล้วไม่สามารถให้นมลูกชายวัย 1 ขวบได้เนื่องจากร่างกายที่ผ่ายผอม อยู่มาวันหนึ่ง เธอได้นำข้าวที่เหลือเพียงน้อยนิดไปถวายที่วัดแห่งนี้ซึ่งอยู่บนภูเขา และได้ขอพรให้ชีวิตหลังความตายมีแต่ความสุข เมื่อถวายเสร็จเธอกลับไปบ้านและได้พบว่าเธอมีน้ำนมออกมาเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่เพียงแต่สามารถมอบน้ำนมให้ลูกของตัวเองได้เท่านั้น เธอยังแจกจ่ายน้ำนมที่เหลือของเธอไปให้เด็กๆในหมู่บ้านอีกด้วย คนในหมู่บ้านและผู้หญิงต่างพากันขอบคุณและได้ให้การช่วยเหลือ 2 แม่ลูก จนเด็กคนนั้นสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ได้

หลังจากนั้นก็มีคนจำนวนมากมาที่ศาลเจ้าเพื่อขอพรเกี่ยวกับหน้าอก

Credit: @mark_mnb

แม้แต่แผ่นไม้ขอพรยังมีรูปร่างเหมือนหน้าอกเลย

Credit: @mark_mnb

บ่อน้ำเองก็มีรูปร่างแบบหน้าอก อาจจะเป็นศาลเจ้าที่คนมาเยี่ยมแล้วเขินจนเผลอพูดออกมาว่า เป็นศาลเจ้าที่น่าอายที่สุดเลย แต่จะว่าไปก็พอๆกับศาลเจ้าทาคาตะอยู่นะคะ

สรุป

เป็นยังไงกันบ้างคะ ศาลเจ้าและวัดของญี่ปุ่นเกินจินตนาการที่คุณวาดไว้ไหมคะ ด้วยวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่มักไม่ทำอะไรแตกต่างจากคนอื่น แต่ก็ทำให้เราประหลาดใจกับความแปลกในบางเรื่องได้ หากใครมีเวลาก็อย่าลืมแวะไปชมสถานที่แปลกๆของญี่ปุ่นด้วยนะคะ

Related Articles Related Articles