| กองบรรณาธิการCentrip

แน่ใจนะว่าชาติเดียวกัน!มาดูจุดเด่นที่น่าสนใจของชาวกิฟุ (ชิรากาวะโก,ทาคายาม่า)กัน!

ญี่ปุ่น ประเทศที่ยาวจากทิศเหนือไปทิศใต้และมีภูเขามากมาย ด้วยความที่สภาพทางภูมิศาสตร์และสภาพอากาศแตกต่างกันไปในแต่ละที่เป็นอย่างมาก ทำให้เกิดประเพณีและวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงมีหลายครั้งที่คนญี่ปุ่นพบว่าวัฒนธรรมในบ้านเกิดของตัวเองไม่มีในเมืองอื่นๆ

ในครั้งนี้เราจะแนะนำจังหวัด “กิฟุ”ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับจังหวัดไอจิ จังหวัดกิฟุเป็นจังหวัดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีชื่อเสียงจากเมืองทาคายาม่าและหมู่บ้านพนมมือชิราคาวะโก เราจะมาพูดถึงเสน่ห์ของจังหวัดกิฟุที่แม้แต่ในญี่ปุ่นเองยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

จังหวัดที่นิยมคาเฟ่และการกินข้าวนอกบ้านเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่น !

ถ้าพูดถึงเมืองที่ดูชอบคาเฟ่เป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นแล้ว หลายๆคนก็จะนึกถึงเมืองกิฟุ สาเหตุมาจากค่าใช้บริการคาเฟ่ต่อ 1 ครัวเรือนใน 1 ปีสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 6,045 เยน แต่ที่กิฟุสูงถึง 15,018เรียกได้ว่าสูงเป็น 2 เท่าของค่าเฉลี่ย

มาถึงประเด็นที่ว่าทำไมคนที่ชอบคาเฟ่ถึงมีอยู่เยอะ เหตุผลก็คือประมาณปี 1965 ในช่วงที่อุตสาหกรรมสิ่งทอของเมืองอิจิโนะมิยะ จังหวัดไอจิกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นสูงสุด เมืองอิจิโนะมิยะและเมืองกิฟุ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่โดยมีแม่น้ำชื่อว่าคิโซะกะวะคั่นตรงกลาง ตอนนั้นผู้คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอต่างก็ยุ่งมาก ทุกๆวันต้องทำงานกันจนถึงดึกดื่น ทำให้ตอนเช้าจำเป็นต้องทานอาหารให้เต็มที่ ด้วยเหตุนั้นเอง ในตอนเช้าพวกเขามักจะไปดื่มกาแฟและทานอาหารที่คาเฟ่ก่อนที่จะไปทำงาน จำนวนคาเฟ่แถวนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ เมืองกิฟุซึ่งอยู่ใกล้เพียงแค่ข้ามสะพาน มีร้านค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสิ่งทอเกิดขึ้นมากมาย รวมไปถึงมีการเปิดกิจการร้านกาแฟมากมาย ว่ากันว่าวัฒนธรรมยามเช้าซึ่งมีกาแฟและอาหารเช้ามากมายประกอบเข้าด้วยกันนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของคนงาน ณ ช่วงเวลานั้น (มีหลายทฤษฎี)

ในปัจจุบันชาวจังหวัดกิฟุให้ความสำคัญกับคาเฟ่เป็นเหมือนห้องนั่งเล่นในบ้านของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น ก่อนไปทำงานก็แวะทานเสร็จอาหารเช้า ใช้เป็นที่นัดพบกับเพื่อน ไปจนถึง การคุยธุรกิจ ฯลฯ เรียกได้ว่าถูกใช้ในวัตถุประสงค์ที่ต่างๆกันไป บางคนก็ไปวันละหลายครั้ง ดูเหมือนว่าวัฒนธรรมคาเฟ่จะหยั่งรากลึกลงในใจของทุกคน

จากสำนักงานการตรวจสถิติกิจการภายในและการสื่อสารกระทรวงคมนาคม "ในครัวเรือน" หมายเลข 520 ออกเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2017

หากถูกถามบ้านเกิดมักจะเผลอตอบ “ใกล้ๆกับนาโกย่า”

จังหวัดกิฟุเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับจังหวัดไอจิ หากถามชาวจังหวัดกิฟุที่อาศัยอยู่ใกล้ๆกับจังหวัดไอจิว่า “บ้านเกิดอยู่ที่ไหน” มีหลายคนที่จะไม่ตอบว่า “จังหวัดกิฟุ” แต่จะตอบว่า “นาโกย่า” หรือไม่ก็ “ใกล้ๆกับนาโกย่า”

จากการจัดอันดับ “ความมีเสน่ห์ของ 47 จังหวัด”ซึ่งจัดทำขึ้นทุกปีโดยบริษัทวิจัยเอกชนญี่ปุ่น / สถาบันการวิจัยแบรนด์ ได้ผลออกมาว่า ในปี 2019 จังหวัดกิฟุอยู่ที่ลำดับ 36 ในปี 2018 อยู่ที่ลำดับ 40 เรียกได้ว่าอยู่ลำดับล่าง ๆ เพราะแม้จะพูดชื่อจังหวัดตัวเองไป ก็มักจะมีหลายครั้งโดนถามกลับมาว่า “มันอยู่ที่ไหนหรอ” หรือไม่ก็ “จังหวัดกิฟุนี่อยู่ที่ไหนนะ”ทำให้หลายๆคนเลือกที่จะตอบว่านาโกย่าซึ่งเป็นสถานที่ที่คนรู้จักแทน นอกจากนี้อีกกรณีนึงคือ ชาวกิฟุที่อาศัยอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดกิฟุ สามารถขึ้นรถไฟไปนาโกย่าได้โดยใช้เวลาประมาณ 20 ถึง 40 นาที จึงมีหลายๆคนที่ไปเรียนและไปทำงานในนาโกย่า แม้ว่านาโกย่าจะอยู่อีกจังหวัดนึงแต่ก็มีความรู้สึกใกล้ชิดเหมือนกับเป็นบ้านเกิด

ถ้าพูดถึงแฮมท้องถิ่นที่ชอบที่สุดแล้ว คงจะหนีไม่พ้น「เมโฮแฮม」!

มีแฮมที่ชาวจังหวัดกิฟุและผู้ที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคชูบุรู้จักกันดี นั่นคือ “เมโฮแฮม”
เมโฮแฮมเป็นแฮมแบบแผ่นที่ผลิตขึ้นโดยกระบวนการทำมือตั้งแต่การหั่นเนื้อ รสชาติของเนื้อหมูอัดแน่นอยู่ในแฮม ปรุงด้วยรสชาติที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบจึงทำให้มีแฟนคลับของแฮมนี้เป็นจำนวนมาก จุดเด่นอีกอย่างนึงคือไม่ใส่สารเคมี เช่น สารกันบูด,สีผสมอาหาร,สารต้านอนุมูลอิสระ,สารเอ็กซ์เทนเดอร ์ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้บริโภคถึงพอใจเป็นอย่างมาก

 
 

นอกจากนี้เมโฮแฮมยังถูกเรียกว่าเป็น “แฮมภาพลวงตา” ทำไมถึงถูกเรียกว่าภาพลวงตา ? เหตุผลคือ เนื่องจากทุกกระบวนการผลิตถูกทำขึ้นด้วยมือ ดังนั้นผลผลิตที่ได้จึงมีจำนวนจำกัด แฮมเหล่านี้จะถูกส่งไปยังแหล่งขายสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายเนื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ทั้งหมด 450 แห่ง โดย 80% อยู่ในจังหวัดกิฟุ หากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยากจะเรับประทานผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถนำกลับประเทศได้ ก็ต้องมาแวะที่จังหวัดกิฟุของญี่ปุ่นเท่านั้น นี่แหละค่ะคือเหตุผลว่าทำไมถึงถูกเรียกว่าภาพลวงตา หากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวที่จังหวัดกิฟุ อย่าลืมลองหาในซุปเปอร์มาเก็ตดูนะคะ

ทาคายามะและชิราคาวะโกะที่อยู่ใน"ฮิดะ" ตอนเหนือกิฟุและ "มิโนะ" อยู่ตอนใต้ใกล้กับจังหวัดไอจินั้นมีลักษณะแตกต่างกัน !?

จังหวัดกิฟุเป็นจังหวัดที่มีที่ดินใหญ่เป็นอันดับ 7 ของญี่ปุ่น ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีความอุดมสมบูรณ์ทำให้ภูมิอากาศของทางเหนือและใต้มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ทางตอนเหนือในเขต “ฮิดะ” มีสถานที่ที่มีชื่อเสียงอย่างเมืองทาคายาม่าและหมู่บ้านพนมมือชิราคาวาโกะอยู่ ด้วยความที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่สูงและรายล้อมด้วยภูเขา ทำให้ในฤดูหนาวอากาศจะลงไปต่ำกว่าจุดเยือกแข็งแถมหิมะก็ตกเยอะ แต่ทางตอนใต้หรือเขต “มิโนะ”ที่เป็นที่ตั้งของ เมืองกิฟุเมืองหลักของจังหวัด ตั้งอยู่ในความสูงระดับต่ำ ฤดูหนาวหิมะก็ไม่ตกมาก ไม่ใช่เพียงในส่วนของเทือกเขาเท่านั้นแต่ในพื้นที่ราบเองเมื่อถึงฤดูร้อนก็ร้อนเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ การดื่มซุปมิโซะกับครอบครัวของคนญี่ปุ่นยังเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของแถบนี้ด้วย ในทางเหนือและทางใต้ของจังหวัดกิฟุ มิโซะที่ใช้ทำซุปมิโซะนั้นดูเหมือนว่าจะแตกต่างกัน ในแถบฮิดะจะใช้“อินะกะมิโซะ”ซึ่งทำจากถั่วเหลืองและข้าวบาร์เลย์ / ข้าวสาลีและ “โคจิมิโซะ” ซึ่งทำจากถั่วเหลืองและข้าวเป็นหลัก ซุปมิโซะที่ให้ความหอมและความหวานของข้าวและข้าวสาลีนั้นให้รสชาติที่่นุ่มนวล กลับกันในเขตมิโนะที่อยู่ใกล้กับจังหวัดไอจิ จะนิยม“ฮัจโจมิโซะ”ที่ทำจากถั่วเหลืองทั้งหมด ซุปมิโซะอาจจะเป็นตัวแบ่งเอกลักษณ์ของชาวกิฟุเหนือกับกิฟุใต้ได้เป็นอย่างดี

เมืองทาจิมิ เมืองที่ร้อนเป็นอันดับต้นของญี่ปุ่น จนทำให้ผู้คนเป็นห่วงคนที่อยู่ในมาสคอต

หากพูดถึงเมืองที่มีอุณหภูมิสูงเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นในหน้าร้อนแล้ว ของญี่ปุ่นในหน้าร้อนแล้วคุณ หลายๆคนอาจจะคิดว่าน่าจะเป็นจังหวัดที่อยู่ตอนใต้สุดของประเทศ แต่จริงๆแล้วไม่ได้เกี่ยวกับละติจูดแต่เกี่ยวกับสภาพภูมิศาสตร์ของญี่ปุ่นเป็นสำคัญ

จังหวัดกิฟุเป็นจังหวัดที่ไม่อยู่ติดทะเล มีภูเขารายล้อม และยังมีแอ่งน้ำมากมาย พอถึงประมาณเดือนก.คและส.ค. บางเมืองมีอุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียสทุกปีเนื่องจากปรากฏการณ์เฟิร์นและปรากฏการณ์ฮีทไอแลนด์ หนึ่งในนั้นคือเมืองทาจิมิของจังหวัดกิฟุ ซึ่งอุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนส.ค. อยู่ที่ 33.7 องศา (ระยะเวลาทางสถิติปี1981~2010 จากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น)

ตอนนี้มีการโปรโมทเมืองด้วยความร้อนในฐานะ “เมืองที่ร้อนที่สุดในญี่ปุ่น”โดยมี “อุนากัปปะ”มาสคอตประจำเมืองช่วยส่งเสริมการโปรโมทครั้งนี้ เป็นตัวกัปปะ ที่เป็นการรวมกันระหว่างปลาไหลอาหารขึ้นชื่อของเมืองทาจิมิบวกกับภูตผีในแม่น้ำในตำนานของญี่ปุ่น เจ้าอุนากัปปะนี้จะปรากฏตัวขึ้นทุกๆปีในฤดูร้อนเพื่อรณรงค์เกี่ยวกับโรคฮีทสโตรก ด้วยการแจกพัดที่หน้าสถานีทาจิมิ แต่ในโซเชียลมีเดียกลับมีเสียงจะพูดคน “เป็นห่วงอุนากัปปะ” จากข้อมูลของเมือง ได้แจ้งไว้ว่า พวกเขาได้ให้อุนากัปปะได้ดื่มและทานอะไรให้ร่างกายสดชื่นอยู่ตลอด และกำหนดเวลาทำกิจกรรมเพียงครั้งละ 15 นาทีเท่านั้น เหมือนว่าเจ้าหน้าที่ก็เตรียมตัวอย่างเต็มที่ค่ะ

สรุป

จังหวัดกิฟุเป็นจังหวัดที่ถูกกล่าวขานว่ามีคนหัวโบราณเยอะ ทำให้หัวใจยังไม่พร้อมที่จะเปิดรับคนจากต่างถิ่นได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งในด้านการเงินยังเป็นจังหวัดที่แสนจะประหยัด มีเงินเก็บสูงเป็นอย่างมากหากเทียบกับจังหวัดอื่น แต่ในทางกลับกัน พวกเขาก็มีความรักในคาเฟ่ สนับสนุนแฮมชั้นสูงของท้องถิ่นรายการซื้อกลับไปทานที่บ้าน มีการโปรโมทเมืองร้อนของตัวเอง ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาก็สนุกกับชีวิตประจำวันอยู่เหมือนกัน แม้จังหวัดกิฟุจะถูกกล่าวว่าเป็นจังหวัดที่เรียบๆไม่มีอะไร แต่หลายๆคนอาจรู้จักวิธีการใช้ชีวิตของพวกเขาให้สนุกก็เป็นได้

Related Articles Related Articles