| กองบรรณาธิการCentrip
สิ่งที่เปลี่ยนไปในญี่ปุ่น: เฟ้นหาความเปลี่ยนแปลงที่ดีท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า?
หากคุณมีประสบการณ์ใช้ชีวิตในญี่ปุ่น คุณคงรู้ว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ความดั้งเดิมมาพบกับความทันสมัย พวกเขาเป็นผู้นำเทรนแฟชั่นระดับเอเชีย พร้อมผสมผสานกับประเพณีที่ชาวต่างชาติอาจอึ้งก็เป็นได้ ปีนี้ไวรัสโคโรน่าแพร่กระจายทั่วทั้งโลกอย่างหยุดยั้งไม่ได้ แต่ท่ามกลางความโหดร้ายก็อาจเป็นจุดเปลี่ยน สำหรับการพัฒนาต่าง ๆ เราได้สรุปความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นช่วงการระบาดของไวรัสโคโรน่า
Table of Contents
- นโยบายการป้องกันไวรัสของญี่ปุ่นเป็นอย่างไร?
- เปลี่ยนแปลงเพื่ออยู่รอด
- เครื่องโทรสารที่ใช้ในการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
- ในที่สุดร้านอาหารก็ "อนุญาต" ให้ห่อกลับบ้านได้แล้ว
- การเพิ่มขึ้นของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์
- วัฒนธรรมเฉพาะตัวของญี่ปุ่น
- การเว้นระยะทางสังคม? ไม่เป็นปัญหา! เรามาปาร์ตี้ออนไลน์กันเถอะ!
- การสวมเสื้อผ้าสวยงามสำหรับการประชุมออนไลน์
- การพบเจอกับผู้มีชื่อเสียงเป็นเรื่องที่หยุดไม่ได้! การจับมือและคอนเสิร์ตออนไลน์
- อย่ากังวลการทานอาหารและพูดคุย! แนะนำหน้ากากมือถือ
- สรุป
นโยบายการป้องกันไวรัสของญี่ปุ่นเป็นอย่างไร?
เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกแจ้งสถานการณ์ฉุกเฉินในเดือนเมษายน 2020 เป็นเวลากว่าสองเดือน และเพื่อการป้องกันไว้ก่อน รัฐบาลขอให้ประชาชนออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ไปโรงพยาบาล ร้านค้า หรือทำงาน รัฐบาลขอให้ร้านค้า ร้านอาหาร โรงหนัง และธุรกิจที่ไม่จำเป็นปิดกิจการชั่วคราว
ญี่ปุ่นเงียบเพียงข้ามคืน บริเวณในเมืองที่มักจะมีคนพลุกพล่านถูกแทนที่ด้วยถนนที่มืดมิดหลังเลิกงาน มีคนเดินถนนเพียงไม่กี่คน และในเกือบทุกเมืองกลายเป็นเหมือนเมืองร้าง ในช่วงวันหยุด ห้างร้านและสถานที่ท่องเที่ยวก็ปิด คอนเสิร์ตและกิจกรรมกลางแจ้งก็ถูกยกเลิก ร้านค้า ร้านอาหารและธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนัก และถ้าคุณไม่ปรับตัวทางธุรกิจ กิจการอาจจะต้องปิดตัวลง
เปลี่ยนแปลงเพื่ออยู่รอด
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ทันสมัย แต่ก็ยังรักษาและให้ความสำคัญกับเอกลักษณ์ของชาติซึ่งส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ช้าหรือแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ส่งผลพวกเขาอาจดำเนินธุรกิจต่อไปได้เพียงไม่กี่ปี แต่เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าที่ส่งผลให้ญี่ปุ่นต้องยอมรับความจริงอันโหดร้าย เราได้สรุปมา ดังนี้
เครื่องโทรสารที่ใช้ในการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
ในช่วงการระบาด ข่าวที่ทำให้ทั้งชาวต่างชาติและคนญี่ปุ่นงงคือ การที่ผู้ให้บริการทางการแพทย์ยังใช้โทรสารในการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า เช่น หมอต้องส่งโทรสารไปยังจังหวัดเมื่อไหร่ก็ตามที่พบเคสไวรัสโคโรน่า พวกเขาส่งโทรสารหนึ่งแผ่นต่อผู้ป่วยหนึ่งคน ปัญหาก็คือ ที่สำนักงานกรุงโตเกียวมีโทรสารเพียงสองเครื่องเท่านั้น และการส่งโทรสารก็ใช้เวลานาน ส่วนนี้ส่งผลให้เกิดความผิดพลาด คือ มีผู้ป่วยกว่า 111 คนที่ไม่ได้รับการรายงาน และมีการรายงานซ้ำกว่า 35 ราย
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกระบบอิเล็กทรอนิกส์ ชื่อว่า HER-SYS เพื่อบันทึกจำนวนผู้ป่วยช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ในช่วงแรกของเดือนกรกฎาคม หน่วยงานรัฐบาลประมาณ 28% ยังไม่ได้ใช้ระบบนี้และยังใช้โทรสารในการส่งข้อมูล เหตุผลของพวกเขาคือต้องจัดการจำนวนผู้ป่วยจำนวนมาก และไม่ต้องการส่งรายงานออนไลน์เพราะเพิ่มงานให้หมอ นอกจากนี้ หลายเมือง เช่น โตเกียวและโอซาก้าได้พัฒนาระบบสถิติของตัวเอง
สำหรับชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยว ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความทันสมัย แต่ก็ยังมีกระบวนการทำงานที่เก่าจนทำให้ทุกคนตกใจได้
ในที่สุดร้านอาหารก็ "อนุญาต" ให้ห่อกลับบ้านได้แล้ว
อีกอย่างที่ชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวเสียอารมณ์เมื่อมาเยือนญี่ปุ่น คือ ร้านอาหารไม่มีบริการห่ออาหารกลับบ้าน เนื่องจากมีความกังวลเรื่องความสะอาด หากเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ลูกค้าทานอาหาร และเป็นอาหารเป็นพิษ ร้านอาหารต้องรับผิดชอบ และร้านอาหารก็ไม่อยากรับความเสี่ยงนี้
แต่ในช่วงการระบาดนี้ ประชาชนหลีกเลี่ยงการไปทานอาหารที่ร้านและเลือกจะทานอาหารที่บ้านมากกว่า ถ้าร้านอาหารยังไม่อนุญาตให้ห่ออาหารกลับบ้านได้ พวกเขาอาจจะต้องปิดตัวลง ทำให้มีร้านอาหารให้บริการอาหารห่อกลับบ้านเพิ่มขึ้นจำนวนมากประมาณ 8.6เท่า* แม้ร้านราเมง ร้านบาร์บีคิวและร้านอาหารทีเมื่อก่อนอาจจะไม่มีบริการห่อกลับบ้านก็เริ่มหันมาให้บริการ Uber Eats ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เมื่อมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 2.6 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับยอดผู้ใช้ในปีก่อน
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ทำให้เกิดเมนูสั่งกลับบ้านมากมาย สำหรับลูกค้าแล้ว นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
*ตัวเลขของร้านอาหารที่ให้บริการสั่งกลับบ้านเพิ่มขึ้นประมาณ 8.6 เท่าเมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 1 ถึง 28 เมษายนกับ 27 มกราคมถึง 23 กุมภาพันธ์ 2020
การเพิ่มขึ้นของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ญี่ปุ่นยังล้าหลังในเรื่องการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (บัตรเครดิต การชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ บัตรขนส่งสาธารณะ เป็นต้น) เมื่อเปรียบเทียบกับจีนและเกาหลีใต้ แม้ญี่ปุ่นจะค่อย ๆ แนะนำระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยการสนับสนุนของรัฐบาลตั้งแต่สิ้นปี 2019 แต่ไวรัสโคโรน่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการใช้ที่รวดเร็วขึ้น เมื่อเปรียบเทียบจำนวนในเดือนกรกฎาคม 2019 กับเมษายน 2020 จำนวนคนที่เลือกชำระโดยอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มจาก 4% เป็น 10% และสัดส่วนของคนที่ชำระโดยอิเล็กทรอนิกส์เกินครึ่งนึงเพิ่มจาก 10% เป็น 23%
เงินสดที่ใช้จ่ายนั้นผ่านมาหลายมือ ถ้าจับเงินสด คุณจะต้องล้างมือ ในยุคนี้ การใช้ATM ลดน้อยลงเลยทำให้การใช้เงินสดลดลงด้วย นี่เป็นเหตุผลสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ อีกเหตุผลที่สำคัญคือร้านค้าหลายร้านมีการเว้นระยะทางสังคมในการชำระเงิน ทำให้แถวยาวและรอนาน ถ้าลูกค้าต้องการชำระด้วยเงินสดก็จะใช้เวลานาน และเพิ่มความโมโหระหว่างรอคิวได้ นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมคนญี่ปุ่นที่ปกติไม่ชอบให้คนจ้องมองจะเลือกใช้การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์!
วัฒนธรรมเฉพาะตัวของญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นแหล่งรวมสินค้าแปลกใหม่และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่คนทั้งโลกนับถือ เราได้เห็นความคิดสร้างสรรค์แบบเดียวกันนี้ระหว่างการระบาดของไวรัส
การเว้นระยะทางสังคม? ไม่เป็นปัญหา! เรามาปาร์ตี้ออนไลน์กันเถอะ!
คนญี่ปุ่นหลงรักการดื่มร่วมกันแต่พวกเขาก็รู้ว่านี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาดื่มด้วยกัน ตอนนี้พวกเขาเตรียมเครื่องดื่มที่บ้านและวิดีโอคอลคุยกัน ด้วยวิธีนี้พวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องเมาแล้วขับ หรือดื่มเกินงบ คุณยังดื่มพร้อมผมที่ยุ่งและสวมอะไรก็ได้อีกด้วย!
การปาร์ตี้ออนไลน์ช่วยแก้ปัญหาการพบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตา เป็นการเว้นระยะทางสังคมที่ดี ตอนนี้ คุณได้ติดต่อกับเพื่อที่อยู่ต่างประเทศหรือสื่อสารกับเพื่อนเก่าอีกด้วย
การสวมเสื้อผ้าสวยงามสำหรับการประชุมออนไลน์
การทำงานจากที่บ้านกลายมาเป็นความปกติแบบใหม่แต่นิตยสารชื่อดังและร้านเสื้อผ้าได้ยอมแพ้กับโชคชะตาไปแล้วหรือ ไม่เลย!นิตยสารที่ได้รับความนิยมนำเสนอเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับการประชุมออนไลน์ การแต่งหน้าสำหรับการประชุมออนไลน์ และจะทำอย่างไรให้ดูเด็กในการวิดีโอคอล ซึ่งคำแนะนำจะรวมถึงควรใส่เสื้อสีสดใส การสวมเสื้อผ้ารัดรูป และใส่แจ็คเก็ตแนบเนื้อกับกระดุมสีสันสดใส เขาสอนแม้กระทั่งการจัดแสงไฟและองศาของกล้อง ฉันสงสัยว่าจำนวนยูธูปเบอร์อาจจะเพิ่มขึ้นหลังการระบาดครั้งนี้แน่นอนเลย!
ในขณะที่ประเทศอื่นเริ่มมองถึงความสำคัญของการตั้งการ์ดและการ์ดไม่ตก ญี่ปุ่นกลับมองถึงจะมองเรื่องราวรอบตัวอย่างไรให้สวยงาม นี่เป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เห็นว่าญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับอะไร
การพบเจอกับผู้มีชื่อเสียงเป็นเรื่องที่หยุดไม่ได้! การจับมือและคอนเสิร์ตออนไลน์
ตอนนี้ คอนเสิร์ตและการจับมือตัวต่อตัวในญี่ปุ่นถูกยกเลิกไป การเปลี่ยนแปลงของวงการบันเทิงจะเกิดขึ้นจริงตอนนี้ หลาย ๆ บริษัทเค้นความคิดและออกงานการจับมือออนไลน์ การพูดคุยออนไลน์และคอนเสิร์ตออนไลน์
ตัวอย่างเช่น HKT48 วงน้องสาวของ AKB48 ที่มีกิมมิคที่ได้จับมือกับเมมเบอร์ถ้าคุณซื้อเพลงเพื่อเป็นการสนับสนุนการขายเพลง ตอนนี้พวกเขาจัดงานจับมือไม่ได้เลยใช้ไลน์ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่นิยมในญี่ปุ่น โดยใช้บริการ LINE Face2Face ทำให้มีการพูดคุยออนไลน์และให้แฟนคลับได้มีเวลาสุดพิเศษกับเมมเบอร์คนพิเศษในช่วงเวลาสองต่อสอง นอกจากการพูดคุยแล้วยังถ่ายรูปร่วมกันและส่งดอกไม้หรือจดหมายออนไลน์ได้อีกด้วย
เป็นที่น่าประทับใจไปอีกขึ้นเมื่อคุณจะได้พบกับไอดอลสุดโปรดในห้องส่วนตัวของคุณผ่านวิดีโอคอล ถ้าคุณอยากทำไอดอลประทับใจ ก็อาจแปะโปสเตอร์และเรียงของสะสมไอดอลในห้องให้มากที่สุด และพวกเขาจะตกหลุมรักคุณแน่นอน
อย่ากังวลการทานอาหารและพูดคุย! แนะนำหน้ากากมือถือ
หน้ากากมือถือถูกออกแบบมาเหมือนหน้ากากมาสเคอเรดของยุโรป ส่วนสายคล้องสามารถติดเข้ากับส่วนปากทำให้สามารถเอาออกเวลาทานอาหารและถือขึ้นมาเมื่อพูดคุยกันเพื่อป้องกันน้ำลายระหว่างการคุย เพราะการถอดหน้ากากทุกครั้งที่ทานอาหารเป็นความเจ็บปวดจริง ๆ การถือหน้ากากเป็นทั้งความหรูหราและใช้งานง่ายสำหรับการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส
หน้ากากมือถือเป็นไอเดียของนักเรียนมหาวิทยาลัยศิลปะเกียวโตซากะและยังอยู่ระหว่างการพัฒนา และในอนาคตอาจจะกลายเป็นเทรนในประเทศก็เป็นได้
สรุป
ไวรัสโคโรน่าส่งผลกระทบที่ประเมินค่าไม่ได้ ทุกคนพยายามปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตใหม่ มีความเปลี่ยนแปลงในญี่ปุ่นที่เหมือนกับประเทศของคุณบ้างมั้ย มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ สำหรับคุณบ้างหรือเปล่า เรามาปกป้องโลกของเราจากไวรัสโคโรน่าไปด้วยกันเถอะ
Click here to get the latest information on Central Japan.Centrip Japan - Nagoya and Chubu Information