| กองบรรณาธิการCentrip

สวนกิฟุโยโระ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีและซากุระ

คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับโครังเคว่าเป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสี แต่คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับสวนโยโระบ้างหรือยัง สวนโยโระตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ซึ่งอยู่ห่างจากนาโกย่าเพียงหนึ่งชั่วโมงด้วยรถไฟเท่านั้นเอง และเป็นสถานที่ที่คนรู้จักน้อยจึงเป็นจุดที่ดีสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีและซากุระ ให้ Centrip พาคุณไปพบกับสวนโยโระ ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดอันดับ 5 ในการชมใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคชูบุ

สวนโยโระ: พื้นที่ธรรมชาติสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีและศิลปะ

เครดิต:สวนโยโระ © 1997 Estate of Madeline Gins. Reproduced with permission of the Estate of Madeline Gins.

สวนโยโระกินบริเวณที่กว้างใหญ่กว่า 78 สนามฟุตบอล ซึ่งแบ่งได้เป็นหลายส่วน ซึ่งรวมน้ำตกโยโระอยู่ด้วย น้ำตกแห่งนี้ติดเป็นหนึ่งในร้อยของน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โซนโยโระ เฟท รีเวอร์ซัล อาคารที่คุณจะได้พบกับความสวยงามของศิลปะ สนามเด็กเล่น สำหรับเด็ก และสนามกอล์ฟ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกิจกรรมกลางแจ้งสุดฮิตสำหรับทุกเพศทุกวัย

เมื่อเดินตามน้ำตกโยโระที่ประดับไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีและซากุระญี่ปุ่น และบรรยากาศสุดตระการตาในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นหนึ่งในจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยเป็นอันดับ 5 ของภูมิภาคชูบุ

ที่แห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของตำนานลูกชายกตัญญู คุณจะได้พบกับสิ่งของเกี่ยวกับตำนานนี้มากมาย

ตำนานลูกชายแสนกตัญญู

เมื่อกว่า 1300 ปีก่อน เด็กชายยากจนผู้อาศัยอยู่กับพ่อที่ป่วยหนัก เด็กชายดูแลครอบครัวและเก็บไม้ฝืนเพื่อการดำรงชีวิต

วันหนึ่งเมื่อเขากำลังเก็บฟืนอยู่ เขาได้พบกับน้ำตกและคิดว่า "จะดีแค่ไหนถ้ามีไวน์พุ่งออกมาจากน้ำตก พ่อต้องมีความสุขมาก ๆ " ระหว่างที่คิด เขาก็ตกลงไปในแหล่งน้ำและหมดสติไป เมื่อตื่นขึ้นมา เขาพบว่าน้ำตกได้กลายเป็นไวน์ เด็กชายดีใจมากและนำไวน์ใส่น้ำเต้ากลับมาบ้านให้พ่อดื่ม เมื่อพ่อของเขาดื่มตาที่พล่ามัวและขาที่ใช้การไม่ค่อยได้ ก็หายดี ผมขาวของพ่อได้กลายเป็นผมดำดั่งเด็กหนุ่ม เมื่อเรื่องราวนี้ได้เผยแพร่ออกไปยังจนถึงหูของจักรพรรดินี เธอก็คิดว่าความกตัญญูของเด็กชายคนนี้ได้ย้ายสวรรค์ลงมาและให้ชื่อแผ่นดินตรงนั้นว่า โยโระ (แปลว่า ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ) และให้เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นผู้ปกครองแผ่นดินผืนนั้น

การเดินทางไปสวนโยโระ

จากสถานีนาโกย่า นั่งรถไฟ JR ไปสถานีโองากิ และเปลี่ยนไปรถไฟโยโระ ไปสถานีโยโระ ช่างภาพมากมายมาที่นี่เพื่อถ่ายภาพรถไฟสีแดงสุดเรโทรของรถไฟโยโระ

สถานีแห่งนี้มีน้ำเต้าแขวนอยู่มากมาย ซึ่งมากจากตำนานลูกชายกตัญญู และก็มีรูปปั้นของเด็กชายที่ด้านหน้าสถานี

เส้นทางไปยังน้ำตกโยโระ

แผนที่ของสวนโยโระ

ถ้าคุณอยากเดินให้ครบทุกเส้นทาง เราคิดว่าคงเป็นไปได้ยาก เราจึงจัดทำเส้นทางแนะนำให้กับคุณ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง ถ้าคุณเดินตามเส้นทางนี้ เรารับรองว่าคุณจะไม่พลาดใบไม้เปลี่ยนสี เราไปดูจุดห้ามพลาดกันเถอะ

สะพานสุดฮิตทั้ง 7แห่งในโยโระ: สะพานสำหรับการถ่ายภาพกับใบไม้เปลี่ยนสีที่ปลิวไสว

สะพานแต่ละแห่งมีสไตล์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะสูงหรือเตี้ย และมีทั้งสะพานหินและสะพานไม้

และเมื่อเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จะพบกับทางเดินไปยังแม่น้ำ ที่ที่คุณจะได้สัมผัสกับน้ำในแม่น้ำ

เส้นทางเดินแห่งนี้ ไม่มีความชันที่น่ากลัว ทำให้คุณมาเดินได้อย่างสบาย ๆ ถ้าคุณมองกลับไปด้านหลังจะพบกับวิวแสนสวยของหมู่บ้านเล็ก ๆ ในกิฟุใต้ท้องฟ้าสีเขียว

วันธรรมดามีคนเดินทางมาน้อย คุณจะได้เพลิดเพลินกับเสียงของธรรมชาติที่แสนสงบ เสียงน้ำตกและเสียงร้องของนกช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจของคุณ

โยโระ โคชิซากะ สโลป: พักผ่อนที่ร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหาร

ถ้าคุณเหนื่อยกับการเดินแล้ว แวะมาที่โยโระ โคชิซากะ สโลป ซึ่งเป็นร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกที่มีอาหารท้องถิ่นและกาแฟ ร้านตกแต่งง่าย ๆ สไตล์เรโทร และให้ความอบอุ่นเหมือนแวะมาเยี่ยมบ้างสไตล์ญี่ปุ่น

ร้านแห่งนี้ขายน้ำเต้าแบบไหนกัน ตามตำนานของลูกชายกตัญญู เขารินไวน์ลงในน้ำเต้าให้พ่อของเขาดื่ม และคุณจะได้พบกับน้ำเต้าหลายชนิดและของเล่นเด็กที่ร้านขายของที่ระลึก คุณจะพบขุมทรัพย์ได้ที่ร้านแห่งนี้

ศาลเจ้าโยโระ และ คิคุซุอิ สปริง: ผ่อนคลายและฟื้นฟูร่างกายในแหล่งน้ำที่ติดจุดดีที่สุด 100 แห่งของญี่ปุ่น

แหล่งน้ำที่นี่เป็นที่เลืองชื่อว่าช่วยในการผ่อนคลายและฟื้นฟูร่างกาย คนจากทั่วทุกทิศเดินทางมาเพื่อแหล่งน้ำแห่งนี้ แม้ว่าเราจะการันตีไม่ได้ว่าน้ำที่นี่มีพลังวิเศษ แต่น้ำคิคุซุอิ สปริงมีความใสและมีแร่ธาตุมากมาย มีรสอร่อยและหวาน และไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นเป็นแหล่งน้ำยอดนิยมติด 100 อันดับแรกของญี่ปุ่น ที่นี่มีจุดเก็บน้ำจากด้านใต้ของบันไดศาลเจ้า ทำไมไม่ลองเอาขวดน้ำของคุณมารองไปดื่มดูละ

ศาลเจ้าตั้งอยู่ถัดจากคิคุซุอิ สปริง และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยพลังงานที่ดี ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่รู้จักในการขอพรด้านสุขภาพ อายุ และความงาม

ป้ายหน้าศาลเจ้ามีรูปทรงเหมือนน้ำเต้าแสนน่ารัก

น้ำตกโยโระ: หนึ่งในร้อยน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

เครดิต:สวนโยโระ

หลังจากปีนเนินเล็ก ๆ มาประมาณ 1 ชั่วโมง คุณจะได้พบกับน้ำตกโยโระ ที่มีความสูง 30 เมตรและกว้าง 4 เมตร ล้อมรอบไปด้วยใบไม้สีแดง ให้ความรู้สึกเหมือนเกลียวคลื่นแห่งพลังงาน

เสียงน้ำตกเป็นเสียงแห่งการนมัสการ เป็นความเชื่อจากลัทธิชินโตญี่ปุ่นที่เชื่อว่ามีวิญญาณซ่อนอยู่ในทุก ๆ อย่าง คุณจะรู้สึกถึงพลังทางจิตวิญญาณจากพระอาทิตย์และพระจันทร์ในน้ำตก

ถ้าคุณเคยดูอะนิเมะเรื่อง รักไร้เสียง เราเชื่อว่าคุณจะต้องอยากมาที่แห่งนี้แน่นอน เพราะที่นี่คือจุดที่ตัวละครหลักทั้ง 2 ได้พบกัน

เมียวเคนโด: เส้นทางที่โปรยด้วยใบไม้สีแดง

ระหว่างทางกลับคุณจะได้พบกับเมียวเคนโด วัดที่สร้างเมื่อ 136 ปีก่อนเพื่อขอฝน วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปไม้ชาเคียวมูนิความสูง 3.55 เมตร ออกแบบมาจากวัฒนธรรมท้องถิ่นพร้อมด้วยความสง่างาม

ในฤดูใบไม้ร่วง เมียวเคนโดเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่คนแทบจะไม่รู้จัก ใบไม้ร่วงทับกันจนหนา และนิ่มเหมือนพรมของโมมิจิ ที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากวัดบิชามอนโดของเกียวโตที่มีชื่อเสียงเรื่องพรมโมมิจิเลย

ถนนโยนาโกะ เซเซรากิ: อุโมงค์ใบไม้เปลี่ยนสี

เครดิต:สวนโยโระ

ต่อมาคุณจะพบกับป่าใบไม้เปลี่ยนสี หรือที่รู้จักในชื่อ ถนนโยโระ เซเซรากิ แม้ว่าถนนเส้นนี้จะไม่ใช่เส้นทางหลักไปน้ำตกโยโระซึ่งคนส่วนใหญ่มองข้ามไป แต่ถนนแห่งนี้เป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าประทับใจ อุโมงค์สีฤดูใบไม้ร่วงผสมผสานกับผืนพรมสีแดงของใบไม้ร่วงช่วงเป็นอะไรที่ละสายตาไม่ได้เลย

ข้อควรระวังในการเดินเล่นในสวนโยโระ

แม้ว่าจะไม่มีอุปกรณ์การเดินป่าแบบมืออาชีพ แต่การเดินกว่า 2.5 ชั่วโมงก็ทำให้เหนื่อยได้เหมือนกัน อย่าลืมใส่รองเท้าดี ๆ มาเดินกันด้วยนะคะ
เราแนะนำให้คุณนำขนมและน้ำมาเพิ่มความสดชื่นระหว่างการเดินทางด้วย

บทสรุป

สวนโยโระเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีและการเดินป่าในญี่ปุ่นเพราะเข้าถึงง่าย มีบริเวณกว้างขวาง และมีทางเดินทางสวยงามแต่นักท่องเที่ยวน้อย ในปัจจุบันที่เราให้ความสำคัญกับการเว้นระยะทางสังคม สวนโยโระจึงเป็นสถานที่ที่ต้องมาเที่ยวให้ได้เลย
ถ้าคุณชอบธรรมชาติและศิลปะ อย่าลืมใส่สวนโยโระไว้ในสถานที่ที่ห้ามพลาดด้วยล่ะ !

Related Articles Related Articles