| Hannah Tsai

ใช้วันหยุดบนชายหาดใกล้นาโกย่า : "นิชิโอะ" สวรรค์ของขนมชาเขียว และ “ซากุชิมะ" เกาะศิลปะ

หากคุณเบื่อหน่ายกับเมืองที่รายล้อมไปด้วยกำแพงคอนกรีต ทำไมไม่ลองมาพักผ่อนบนเกาะศิลปะดูล่ะ เมืองนิชิโอะ จังหวัดไอจิ อยู่ห่างจากสถานีนาโกย่าเพียง 1 ชั่วโมงหากเดินทางโดยรถไฟ ไม่เพียงแต่เกาะศิลปะ "ซากุชิมะ" ซึ่งมีจุดให้แวะแชะถ่ายรูปลงอินสตาแกรมเยอะแบบไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ที่นี่ยังมีขนมชาเขียวสูตรพิเศษของนิชิโอะและอูด้งอีกด้วย ใช้บทความจาก Centrip Japan มาสร้างทริปสั้นๆ ที่คุณสามารถถ่ายรูปสวยๆ ลงอินสตาแกรมและรับประทานของหวานอร่อย ๆ กัน !

แนะนำเมืองนิชิโอะ

เมืองนิชิโอะตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของจังหวัดไอจิ ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงโดยรถไฟจากสถานีนาโกย่า ที่นี่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและทะเล ห่างไกลจากความเร่งรีบและคความวุ่นวายของเมืองใหญ่ เมืองเล็กๆ แห่งนี้ถือเป็นแหล่งที่มีการผลิตชาเขียวและปลาไหลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น

เมื่อพูดถึงชาเขียวแล้ว ชาอุจิในเกียวโตอาจจะเป็นที่คุ้นหูกับชาวต่างชาติมากกว่า แต่จริง ๆ แล้วเมืองนิชิโอะซึ่งผลิตชาเขียวมากเป็นอันดับสองในญี่ปุ่นมีประวัติในการผลิตชาเขียวยาวนานกว่า 700 ปี บางคนบอกว่าชาเขียวของนิชิโอะมีกลิ่นหอมที่แรงกว่าและมีสีเขียวสดใสกว่าชาอุจิ เรื่องนี้ต้องเป็นนักชิมมือฉมังเท่านั้นถึงจะรู้ ว่าชาเขียวนิชิโอะนั้นใช้เฉพาะใบชาที่ปลูกในเขตชานเมืองของเมืองนิชิโอะ ชาเขียวของที่นี่จึงผ่านการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดเป็นพิเศษ ทำให้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นวัตถุดิบสำหรับเครื่องดื่มแบรนด์ญี่ปุ่น "ITOEN" ถ้าคุณไปที่นิชิโอะ อย่าลืมสั่งขนมชาเขียวเพื่อที่จะได้สัมผัสกับรสชาติที่แท้จริง

ของกินอีกอย่างที่พลาดไม่ได้หากมาที่นิชิโอะเมืองใกล้ทะเลก็คือปลาไหล อุตสาหกรรมปลาไหลของที่นี่คิดเป็นสัดส่วนเกือบหนึ่งในสี่ของของญี่ปุ่น และปลาไหลที่จับได้ที่นี่มีความนุ่มมาก ร้าน “โฮไรเค็น” ร้านขายฮิทสึมาบูชิชื่อดังของนาโกย่า ก็ใช้ปลาไหลอิชชิกิซังของนิชิโอะเช่นกัน อีกทั้งปลาไหลอิชชิกิซังของนิชิโอะยังมีราคาถูกกว่าในเมืองประมาณ 1,000 ถึง 2,000 เยน จึงนับได้ว่าเป็นของที่มีราคาไม่แพงแต่มีคุณภาพดี

นอกจากนี้ "เกาะซาคุชิมะ" และ "พิพิธภัณฑ์เครื่องแก้วมิคาวะ" ซึ่งเต็มไปด้วยผลงานศิลปะก็เป็นสถานที่ยอดนิยมในหมู่ผู้หญิงญี่ปุ่นเช่นกัน บทความหลังจากนี้เราอยากจะแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับวิธีการใช้เวลาที่ยอดเยี่ยมในเมืองนิชิโอะ

เกาะซาคุชิมะ : สถานที่อันแสนประทับใจที่ผสมผสานธรรมชาติและศิลปะเข้าด้วยกัน

เพียงนั่งเรือจากท่าเรืออิชชิกิในเมืองนิชิโอะประมาณ 20 นาที คุณจะพบกับเกาะศิลปะที่มีชื่อว่า "เกาะซาคุชิมะ" เกาะนี้ไม่มีสัญญาณไฟจราจรและมีขนาดใหญ่กว่าโตเกียวดิสนีย์ประมาณ 3 เท่า แต่มีผู้อยู่อาศัยเพียง 250 คน โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นชาวประมง ในขณะที่คุณเดินเล่นรอบเกาะ คุณจะเห็นอวนจับปลาของชาวบ้านและผ้าที่ตากอยู่ในสวนหลังบ้าน คุณสามารถสัมผัสได้ถึงชีวิตที่ไม่มีสิ่งในเชิงพาณิชย์มาเกี่ยวข้องได้ อีกทั้งยังสามารถสัมผัสได้ถึงความเรียบง่ายที่ผ่อนคลายของเกาะซาคุชิมะ

ถ้าคุณชอบเกาะนาโอชิมะซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะการเป็นสถานที่จัดงานแสดงศิลปะนานาชาติเซโตะอุจิในชิโกกุ ประเทศญี่ปุ่นละก็ คุณจะหลงรักเกาะซากุชิมะ ตั้งแต่ปี 2001 ศิลปินหลายคนได้ออกแบบงานศิลปะขนาดใหญ่ให้กับเกาะซาคุชิมะ ผลงานศิลปะร่วมสมัยหลายชิ้นกระจายอยู่ทั่วเกาะ ล้อมรอบด้วยทะเลสีฟ้าและท้องฟ้า คิดว่าคงเป็นเหตุผลที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตในหมู่สาวๆ

การเดินทางไปยังเกาะซาคุชิมะ ให้โดยสารรถประจำทางจากสถานีนิชิโอะไปยังท่าเรืออิชชิกิจากนั้นนั่งเรือต่อไปอีก 20 นาที เนื่องจากมีเที่ยวการเดินเรือและรถบัสไม่มากกรุณาตรวจสอบตารางเวลารถบัสและเรือก่อนออกเดินทาง

วิธีสนุกไปกับที่นี่วิธีที่ 1: ปั่นจักรยานรับลมทะเล

จักรยานเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางรอบเกาะซาคุชิมะ การขี่จักรยานรับลมทะเลบนเกาะนั้นถือเป็นวิธีที่สะดวกสบายที่สุด และยังมีร้านเช่าจักรยานอยู่ใกล้ท่าเรืออีกด้วย (800 เยน 3 ชั่วโมงและ1,000 เยนต่อวัน)

ทางทิศตะวันตกของเกาะซาคุชิมะมี "หมู่บ้านกำแพงสีดำ" ซึ่งกำแพงของที่นี่ถูกทาด้วยสีด้วยน้ำมันที่ทำจากถ่านหินเพื่อป้องกันบ้านจากลมทะเล อีกทั้งบ้านญี่ปุ่นสีดำเก่าแก่ที่ตั้งอยู่รวมกันทำให้ที่นี่มีทิวทัศน์ที่ไม่เหมือนใคร ถนนระหว่างอาคารมีขนาดเล็กและคดเคี้ยว เวลาขี่จักรยานมันเหมือนกับการสำรวจเขาวงกตที่สดใหม่และน่าสนใจ

หากคุณขับรถไปตามถนนสายหลักที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของเกาะซาคุชิมะ คุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของทุ่งนา และเมื่อเลี้ยวพ้นโค้งก็จะกลายเป็นทิวทัศน์ทะเลที่เย็นสบาย นี่คือความสนุกของการปั่นจักรยานบนเกาะซาคุชิมะซึ่งมีทัศนียภาพที่หลากหลาย

วิธีสนุกไปกับที่นี่วิธีที่ 2: ตามหาผลงานศิลปะและถ่ายรูปสวยๆ

บนเกาะซาคุชิมะมีงานศิลปะอยู่ทั้งหมด 22 ชิ้น แต่มี 3 ชิ้นเท่านั้นที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ
จัตุรัสสีดำที่มีชื่อว่า "โอฮิรูเนะเฮ้าส์" ยังถูกใช้ในฉากภาพยนตร์อนิเมะชื่อดังอย่าง"ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน"อีกด้วย ผู้สร้างต้องการให้คุณสัมผัสถึงเสียงลมทะเลและคลื่นในสถานที่เงียบสงบแห่งนี้ ถ้ามีโอกาสลองมาที่โอฮิรูเนะเฮ้าส์และสัมผัสกับช่องสีฟ้าสี่เหลี่ยมอันเงียบสงบ ปราศจากคนรบกวน

"อีสเฮ้าส์" ตั้งอยู่บนฝั่งตรงข้ามอ่าวของ "โอฮิรูเนะเฮ้าส์" ซึ่งมีความตัดกันของสีดำและสีขาวอย่างชัดเจน บันไดสีขาวล้วนได้รับการออกแบบด้วยอิมเมจของแสงแดดและคลื่นทะเล ถ้าเดินขึ้นบันไดไปแล้ว จะเดินยังก้อนเมฆนุ่มๆ ได้ไหมนะ

ฝูงนกนางนวลเรียงรายอยู่ใน "ลานจอดรถนกนางนวล" งานศิลปะที่ใช้ฝูงนกนางนวลมาสร้างผลงาน งานศิลปะนกนางนวลเป็นการทำให้เหล่านกนางนวลเปลี่ยนทิศทางของใบหน้าตามกระแสลมที่พัดไปมา ณเกาะซาคุชิมะที่ลมทะเลพัดแรงแห่งนี้ ก็มีเหล่าเจ้านกนางนวลพวกนี้แหละเป็นตัวบอกทิศทางลม

รั้วใกล้ ๆ กับ "ลานจอดรถนกนางนวล" ยังมีความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ซ่อนอยู่ รั้วแต่ละอันประดับด้วยหินก้อนเล็กๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีความพิเศษเป็นอย่างมาก ลองหามันดูนะ

ร้านกาแฟ "Café Uru" ที่อยู่ในพื้นที่ทางทิศตะวันตกก็มีผนังให้ถ่ายรูปเช่นกัน เจ้าของร้านได้เชิญศิลปินชาวอเมริกันชื่อ Colette Miller ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการวาดปีกนางฟ้ามาสร้างสรรค์ผลงานที่ร้านกาแฟ ลองแวะไปที่นี่เพื่อหาอะไรดื่มแล้วไปถ่ายรูปแปลงกายเป็นนางฟ้ากัน

วิธีสนุกไปกับที่นี่วิธีที่ 3: มาค้นหาความงามที่ไม่เหมือนใครของเกาะกันเถอะ

หาดทรายสีม่วงที่ว่ากันว่ามีเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นอยู่บนเกาะซาคุชิมะ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออก(ชายหาดนียะ)ของเกาะซาคุชิมะ เป็นสีม่วงอ่อนที่ดูมีความโรแมนติกเกิดจากการผสมกันของหอยและทรายชนิดพิเศษ

บ่อยครั้งที่เรามองไปเห็นชิงช้าทำมือบนเกาะ ซึ่งมันทำให้ดูสบาย ๆ และดูมีความเป็นเกาะมาก ๆ นอกจากนี้ "รูปปั้นพระเกาะซาคุชิมะ" ที่ซ่อนตามที่ต่าง ๆ ของเกาะ มีท่อนบนเป็นมนุษย์และท่อนล่างเป็นเทพเจ้าปลา ตอนขี่จักรยานอย่าลืมมองหารูปปั้นพระเกาะซาคุชิมะตามริมถนนด้วยล่ะ

วิธีสนุกไปกับที่นี่วิธีที่ 4: เขียนคำขอลงบนแผ่นขอพรหินเพื่อเรียกโชค

บนเกาะเบนเท็นที่อยู่ริมอ่าวชายฝั่งตะวันออกของเกาะซาคุชิมะ ยังมีสถานที่ที่เป็นที่สักการะของชาวเกาะประดิษฐานอยู่ โอโนะ ซาโตชิสมาชิกของไอดอลวง "ARASHI" เองก็เคยมาเยือนเกาะแห่งนี้เช่นกัน

แผ่นสำหรับขอพรของที่นี่ทำมาจากหินต่างจากแผ่นขอพรของศาลเจ้าทั่วไปที่ทำจากไม้ ว่ากันว่าความโชคดีจะเกิดขึ้นถ้าคุณเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นศิลารูปวงรี (300 เยน) และวางไว้ในอิชิซึกะ หากความปรารถนาที่ขอเป็นจริง ต้องกลับไปยังเกาะและเขียนคำขอบคุณ หลังจากวางแผ่นขอพรแล้ว เราสังเกตเห็นว่าแผ่นขอพรที่ทำด้วยไม้นั้นจะกร่อนไปตามกาลเวลา ทำให้แอบสงสัยขึ้นมาว่าไม่แน่คำขอพรของตัวเองจะคงอยู่ด้วยแผ่นขอพรนานกว่า 100 ปีก็ได้ ฮ่า ๆๆๆ

อย่างไรก็ตามว่ากันว่าการนำหินออกจากเกาะจะทำให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น จึงห้ามไม่ให้มีการนำหินกลับบ้าน

ตลาดอิชชิกิซะกะนะฮิโรบะ: ข้าวหน้าปลาไหลรสเด็ด

หลังจากกลับมาจากเกาะซาคุชิมะและมาถึงที่ท่าเรืออิชชิกิในเมืองนิชิโอะแล้ว แนะนำให้แวะที่ตลาดอาหารทะเล "ตลาดอิชชิกิซะกะนะฮิโรบะ" ที่อยู่ถัดจากท่าเรือดู ที่นี่จำหน่ายอาหารทะเลหลากหลายชนิด ตั้งแต่หอยสดที่จับได้ที่ท่าเรืออิชชิกิ ไปจนถึงของฝากต่าง ๆ เช่น เซมเบ้รสกุ้ง ฯลฯ

ในตลาดอิชชิกิซะกะนะฮิโรบะ มีร้านปลาไหลชื่ิอ "อุนาโยชิ" ซึ่งทำลายภาพลักษณ์ที่ว่าข้าวหน้าปลาไหลต้องมีราคาประมาณ 3,000 - 4,000 เยน าข้าวหน้าปลาไหลที่ถูกที่สุดคือ 1,000 เยนหรือถูกกว่า ราคาของปลาไหลคำนวณตามปริมาณ (980 เยนสำหรับ 2 ชิ้น, 1,350 เยนสำหรับ 3 ชิ้น, บวก 370 เยนหากต้องการเพิ่ม 1 ชิ้น) ดังนั้นถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินมาก แต่คุณสามารถเพลิดเพลินกับปลาไหลนิชิโอะที่ด้านนอกกรอบและด้านในนุ่มฟูได้

นอกจากนี้ยังมี "ตลาดเช้า" ในตลาดอิชชิกิซะกะนะฮิโรบะ (เวลาทำการ: วันธรรมดา 05:00-08:00 น. วันหยุด 05:00-12:00 น.) หากคุณต้องการอยากลองสัมผัสกับชีวิตของชาวบ้านหรืออยากเห็นชาวประมงขนของต่าง ๆ ในตอนเช้า ทำไมไม่ลองตื่นแต่เช้าแล้วไปที่ตลาดอิชชิกิซะกะนะฮิโรบะแล้วทานข้าวหน้าทะเลแสนอร่อยดูล่ะ ร้านอาหารที่แนะนำคือร้าน ยามะโมะโตะ โชเต็ง ซึ่งขายเซ็ทข้าวหน้าทะเลที่ประกอบไปด้วยอาหารทะเลสดย่างใหม่ ๆ ,ซุปมิโซะในราคาเพียง 1,000 ถึง 1,500 เยนเท่านั้น การได้นั่งริมท่าเรือในตอนเช้าและกินอาหารทะเลสดๆ เป็นอาหารเช้ามันช่างมีความสุขจริงๆ

เวิร์คชอปชาเขียว & ขนมหวานจากชาเขียว

อาโออิเซชา: มาดูความลับในการผลิตชาเขียวกันเถอะ

มีร้านชาเขียวและร้านขนมมากมายในนิชิโอะ แต่ครั้งนี้เราจะพาทุกคนมาที่อาโออิเซชา ผู้ผลิตชาเขียวที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี

เวิร์คชอปการชมการผลิตชาเขียวในอาโออิเซชาอยู่ที่ 350 เยน และคุณจะได้เยี่ยมชมโรงงานที่ผลิตชาเขียวของจริง และจะได้ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับกระบวนการผลิตจากผู้เชี่ยวชาญ เวิร์คชอปนี้ยังรวมการชิมชาไว้ด้วย เรียกได้ว่าคุ้มจริง ๆ

คุณสามารถใส่เทนฉะ (วัตถุดิบสำหรับทำชาเขียว) ลงในโม่หินและสัมผัสประสบการณ์การบดชาเขียวด้วยโม่หินดูได้ ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าโม่หินนั้นหนักจนน่าตกใจ

แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้ชาเขียวไม่ได้บดด้วยมือ แต่เปลี่ยนเป็นเครื่องจักรตามภาพด้านบน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบอกนว่า ในการทำชาเขียวคุณภาพสูงสำหรับพิธีชงชานั้น ในการผลิตผงชาแบบที่ดีที่สุดออกมานั้น สามารถใช้เครื่องบดได้เพียง 60 กรัมต่อชั่วโมงเท่านั้น ชาเขียวที่ผลิตด้วยวิธีนี้จะให้สีสวยสดใสและมีน้ำหนักเบา ไม่ละลายแม้เติมน้ำร้อน แต่ในทางกลับกันชาเขียวคุณภาพต่ำจะเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อเติมน้ำร้อน หลังจากนี้เราอาจจะสามารถตัดสินคุณภาพของชาได้ด้วยตัวเองก็เป็นได้

ขณะนี้เวิร์คชอปการชมการผลิตชาเขียวให้บริการเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น และต้องจองล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ หากกังวลว่าจะฟังไม่ออกอาจจะต้องพาล่ามมาด้วย

SABO อาโออิพาเฟต์ (1078 เยน) (จำหน่ายเฉพาะช่วง)
มัทฉะเอสเปรสโซนิก (693 เยน)

ชมการผลิตชาเขียวเสร็จแล้วคุณสามารถชิมของหวานได้ที่คาเฟ่ชาเขียว "ชาโบ AOI" ที่อยู่บนชั้น 2 ของอาโออิเซชา ภายในตกแต่งด้วยไม้ที่ดูทันสมัย
ครั้งนี้เราสั่ง "SABO อาโออิพาร์เฟ่ต์" ด้านบนเป็นไอศกรีมชาเขียวรสชาติเข้มข้น ดเานล่างเป็นวุ้นรสชาติอ่อนที่มาพร้อมกับน้ำเชื่อมชาเขียวแสนหวาน งานนี้ฟินสุด ๆ

อุทยานประวัติศาสตร์เมืองนิชิโอะ: คุณสามารถสัมผัสการดื่มชาเขียวแบบดั้งเดิมได้ในสวนญี่ปุ่น

ที่อุทยานประวัติศาสตร์เมืองนิชิโอะซึ่งอยู่ห่างจากสถานีนิชิโอะโดยใช้เวลาเดินเพียง 15 นาทีนั้นเป็นสวนที่ได้รับการบูรณะใหม่ รวมถึงปราสาทนิชิโอะด้วย ปราสาทนิชิโอะได้อยู่คุ้มฟ้าคุ้มฝนให้ นิชิโอะ หมู่บ้านชาเขียวแห่งนี้มาเป็นเวลานาน แม้จะไม่ใช่ปราสาทที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น แต่เราคิดว่ามันเป็นสถานที่ที่ควรค่ากับการถ่ายภาพเพราะวิวที่ให้ความเป็นญี่ปุ่นของสวนบวกกับมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "บ้านพักโคโนเอะเก่า" ซึ่งอยู่ในสวนสาธารณะ เป็นอาคารสไตล์ญี่ปุ่นที่มีห้องชงชาและดื่มชาที่สามารถชมทิวทัศน์ของธรรมชาติและสวนได้ ที่นี่มีาเขียวคอยให้บริการด้วย

ต่างจากคาเฟ่ชาเขียวที่ทันสมัยตรงที่ คุณสามารถนั่งริมหน้าต่างของร้านน้ำชาแบบดั้งเดิมและเพลิดเพลินกับชาเขียวนิชิโอะแบบดั้งเดิมพร้อมขนมญี่ปุ่นขณะมองออกไปที่สวนญี่ปุ่นอันสวยงามได้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนญี่ปุ่นที่เคยมาที่นี่จะต้องเอ่ยขึ้นมาว่า "ดีใจที่ได้เกิดเป็นคนญี่ปุ่น"

สรุป

เมืองนิชิโอะอันเงียบสงบของจังหวัดไอจิเป็นสถานที่ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรม ไปเที่ยวทะเลในนิชิโอะวันหรือสองวันพักผ่อนและเพลิดเพลินกับวันหยุดอันแสนสุขด้วยขนมชาเขียวที่มีให้เลือกหลากหลายและอาหารทะเลที่จับได้แบบสด ๆ ใหม่ ๆ อีกมากมาย

สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป เราขอแนะนำอีก 2 จุดในนิชิโอะ ได้แก่ "พิพิธภัณฑ์เครื่องแก้วมิคาวะ"ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น "กล้องสลับลายที่ใหญ่ที่สุดในโลก" โดยกินเนสส์บุ๊ค และ"คาเฟ่ญี่ปุ่นทาราโซะ"」ซึ่งมองเห็นวิวทะเล หากใครได้ถ่ายรูปสวย ๆ อย่าลืมเอามาแชร์บนหน้าแฟนเพจ Facebook ของ Centrip Japan ด้วยนะ

Related Articles Related Articles