| Paul Deckret
ชิโอะ โนะ มิจิ: เส้นทางขนส่งเกลือโบราณของญี่ปุ่น
ในขณะที่เส้นทางนากะเซ็นโดและคุมาโนะ โคโดได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในฐานะเส้นทางเดินเท้าที่สำคัญ คุณอาจตกใจเมื่อได้ยินว่ามีเส้นทางเดินหลักอีกเส้นที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์แต่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก ซึ่งอยู่ในภูมิภาคชูบุของญี่ปุ่น เส้นทางแห่งนี้มีชื่อว่า ชิโอะ โนะ มิจิ ซึ่งมีความสวยงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไม่แพ้เส้นทางนากะเซ็นโดและคุมาโนะ โคโด แต่เพียงขาดการนำเสนอข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ทำให้เส้นทางแห่งนี้ยังไม่ได้รับความนิยมเทียบเท่ากับอีกสองเส้นทาง และแม้ว่าเส้นทางนี้จะยังไม่พร้อมที่จะขึ้นมาเป็นสถานท่องเที่ยวหลัก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นเพชรที่รอให้นักท่องเที่ยวมาค้นหา
Table of Contents
เส้นทางขนส่งเกลือที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น
ชิโอะ โนะ มิจิ แปลว่า "ถนนเกลือ" เพื่อเป็นการบรรยายถึงถนนเส้นใดก็ตามที่ครั้งหนึ่งเคยถูกใข้สำหรับขนส่งและค้าขายแร่ ญี่ปุ่นเคยต้องพึ่งพาทะเลเพื่อผลิตเกลือ ถนนเกลือเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ด้านในของประเทศ และแม้ว่ามีถนนเกลืออยู่หลายสายในประเทศ หนึ่งในเส้นทางที่ได้รับเลือกให้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุดและถูกรักษาไว้อย่างที่ดีสุดก็คือ ถนนเกลือที่มีชื่อว่า จิคุนิ ไคโด หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ชิโอะ โนะ มิจิ
ประวัติของจิคุนิ ไคโด
จิคุนิ ไคโดเป็นเส้นทางหลวงหลักสำหรับการลำเลียงเกลือ ผลิตภัณฑ์ทางทะเล ปอ บุหรี่และอื่นอีกมากมายระหว่างจังหวัดอิจิโกะ (นีกาตะ) และชินชู (นากาโนะ) เป็นเวลาหลายร้อยปี เส้นทางแห่งนี้ มีความยาวกว่า 120 ก.ม. จากอิโตอิกาวะฝั่งทะเลญี่ปุ่นไปจนเมืองปราสาทโบราณไม่ติดทะเลอย่างมัตสึโมโตะในปัจจุบัน เส้นทางนี้กำเนิดขึ้นตั้งแต่ยุคกลาง และขึ้นสู่สุดสูงสุดในช่วงปลายทศวรรษ 1700 ซึ่งเป็นช่วงที่นำ "บอกกะ" (Bokka สัตว์ที่มีลักษณะคล้ายกระบือ) มาขนสินค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี
"บอกกะ" เหล่านี้ขนสินค้าน้ำหนักระหว่าง 45 ถึง 60 ก.ก. บรรจุในกระสอบและมัดอยู่บนหลังของมัน เดินข้ามผ่านภูเขาลูกใหญ่ต่อสู้กับความเสี่ยงและภัยอันตราย มีหลายตัวที่ล้มตายจากเขาถล่ม การตกเขาและความเหนื่อยล้า มีการนำก้อนหินอายุหลายพันปีมาสร้างรูปปั้นและสัญลักษณ์ข้างทางเพื่อแสดงความเคารพแก่คนและสัตว์ที่เสียชีวิตระหว่างการเดินทาง ช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่เดินทางอย่างยากลำบาก เพราะถนนเส้นนี้ตัดผ่านกลางญี่ปุ่นซึ่งหิมะตกหนัก บริเวณภูเขาจะถูกปกคลุมไว้ด้วยหิมะที่อาจสูงถึง 5 เมตรในช่วงกลางฤดูหนาว ช่วงเดือนที่มีหิมะตก วัวและม้าไม่สามารถเดินทางได้ การขนส่งจึงทำได้เพียงโดยคนขนของผู้สวมรองเท้าสำหรับเดินฝ่าหิมะ
เมื่อเริ่มมีการก่อสร้างถนนและทางรถไฟอย่างรวดเร็วในช่วงต้นของสมัยเมจิ (ปลายศตวรรษที่ 19) ทำให้จิคุนิ ไคโดที่เคยเป็นที่นิยม ค่อย ๆ ร้างราไปในที่สุด และเป็นเวลากว่า 100 ปี ที่เส้นทางนี้ถูกทิ้งให้ลืม ใต้หญ้าที่ปกคลุม ต้นไม้ในป่าที่ล้มครืนและภูเขาที่โอบล้อม ได้เก็บกอดความทรงจำและหลักฐานความรุ่งเรืองในอดีตเอาไว้ ในที่สุด หนังสือโดยนักวิชาการตีพิมพ์ในปี 1976 ได้แนะนำความน่าสนใจและการอนุรักษ์เส้นทางนี้ให้แก่นักอ่านสมัยใหม่ให้ได้รู้จักอีกครั้ง หลักฐานทางประวัติศาสตร์และรูปปั้น ศาลเจ้า วัดและสัญลักษณ์มากมายได้ช่วยนำไปสู่การบูรณะเส้นทางประวัติศาสตร์เส้นนี้
การเดินชมจิคุนิ ไคโด
ทุกวันนี้ เราเดินตลอดเส้นทางของจิคุนิ ไคโดตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนจุดสุดท้ายผ่านถนนลาดยางและถนนแสนเงียบสงบที่ใกล้เคียงกับถนนแบบโบราณ การเดินทางครั้งนี้ของคุณจะมอบโอกาสให้คุณได้พบกับบรรยากาศที่หลากหลาย มุมถ่ายรูปสุดแสนประทับใจ ได้พูดคุยกับคนในท้องถิ่น สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น พบกับสัตว์ป่า แช่ออนเซ็น ลองทานอาหารท้องถิ่นและมองเห็นญี่ปุ่นในมุมมองใหม่ ๆ ที่คุณไม่เคยได้สัมผัส
แม้ว่าชิโอะ โนะ มิจิเป็นเส้นทางต่อเนื่องที่ยาวตามการรับรองของสมาคมการเดินระยะไกลของญี่ปุ่นและสามารถเดินได้ในระยะหนึ่งวันหรือมากกว่า แต่การเดินเป็นช่วง ๆ ทำได้ง่ายกว่าทั้งในแง่การเดินทาง สัมภาระ การเติมอาหารและเหตุผลอื่น ๆ ในแง่ปฏิบัติ เส้นทางนี้ สามารถมาเดินได้ด้วยตนเอง แต่ข้อมูลและแผนที่ภาษาอังกฤษมีอยู่อย่างจำกัด และแม้จะมีข้อมูลเป็นภาษาญี่ปุ่นแต่มักเป็นข้อมูลทั่วไปของการเดินมากกว่าเป็นการนำทาง นอกจากนี้ ยังมีบริษัทจำนวนนึงที่ทำทัวร์บนเส้นทางชิโอะ โนะ มิจิและจ้างคนในพื้นที่มาช่วยจัดการเรื่องการบริหารในการขนส่งในพื้นที่ และไกด์นำเที่ยวที่ดีควรให้ข้อมูลและเรื่องราวที่ทำให้คุณเห็นความแตกต่างระหว่างชิโอะ โนะ มิจิและเส้นทางอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ฤดูที่ดีที่สุดสำหรับการเดินป่า คือ ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายนถึงมิถุนายน) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) แต่ทางใต้ของเส้น (โอมาจิถึงมัตสึโมโตะ)สามารถเดินชมได้ตลอดปี หากเป็นทางเหนือตั้งแต่อิโตอิกาวะถึงฮาคุบะมีหิมะตกและอาจมีการปิดเส้นทางในฤดูหนาว จุดยอดของเส้นทางสายนี้ (โออามิ พาส) ปกคลุมด้วยหิมะตั้งแต่ต้นธันวาคมถึงปลายพฤษภาคม
เส้นทางการเดินแบ่งออกเป็นสามส่วนหลัก แต่ละส่วนมีลักษณะพื้นที่และบรรยากาศที่แตกต่างกันไป: บริเวณภูเขา (อิโตอิกาวะ,โอทาริ) บริเวณซาโตยามะ (ฮาคุบะ,โอมาจิ, อิเคดะ) และบริเวณเมือง (อะสุมิโนะ,มัตสึโมโตะ)
จิคุนิ ไคโดของแต่ละภูมิภาค
อิโตอิกาวะ: เส้นทางสลับไปมาระหว่างทางถนนลาดยางและลูกรังซึ่งแบ่งเป็นเส้นทางย่อย ๆ ในอิโตอิกาวะ เมื่อปีนสูงขึ้นผ่านทุ่งนาก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางโซนป่าสุดเลอะเทอะจะพบกับพิพิธภัณฑ์เส้นทางเกลือ เมื่อเดินผ่านบ่อน้ำสุดประทับใจอย่างชิโรอิเกะ คุณก็ได้ข้ามสู่จังหวัดนากาโนะพร้อมบรรยากาศภูเขาโออามิแห่งโอทาริ (โออามิ โทเกะ)
โอทาริ: ส่วนที่มีธรรมชาติสมบูรณ์ที่สุดและมีทิวทัศน์ธรรมชาติมากที่สุด ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชนบทของโอทาริ และที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ โออามิ พาส ทางเดินขึ้นเขารูปตัววีที่ตัดตรงใจกลางของป่าบีชซึ่งเป็นไฮไลท์ของพื้นที่และจิคุนิ ไคโดอีกด้วย ชิโอะ โนะ มิจิ เป็นการแสดงความสวยงามของ "ซาโตะยามะ" แห่งโอทาริซึ่งมีความเป็นศิลปะจากชั้นของป่าที่ไกลออกไปและเป็นความงดงามตามธรรมชาติแบบชนบท ในเส้นทางบริเวณนี้ของชิโอะ โนะมิจิ คุณเหมือนได้หยุดเวลาเอาไว้
ฮาคุบะ: ก่อนจะเข้าสู่ฮาคุบะคุณจะได้พบกับวิวสุดสวยจากแอลป์ตอนเหนือจากสกีรีสอร์ททสึไกเคะ โคเกน และบรรยากาศจะดียิ่งขึ้นเมื่อคุยเดินผ่านหมู่บ้านที่ขนานไปเมื่อเข้าสู่ความสูงใกล้ 3,000 เมตรคุณจะได้เห็นเส้นขอบฟ้าทางตะวันตกจากฮาคุบะไปยังมัตสึโมโตะ มีเส้นทางหลายช่วงที่ไม่ได้ลาดยาง แต่ส่วนใหญ่ที่ผ่านฮาคุบะจะเป็นเส้นทางที่มีลักษณะเฉพาะและลาดยาว เส้นทางทางใต้ของหมู่บ้านเต็มไปด้วยบ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่รออยู่
โอมาจิ: ชิโอะ โนะ มิจิบรรจบทะเลสาบอะโอะคิเมื่อคุณเข้าสู่เขตโอมาจิ ทะเลสาบอะโอะคิเป็นทะเลสาบแห่งแรกและทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของ "3 ทะเลสาบนิชินะ" และเป็นที่นิยมสำหรับการถ่ายภาพในฤดูร้อนสำหรับครอบครัวซึ่งมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น SUP พายคายัค ตั้งแคมป์ พายแคนนู และอื่น ๆ อีกมากมายจิคุนิ ไคโดโดยแหล่งน้ำทางตะวันตกและส่งต่อน้ำผ่านป่า สู่ทะเลสาบนาคาทสึนะและทะเลสาบคิซาคิอย่างรวดเร็ว นอกจากทะเลสาบแล้วการเดินผ่านเส้นทางนี้อยู่บนทางลาดยางเลาะตามขอบของโอมาจิ เราแนะนำให้คุณลองมีทริปเล็ก ๆ นอกเส้นทางไปยังศาลเจ้านิชินะชินเมอิกุอีกด้วย
อิเคดะ: ส่วนอิเคดะเป็นส่วนที่สั้นที่สุดที่ประมาณ 9 ก.ม.และมีพื้นถนนลาดยางตลอดทาง ส่วนนี้ไม่มีสถานที่ที่ต้องชมเป็นพิเศษ แต่ล้อมไปด้วยไร่ปลูกข้าวและสวนสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งเก็บรักษาบ้านแบบญี่ปุ่นก็เพียงพอแล้ว
อะสุมิโนะ: บรรยากาศของอะสุมิโนะมีความคล้ายคลึงกับผืนนาและไร่ของอิเคดะ แต่เป็นสวนวาซะบิ อะสุมิโนะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตวาซะบิรายใหญ่ของญี่ปุ่นโดยได้ประโยชน์จากน้ำแร่ธรรมชาติ และเส้นทางนี้จะนำคุณเข้าใกล้สวนขนาดเล็กของครอบครัวต่าง ๆ หากอยู่ในเส้นทางหลัก คุณอาจมีเวลาที่ลำบากแต่ก็จะไม่หลงทางเพราะเส้นทางนี้ขนานกับทางรถไฟ JR บริเวณรอบสถานีโฮทากะ หรือศาลเจ้าโฮทากะเป็นจุดสำหรับการพักผ่อน และเพิ่มพลังความสดชื่นจากผลิตภัณฑ์วาซะบิจากท้องถิ่น ถ้าคุณคิดจะเดินทั้งเส้นทาง อะสุมิโนะเป็นสถานที่ที่ดีในการพักสักหนึ่งคืน หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ปั่นจักรยานรอบเมือง
มัตสึโมโตะ: ส่วนที่ดีที่สุดของชิโอะ โนะ มิจิในมัตสึโมโตะ คือ ปราสาทมัตสึโมโตะอันงดงามซึ่งไม่ได้ตั้งอยู่ในเส้นทางด้วยซ้ำ เส้นทางนี้ไม่มีสัญลักษณ์กำกับหลายจุด เป็นเส้นทางลาดยางและเป็นเขตเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่มัตสึโมโตะสมัยใหม่ยังรักษาเสน่ห์ของอดีตเอาไว้อย่างงดงาม การไปเยี่ยมชมปราสาทเป็นสิ่งที่ห้ามพลาดสำหรับทุกคนที่ไปเที่ยวมัตสึโมโตะ จิคุนิ ไคโดผ่านทางใต้ของปราสาทที่อุชิทสึนากิ อิชิ หินพร้อมรูใหญ่เป็นที่สำหรับแขวนสัตว์ที่ขนเกลือมาให้สัตว์ได้ผ่อนคลาย
สถานที่แนะนำ: โอทาริ
แม้ว่าคุณไม่มีเวลา ไม่มีแรงหรือไม่อยากเดินเที่ยวบนชิโอะ โนะ มิจิทั้งเส้น คุณอย่าเพิ่งท้อกับการเดินป่าของคุณในครั้งนี้ จริง ๆ แล้ว หากใครอยากปีนเขาทั้งเส้น เราขอแนะนำให้เลือกบริเวณโอทาริเพราะเป็นสถานที่ที่คุณจะได้ดื่มด่ำกับความเป็นจิคุนิ ไคโดที่แท้จริง แต่ถ้าอยากได้ยินเรื่องน่าสนใจแล้วละก็ เราอาจมีความเอียงนิด ๆ เพราะเป็นคนโอทาริ ที่ยังพบว่าบริเวณนี้น่าสนใจจนอยากอยู่ไปนาน ๆ และชิโอะ โนะ มิจิก็เป็นอีกแรงดึงดูดที่ดีเลยทีเดียว
เพื่อไม่ให้สับสน ชิโอะ โนะ มิจิถูกแบ่งออกเป็นทางเดินสองเส้นในโอทาริซึ่งเดินทางไปในทิศทางตรงข้ามกับแม่น้ำฮิเมคาวะ: จิคุนิ ไคโด (ทางหลวงจิคุนิ) และจิคุนิ โคโด (ถนนจิคุนิเก่า) ทุกอย่างที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่บอกว่าเส้นทางนี้เหมาะสมกับการเป็นเส้นทางมาตรฐานแต่คุโคก็ยังมีอะไรให้ค้นพบอีกมากมาย
ทางเดินในโอทาริเป็นจุดที่ได้รับการดูแลรักษามากที่สุดและแบ่งออกเป็น 8 เส้นทางหลัก ระหว่าง 6 - 12 ก.ม.
เดินทางไปโอทาริจากนาโกย่า
การเดินทางที่เร็วและง่ายที่สุดไปโอทาริจากนาโกย่า คือ นั่งรถไฟ Limited Express Wide-View Shinano ของ JR Line ไปยังสถานีมัตสึโมโตะ (Matsumoto Station) และเปลี่ยนสายเป็น Limited Express Azusa ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ราคาหนึ่งขาอยู่ที่ประมาณ 8000 เยน รถไฟปกติหรือการนั่งรถบัสไปต่อรถไฟเป็นตัวเลือกที่ถูกกว่าแต่ก็ใช้เวลามากกว่าเช่นกัน
เส้นทางที่ดีที่สุดที่เราแนะนำ: จิคุนิ-โกเอะ
เส้นทางจิคุนิ-โกเอะเป็นพระเอกของชิโอะ โนะ มิจิ เหมือนที่ทสึมาโกะและมาโกะมะของนากาเซ็นโด เป็นเส้นทางที่สวยงาม เดินทางได้ง่ายและเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยและทุกความฟิต และยังถูกใช้เป็นเส้นทางสำหรับจัดเทศกาลชิโอะ โนะ มิจิประจำปี (เทศกาลเส้นทางขนส่งเกลือ) ทุกวันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปี เส้นทางนี้เดินได้จากทั้งสองฝั่ง แต่หากเริ่มเดินจากทสึไกเคะ จะมีความชันเฉลี่ยน้อยกว่า
จุดเริ่มต้น: สกีรีสอร์ททสึไกเคะ โคเกน
จุดสิ้นสุด: หมู่บ้านโอทาริ ยาคุบะ
DISTANCE: Approximately 7km
ระยะเวลา: ประมาณ 3 ชั่วโมง
ไฮไลท์: ภาพของแอลป์ตอนเหนือจากทสึกาอิเคะเป็นมุมที่งดงาม บรรดาหินรูปปั้นเก่าที่ประกอบกันเป็นมาเอะยามะ เฮียคุไต แคนนอน ดึงดูดสายตาได้ไม่น้อยและบ้านโบราณอุชิคาตะ ยาโดะ ป้อมยามจิคุนิ โนะ โชะ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านโอทาริ-มุระ เกียวโดะ คังซึ่งคุ้มค่าตั๋วราคา 500 เยนที่คุณจะเข้าชมได้ทั้งสามที่
การเดินทาง: มีรถบัสท้องถิ่นทั้งไปและกลับจาก JR Minami Otari Station (ฝั่ง Oito Line) ไปยังทสึไกเคะ โคเกนวิ่งเป็นประจำ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที และเมื่อลงจากรถบัสเดินต่อเพียง 3 นาทีไปทางตะวันออกของถนนและจะเห็นสัญลักษณ์นำไปสู่การเดินเขาอยู่ทางซ้าย ซึ่งอยู่ตรงหน้าโรงแรม Hotel Schanze ถ้าคุณหาเส้นทางไม่เจอ เข้าไปถามศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณที่คุณลงรถบัส เส้นทางจะจบบริเวณที่ว่าการอำเภอจากนั้นเดินตามถนนหลักไปทางใต้เพียงไม่นานก็จะเจอ Minami Otari Station
เส้นทางชมบรรยากาศสุดประทับใจ: โออามิ โทเกะ-โกเอะ
เส้นทางโออามิ โทเกะ-โกเอะ คือ เส้นทางหลักของโอทาริและเป็นเส้นทางที่ผู้คนต่างกล่าวว่าเป็นเส้นทางที่พวกเขาชื่นชอบที่สุด เส้นทางนี้ต่างจากจิคุนิ-โกเอะตรงที่อยู่ค่อนข้างไกลออกไป เข้าถึงยากและมีความขรุขระ แต่เวลาที่เสียไปนั้นคุ้มค่าเป็นที่สุด เส้นทางนี้ตั้งอยู่บนเส้นแบ่งจังหวัดนีกาตะและนากาโนะ โดยเริ่มจากจังหวัดหนึ่งและจบลงอีกจังหวัดหนึ่ง จุดเริ่มต้นที่ดีคือโออามิจากฝั่งนากาโนะ ปีนข้ามพาสและลงมาที่เนจิมายังฝั่งนีกาตะ เพื่อหลีบเลี่ยงทางชันและลื่นหากเริ่มต้นจากอีกฝั่งนึง
จุดเริ่มต้น: จุดพักโออามิ โอทาริ
จุดสิ้นสุด: ยามากุจิ เซคิโช-อะโตะ เนจิ อิโตอิกาวะ
ระยะทาง: ประมาณ 10 ก.ม.
ระยะเวลา: ประมาณ 4 ชั่วโมง
ไฮไลท์:จุดพักชองโออามิมีความน่ารักเป็นของตัวเอง และเมื่อผสมผสานกับความสวยงามของธรรมชาติ หากคุณเลือกเส้นทางนี้ คุณจะได้พบกับน้ำตก ต้นบีชที่กำลังงอกงามและที่จุดสูงสุด จะได้พบกับวิวของทะเลญี่ปุ่นล้อมด้วยภูเขา และบ่อน้ำชิโรอิเคะและคาคุมาอิเคะ ถ้าคุณเดินขึ้นยอดเขาโทคุระจากบ่อน้ำคาคุมาอิเคะเป็นระยะทาง 2 ก.ม. คุณจะได้พบกับโบนัสและวิวสุดลูกหูลูกตา
การเดินทาง: นั่งรถบัสท้องถิ่นสาย Kita-Otari Line จาก JR Hiraiwan Station (ฝั่ง Oito Line) ไปยังโออามิ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีโดยรถบัส และหลังจากลงที่โออามิ เดินจากศาลเจ้าเล็ก ๆ ตรงกลางจุดพักไปทางเหนือซึ่งเป็นบริเวณบ้านรอบนอกชนกับป่า หากคุณออกเดินทางจากอีกฝั่งของเส้นทางที่ยามากุจิ เซคิโช-อะโตะ คุณนั่งรถบัส 15 นาทีบนเส้น Nechi Line ไปยัง JR Nechi Station ซึ่งมีวิ่งไม่บ่อยนัก อย่าลืมเช็คตารางเดินรถก่อนเดินทางด้วยล่ะ
จิคุนิ ไคโด: บทสรุป
การเดินทางในชิคุนิ ไคโดทำให้คุณได้พบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการก้าวเดินตามประวัติศาสตร์และได้พบกับทิวทัศน์ที่น่ารประทับใจ พร้อมทั้งได้เรียนรู้วัฒนธรรมของท้องถิ่นในญี่ปุ่นอีกด้วย แม้ว่าการหาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษจะทำได้ยากและเส้นทางยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมซึ่งจะค่อย ๆ ปรับปรุงช้า ๆ ในอนาคต คุณก็ยังจะได้พบกับเส้นทางประวัติศาสตร์ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด แล้วอย่าลืมเพิ่มเส้นทางนี้ไว้ในแผนการเดินทางของคุณครั้งหน้านะคะ
Click here to get the latest information on Central Japan.Centrip Japan - Nagoya and Chubu Information