| Jessica Piora & Yuichi Kobayashi

นาราอิจุกุ: เพลิดเพลินกับบรรยากาศเส้นทางเก่าแก่ในเมืองระหว่างเอโดะและเกียวโต

เมืองนาราอิจุกุ

ถ้าคุณเป็นผู้ที่หลงรักโชกุนของญี่ปุ่นและอยากไปชมบรรยากาศยุคเอโดะ นาราอิจุกุ คือ สถานที่ที่คุณจะต้องหลงใหล

เมืองแห่งนี้เป็นเมืองลำดับที่ 34 และ 67 บนทางหลวงนากะเซ็นโดะ หรือเส้นทางเชื่อมเอโดะ (โตเกียว) และเกียวโตซึ่งบุกเบิกการสื่อสาร การเดินทางและการค้าระหว่างสองเมืองนี้อีกด้วย

เมื่อวันวาน เมืองนี้เคยมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงถูกขนานนามว่า นาราอิ เซ็นเคน หรือ นาราอิของบ้านหนึ่งพันหลัง
นักท่องเที่ยวมาค้างคืนที่นาราอิจุกุก่อนเดินทางไปเอโดะหรือเกียวโตได้

ในปี 2021 อาคารเก่าแก่หลายหลังได้รับการอนุรักษ์ และบ้านที่เพิ่งปลูกสร้างใหม่ก็ต้องสร้างตามมาตรฐานเฉพาะทางเพื่อรักษาบรรยากาศแบบดั้งเดิมของเอโดะซึ่งยังสัมผัสได้ที่เมืองแห่งนี้

สถานที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางสุดพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการเดินเล่นชิล ๆ ในวิวอาคารไม้เก่าแก่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์

การเดินทาง

การเดินทางจากนาโกย่าไปนาราอิจุกุ

นั่งรถไฟสาย Chuo มุ่งหน้านากาโนะ และเปลี่ยนสายไปสาย Chuo มุ่งหน้ามัตสึโมโตะและลงรถที่นาราอิจุกุ

อีกทางเลือกนึง คือ นั่งรถไฟสาย Chuo มุ่งหน้านาคัตสึกาวะ และที่สถานีนาคัตสึกาวะเปลี่ยนรถไฟไปมัตสึโมโตะ จากนั้นลงรถที่นาราอิจุกุ

เรามาปกป้องเมืองของเรากันเถอะ

 คุณจะได้ดื่มด่ำกับความพิเศษของเมืองนี้ได้ทันทีที่ลงจากรถไฟ

อาคารทุกหลัง (รวมทั้งตัวสถานี) เป็นอาคารไม้สไตล์เอโดะ
ป้ายพร้อมข้อความ "เรามาปกป้องเมืองของเรากันเถอะ" ต้อนรักคุณเข้าสู่เมืองและนี่เป็นอุดมการณ์ของผู้คนในนาราอิจุคุ

เซ็นเนน-จิและหินในตำนาน

คุณเคยเห็นหินในตำนานหรือเปล่า นี่เป็นโอกาสของคุณแล้ว จุดหมายแรก คือ เซ็นเนน-จิ วัดที่ร้อยเรียงเข้ากับนิกายมหายานของศาสนาพุทธ

สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการเดินเล่น ทั้งยังได้เพลิดเพลินวิวที่สวยงามของเมือง แต่สิ่งที่จะเตะตาคุณ คือ หินคร่ำครวญในตำนานบริเวณทางเข้า

ในปี 1729 วัดถูกย้ายมาบริเวณนี้ และหินสองก้อนนี้ก็เริ่มก่อตัวขึ้นและเริ่มส่งเสียงคร่ำครวญ จึงเป็นเหตุผลให้ก้อนหินในตำนานนี้ถูกอนุรักษ์ไว้

อาคารไม้และร้านอาหาร

ในปี 1978 นาราอิจุคุถูกแต่งตั้งให้เป็นเขตอนุรักษ์สำหรับกลุ่มอาคารดั้งเดิม และมีความพยายามในการรักษาบรรยากาศเมืองเก่าเอาไว้ บรรยากาศและกลิ่นของไม้จะพาคุณกลับสู่ความเอโดะ

อาคารส่วนใหญ่ริมถนนเส้นเก่าแห่งนี้เป็นร้านอาหารและร้านค้าที่คุณแวะซื้อสินค้าจากไม้หรือของฝาก (หรือแม้กระทั่งตัวไม้ด้วย)

ของที่ระลึกเหล่านี้ คือ หวีมิเนะบะริ
หวีมิเนะบะริเป็นหวีแบบดั้งเดิมซึ่งทำมาจากไม้เนื้อแข็งหลายชนิด ไม้เหล่านี้แกะสลักยากมาก ทำให้ได้หวีที่บางและเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ปัจจุบันเหลือช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักหวีเพียงสองคนเท่านั้น และคนที่อายุน้อยที่สุดมีอายุถึง 70 ปี
เป็นงานฝีมือที่หาชมได้ยากจริง ๆ

คุณซื้อเครื่องเขินหรืองานไม้ที่ทำด้วยน้ำมันขัดเงาแบบดั้งเดิม (คิโซะ ชิกกิ) กล่องอาหารกลางวันและแก้วจากไม้ไซเปรส (มาเกะโมโน) ของเล่นไม้ เช่น คอปเตอร์ไม้ไผ่ (ทาเคะทอมโบะ) ตะเกียบและของที่ทำจากไม้ทุกประเภท

อย่าลืมขออนุญาตเจ้าของร้านก่อนถ่ายรูปด้วยนะคะ

น้ำพุบ่อน้อย

เมื่อเดินไปตามถนนสายเก่า (ประมาณ 1 กม.) คุณจะพบกับน้ำพุเล็ก ๆ เหล่านี้ ซึ่งเดิมทีสร้างไว้เพื่อนักท่องเที่ยว น้ำเหล่านี้ดื่มได้ เพียงคุณจิบน้ำแสนอร่อยเหล่านี้และเดินทางต่อกันเลย

โชเซ็น-จิ วัดที่มีภาพวาดมังกรตัวใหญ่

โชเซ็น-จิ เป็นวัดเซน วัดแห่งนี้มีลักษณะพิเศษ 2 อย่าง
 อย่างแรก คือ ความเชื่อมโยงกับการค้าชา ในสมัยเอโดะใบชามีการขนส่งใบชาจากอุจิ (เมืองเล็ก ๆ ใกล้เกียวโตที่ปลูกชาอย่างแพร่หลาย) ไปให้โชกุน ผ่านเส้นทางนากะเซ็นโดะ

วัดที่อยู่ตรงครึ่งทางของถนนเส้นนี้จึงถูกจัดเป็นสถานที่ต้อนรับและเป็นที่พักให้กับเหล่าข้าราชบริพารที่ขนใบชา

อย่างที่สอง คือ ภาพวาดมังกรที่งดงามบนเพดาน (ถ่ายรูปได้ด้วยนะ)
ภาพมังกรถูกวาดเมื่อประมาณ 130 ปีก่อน และเฝ้าการฝึกฝนของพระสงฆ์

ภาพนี้ถูกตั้งชื่อว่า "มังกรคำราม" ซึ่งมาจากเสียงปรบมือที่สะท้อนในวัด น่าเสียดายที่ในตอนนี้เขาไม่อนุญาตให้ปรบมือภายในนั้นอีกแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาคารเก่านี้ถูกทำลายลงไป

ศาลเจ้าชิซุเมะ

ศาลเจ้านี้เป็นศาลเจ้าประจำหมู่บ้าน เมื่อมาที่นี่ คุณจะได้พบกับบรรยากาศของศาลเจ้าชินโตของญี่ปุ่น

ถ้าคุณมาเที่ยวในฤดูร้อน เทศกาลของศาลเจ้าจะจัดทุกวันที่ 12 สิงหาคม มีคนหนุ่มสาวทำการแสดงงานเต้นรำพื้นบ้าน และยังมีการแสดงดนตรีดั้งเดิมอีกด้วย

คากิโกริ 

ถ้าคุณรู้สึกอยากผ่อนคลาย ลองทานคากิโกริดูมั้ย
คากิโกริเป็นขนมหวานของฤดูร้อนญี่ปุ่น!
คากิโกริ คือ น้ำแข็งไสราดน้ำหวาน รสชาติหวานและสดชื่นมากๆ !
สตรอเบอร์รี่ (อิจิโกะ) เป็นรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

เดินเล่นและปีนเขา

คุณมีตัวเลือกมากมายหากต้องการเดินป่าและเดินเล่นรอบเมือง ถนนในเมืองเก่ามีระยะทางประมาณหนึ่งกม. ในถนนนากะเซ็นโดะโบราณ ถ้าคุณอยากเดินมากกว่านี้ ลองเส้นทางปีนเขาและสนุกกับการเดินป่าท่ามกลางแมกไม้

หรือจะเดินกลับตามเส้นทางรถไฟถ้าคุณอยากได้เส้นทางที่เงียบสงบ

บทสรุป

มีสถานที่ซ่อนอยู่หลากหลายแห่งซึ่งรอให้คุณมาค้นพบระหว่างการเดินเล่นในเมืองนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ถูกปกป้องโดยผู้คนของนาราอิจุกุ
คนในนาราอิจุกุยินดีที่จะรับนักท่องเที่ยวเพราะพวกเขาต้องการรักษาสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก
พนักงานหญิงที่ร้านขายเครื่องเขินบอกว่าเธอมักคุยกับลูกค้าทุกคนเกี่ยวกับแก้วชา โดยที่ไม่สนใจว่าจะขายได้หรือไม่ คุณจะได้พบว่าผู้คนยินดีที่จะเล่าเรื่องราวของพวกเขาให้คุณฟัง

ถ้ามีโอกาส ฉันหวังว่าคุณจะไปเยี่ยมชมสถานที่ที่สวยงามแห่งนี้

Related Articles Related Articles