เกโระออนเซ็น (Gero Onsen) เป็นออนเซ็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ลึกไปในภูเขาของจังหวัดกิฟุที่มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก เมืองออนเซ็นเล็ก ๆ แห่งนี้ง่ายต่อการเดินสำรวจและมีชื่อเสียงจากน้ำร้อนแห่งความงาม เกโระออนเซ็นเป็นสถานที่ที่คุณสามารถเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับได้ทั้งจากเมืองกิฟุหรือนาโกย่า นอกจากนี้ คุณยังรวมสถานที่แห่งนี้เข้ากับตารางการเดินทางของคุณในบริเวณใกล้เคียงอย่างฮิดะ ทาคายามะและชิราคาวาโกะได้อีกด้วย

1 ใน 3 บ่อน้ำพุร้อนที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น

เกโระออนเซ็นมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปี ในสมัยเอโดะ (1603 - 1868) ที่แห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็น 1 ใน "3 บ่อน้ำพุร้อนที่ดีที่สุด" โดยฮายาชิราซัน (Hayashi Razan) (1583 - 1657) นักปราชญ์และนักวิชาการลัทธิขงจื๊อที่ผู้คนนับถือ โดยบ่อน้ำพุร้อนอีก 2 แห่ง คือ อาริมะออนเซ็น (Arima Onsen) ในโกเบและคุสัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen) ในจังหวัดกุมมะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียว ในปัจจุบัน เกโระออนเซ็นก็ยังเป็นสวรรค์ของออนเซ็นและเป็น 1 ในบ่อน้ำพุร้อนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย

น้ำร้อนแห่งความงามของเกโระออนเซ็น

ผู้คนต่างเชื่อว่าน้ำพุร้อนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุตามธรรมชาติใต้ดินนี้ช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียนเรียบและชาวบ้านเรียกน้ำร้อนนี้ว่า "บิจิน โนะ ยุ" (Bijin no Yu) ซึ่งมีความหมายว่า "น้ำร้อนแห่งความงาม" น้ำพุร้อนเหล่านี้ผุดออกมาจากพื้นดินที่อุณหภูมิประมาณ 84 องศาเซลเซียส น้ำมีความเป็นด่างและโปร่งใสพร้อมด้วยกลิ่นหอมจาง ๆ และมีคุณสมบัติเหมือนสบู่

ประโยชน์ของน้ำพุร้อนแห่งนี้นั้นถูกนำมาใช้ตั้งแต่ยุคเท็นเรียคุ (Tenryaku era) (947 - 956) และบ่อน้ำร้อนแห่งความงามก็ดึงดูดความสนใจจากเหล่าแพทย์ทั่วญี่ปุ่น จนมีคำกล่าวกันว่า การมาแช่ในน้ำพุร้อนแห่งนี้จะช่วยให้ไหลเวียนของเลือดดีขึ้น บรรเทาความเหนื่อยล้าและรักษาสุขภาพกายและใจโดยรวม

เดินสำรวจรอบ ๆ เมืองและเพลิดเพลินกับการทำสปาเท้า

หนึ่งในความพิเศษของเกโระออนเซ็น คือ ความกระทัดรัดของเมืองจนทำให้คุณเดินสำรวจรอบเมืองได้ง่าย ๆ จุดรอบ ๆ เมืองเป็นสถานที่สำหรับอาชิยุ (ashi-yu) หรือน้ำพุร้อนแช่เท้าซึ่งเปิดให้แช่ได้ฟรี ๆ แหล่งน้ำพุร้อนสำหรับการแช่เท้าเหล่านี้เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ให้คุณตามหาระหว่างการเดินสำรวจเมืองและเป็นจุดพักที่ดีเพราะคุณจะได้แช่เท้าที่เหนื่อยล้าจากการเดิน ถ้าคุณมาเยือนในช่วงฤดูหนาว น้ำพุร้อนเหล่านี้จะช่วยอุ่นเท้าท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น

น้ำพุร้อนแช่เท้ามีให้บริการในหลากหลายสไตล์และธีมทำให้แต่ละจุดมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน

หนึ่งในน้ำพุร้อนที่ฉันชอบที่สุด คือ สปาเท้าซารุโบโบะทองคำในธีมเทพเจ้าแห่งความโชคดีทั้ง 7 ซึ่งมีเรือสีทองบรรจุด้วยซารุโบโบะ (ลูกลิงสีแดงที่โด่งดังในบริเวณฮิดะ) ที่แต่งกายเป็นเทพเจ้าแห่งความโชคดีทั้ง 7

ซารุโบโบะที่น่ารักของฮิดะa

สปาเท้าซารุโบโบะทองคำ

สปาเท้าวีนัสสไตล์ยุโรปเป็นอีกจุดที่ต้องไปดื่มด่ำกับกลิ่นอายสไตล์ตะวันตกสุดคูล

วิธีที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับเมืองได้อย่างเต็มที่ คือ การค้างคืนที่โรงแรมของออนเซ็นรีสอร์ทซึ่งคุณจะได้อิ่มอร่อยกับมื้ออาหารและเดินสำรวจบ่อน้ำพุร้อนของเมืองในยามค่ำคืนในชุดยุกาตะ (กิโมโนสำหรับฤดูร้อน) และรองเท้าแตะไม้

สถานที่ที่น่าสนใจอื่น ๆ

น้ำพุร้อนกลางแจ้งฟันเซนิเคะ (Funsenike Open Air Bath)

ถ้าคุณกล้าที่จะลองแช่น้ำพุร้อนกลางแจ้ง เราแนะนำให้คุณลองไปแช่น้ำพุร้อนกลางแจ้งริมแม่น้ำที่เปิดให้แช่ฟรี ๆ ซึ่งตั้งอยู่ที่ทางใต้ของแม่น้ำเกโระและทอดยาวตามริมตลิ่งของแม่น้ำฮิดะ บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้อยู่ห่างจากสถานีเกโระเพียง 3 นาทีและเป็นจุดที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนิยมมาแช่ออนเซ็นกันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย บ่อใหญ่นั้นเป็นบ่อรวมที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต้องใส่ชุดว่ายน้ำมาแช่น้ำพุร้อนมาแช่รวมกัน สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการแช่ออนเซ็นไปพร้อมกับการดื่มด่ำกับทิวทัศน์ของภูเขาอันงดงามและสายน้ำที่ไหลเชี่ยวของแม่น้ำ

ศาลเจ้าคาเอรุ (Kaeru Jinja)

ระหว่างที่คุณเดินไปรอบ ๆ เกโระออนเซ็น คุณจะสังเกตเห็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับกบมากมายเพราะคำว่า "เกโระ" ในภาษาญี่ปุ่นเป็นเสียงของกบและเป็นการเล่นคำกับชื่อเมืองนั่นเอง

ฝาท่อรูปกบ

ศาลเจ้ากบเล็ก ๆ ใกล้เกโระออนเซ็นกัสโชมุระ (Gero Onsen Gassho Mura)

ศาลเจ้าคาเอรุหรือศาลเจ้ากบสร้างขึ้นเพื่อสักการะความรุ่งโรจน์ของการเชื่อมโยงกับกบในทุก ๆ มุมของศาลเจ้า

เกโระออนเซ็นกัสโชมุระ

หลังจากนั่งรถบัส 6 นาทีจากสถานี Gero คุณจะมาถึงเกโระออนเซ็นกัสโชมุระ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักและเป็นที่ตั้งของบ้านสไตล์กัสโช สึคุริแบบดั้งเดิมของภูมิภาคฮิดะของญี่ปุ่น คุณจะได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านการวาดภาพเซรามิก ทำกระดาษวาชิทำมือแบบญี่ปุ่น และเข้าร่วมกิจกรรมตามฤดูกาลต่าง ๆ

เกโระออนเซ็นกัสโชมุระ

ตั๋วพาสยูเมะกุริ เทะกาตะ (Yumeguri Tegata Spa Pass)

ถ้าคุณหลงรักออนเซ็น เราแนะนำให้คุณเลือกน้ำพุร้อนจากตัวเลือกบ่อน้ำพุร้อนมากมายที่มีในเมืองเพื่อใช้ในการตัดสินใจสำหรับการเดินทางของคุณและเราก็แนะนำให้คุณซื้อตั๋วพาสยูเมะกุริ เทะกาตะ คุณจะใช้ตั๋วพาสนี้เข้าบ่อน้ำพุร้อนได้ 3 แห่งจากกว่า 20 แห่งที่มีอยู่โดยคุณเลือกซื้อตั๋วไม้นี้ได้จากโรงแรมในเมือง ร้านขายของที่ระลึก ร้านสะดวกซื้อและศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวใกล้ ๆ สถานี

ตั๋วพาสยูเมะกุริ เทะกาตะมีราคา ¥1,300 และมีอายุ 6 เดือน ตั๋วพาสไม้ที่งดงามนี้ยังเป็นของที่ระลึกสุดพิเศษสำหรับคุณอีกด้วย

อาหารรสเลิศ

เมื่อคุณมาเที่ยวกิฟุ เราแนะนำให้คุณลองทานเนื้อฮิดะซึ่งเป็นเมนูยอดฮิตของกิฟุ เนื้อลายหินอ่อนอมชมพูนุ่มที่จะละลายในปากของคุณถูกปรุงเป็นเมนูที่หลากหลายตั้งแต่ซูชิเนื้อฮิดะและคร็อกเก้เนื้อ ไปจนถึงสเต๊กและสุกี้ยากี้

เนื้อสเต๊กฮิดะ

ข้าวหน้าเนื้อฮิดะ

อาหารสุดอร่อยในท้องถิ่นคือไก่เคอิจัง (Kei-chan Chicken) เป็นการนำไก่ กะหล่ำปลีและผักชนิดต่าง ๆ มาปรุงบนกระทะร้อนพร้อมปรุงรสด้วยมิโสะหรือซีอิ๊วขาวและเสิร์ฟพร้อมข้าวขาว เป็นเหมือนอาหารที่ปรุงในบ้านและทานกับครอบครัวที่แท้จริง

บทสรุป

เกโระออนเซ็นเป็นสถานที่สำหรับการพักผ่อนในฤดูหนาวที่ดีสำหรับผู้ที่อยากเดินกลางแจ้งและสัมผัสกับวัฒนธรรมการแช่น้ำพุร้อนแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น

การเดินทางไปเกโระออนเซ็น

นั่ง JR Hida Limited Express Wide View จากสถานี JR Nagoya ไปยังสถานี Gero ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 100 นาทีและค่าโดยสารที่ ¥4,500 (ขาเดียว) ข่าวดี คือ เส้นทางนี้สามารถใช้ Japan Rail Pass ได้อีกด้วย การเดินทางที่ถูกกว่านี้ คือ การนั่งรถบัสด่วนจากสถานี Nagoya ไปยังสถานี Gero ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 150 นาที

Click here to get the latest information on Central Japan.Centrip Japan - Nagoya and Chubu Information