| Paul Deckret

อุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะ (Tsugaike Nature Park): สถานที่ที่งดงามที่สุดในโลก

อุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะมีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าสึกาอิเคะชิเซ็นเอ็น เป็นอุทยานที่รักษาธรรมชาติแบบกึ่งอัลไพน์ไว้เป็นอย่างดี อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติชูบุซังกาคุ (Chubu Sangaku National Park) ซึ่งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลเฉลี่ยกว่า 1,900 เมตรและเป็นป่าไม้ที่กว้างกว่า 100 เฮกเตอร์ อุทยานแห่งนี้มีเส้นทางเดินป่ายาว 6 กิโลเมตรไว้ให้เดินสำรวจความงดงามของป่าแห่งนี้

นักท่องเที่ยวตัวเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับเทือกเขาหินอันยิ่งใหญ่ของเทือกเขาแอลป์ทางเหนือที่ตระหง่านเป็นฉากหลังของอุทยานแห่งนี้

อุทยานที่เต็มไปด้วยป่าแห่งนี้มีลักษณะของพื้นที่และความเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เกิดความสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ในฤดูหนาวจะมีหิมะหนาปกคลุม ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนคุณจะได้พบกับดอกไม้อัลไพน์ที่แต่งแต้มความงดงามของพื้นหลังสีเขียว และในฤดูใบไม้ร่วงพื้นที่จะปกคลุมด้วยสีแดง ส้มและเหลืองสด

ดอกไม้ที่เรียงรายตามทางเดิน อย่าลืมหยุดถ่ายภาพด้วยล่ะ

แนวเทือกเขาอุชิโระ ทาเทยาม่า ที่ยาวกว่า 3,000 เมตรห้อมล้อมอุทยานแห่งนี้ให้บรรยากาศที่งดงามแบบพาโนรามาซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้อุทยานสึกาอิเคะได้รับชื่อเล่นว่า "สถานที่ที่งดงามที่สุดในโลก" และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของนากาโน่เพื่อสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติของญี่ปุ่นด้วยตัวคุณเอง

สีสันของฤดูใบไม้ร่วงปกคลุมทั่วภูเขาช่วงต้นเดือนตุลาคม

การเดินทางมาที่อุทยานสึกาอิเคะ

ไฮไลท์ของอุทยาน

เหล่าผึ้งตัวน้อยบินตอมเกสรของดอกไอรีสสีม่วงในฤดูกรกฎาคม

ดอกไม้ของพืชอัลไพน์ค่อย ๆ บานและเกิดเป็นบรรยากาศอันงดงามของฤดูกาล การเติบโตเหล่านี้เป็นการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในช่วงฤดูหนาวที่สถานที่แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะ เมื่ออุณหภูมิเริ่มอุ่นและกลางวันเริ่มยาวขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ หิมะเริ่มละลายและสร้างองค์ประกอบที่เหมาะสมสำหรับการบานของดอกมิสึบาโชะหรือดอกกล้วยน้ำ

ทุ่งที่เต็มไปด้วยดอกมิสึบาโชะในช่วงกลางถึงปลายเดือนมิถุนายน

ทุ่งที่เต็มไปด้วยดอกมิสึบาโชะสีขาวที่บานเต็มที่ช่วงกลางเดือนมิถุนายนเป็นสัญลักษณ์ของการมาถึงของฤดู "ใบไม้ผลิ" ช่วงฤดูหนาว หิมะที่ตกลงมาจำนวนมาแสดงให้เห็นความงดงามของทิวทัศน์ของภูเขา แต่ในฤดูร้อนเปรียบเสมือนการผสมผสานของสีซึ่งมีดอกไม้อัลไพน์กว่า 100 สีที่ผสมผสานกันไม่ว่าจะเป็นสีขาวของดอกหญ้า สีส้มของลิลี่และสีม่วงของดอกไอรีสที่บานทั่วทั้งป่าในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม

ดอกไม้สีขาวเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของดอกไม้ไฟซึ่งเห็นได้ทั่วพื้นที่

จากความสูงของอุทยานธรรมชาติแห่งนี้ ทำให้อุณหภูมิต่ำกว่าพื้นที่ระดับน้ำทะเลประมาณ 12 องศา นี่เป็นอีกองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับคนที่อยากหนีจากความร้อนในตัวเมืองมาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้ นอกจากนี้ ฤดูใบไม้ร่วงก็ยังเดินทางมาถึงไวกว่าที่อื่น ๆ ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งและในครั้งนี้สีแดง ส้มและเหลืองสดก็ได้เข้ามาปกคลุมทั้งพื้นที่ที่เคยเป็นสีเขียวมาก่อน ใบไม้เปลี่ยนสีช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นสวยที่สุดในช่วงปลายเดือนกันยนยนและต้นเดือนตุลาคมก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึงอีกครั้ง

อุทยานธรรมชาติเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับช่างภาพที่มองหาความสวยงามของแต่ละฤดู

การเดินทางมายังอุทยาน

สึกาอิเคะพาโนรามาเวย์ (Tsugaike Panorama way) เป็นเพียงการเดินทางเดียวที่จะเดินทางมายังอุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะได้

การเดินทางอุทยานธรรมชาติที่ตั้งอยู่บริเวณ HAKUBA VALLEY Tsugaike Kogen Ski Resort เริ่มการเดินทางด้วยสึกาอิเคะพาโนรามาเวย์ซึ่งรวมบริการกระเช้าลอยฟ้าและโรปเวย์ การเดินทางด้วยพาโนรามาเวย์นี้เป็นเพียงวิธีเดียวในการเข้าถึงพื้นที่แห่งนี้ ความสนุกเริ่มต้นตั้งแต่การนั่งกระเช้าลอยฟ้าที่พานักท่องเที่ยวลอยผ่านเส้นทางกว่า 4 กิโลเมตรจากสถานี Tsugaike Kogen (ความสูง 839 เมตร) ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ที่จอดรถกลางหมู่บ้านไปยังสถานี Tsuga-no-mori (ความสูง 1,582 เมตร) บริเวณด้านบนของรีสอร์ท การเดินทางใช้เวลาประมาณ 20 นาทีต่อขาและตลอดเส้นทางคุณจะได้พบกับบรรยากาศมุมสูงของเนินสกีและภูเขาโดยรอบจากกระเช้าอันแสนสบาย

กระเช้าลอยฟ้ากำลังเทียบเข้ากับสถานี Tsuga-no-mori summit พร้อมกับพื้นหลังเป็นเจแปนแอลป์

เมื่อลงจากกระเช้าลอยฟ้าแล้วเดินเพียงสั้น ๆ ก็ขึ้นโรปเวย์ต่อได้เลยที่สถานี Tsuga Daimon โรปเวย์แห่งนี้มีความยาว 1.2 กิโลเมตรและมีความสูงที่เปลี่ยนไปกว่า 285 เมตรระหว่างการนั่งโรปเวย์เพียง 5 นาทีก่อนจะลงจากโรปเวย์ที่สถานี Shizen-en (ความสูง 1,829 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) ซึ่งอยู่ติดกับอุทยานธรรมชาติเลยทีเดียว

นักท่องเที่ยวที่นั่งโรปเวย์มายังอุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะ

เส้นทางการเดินและการปีนเขาในอุทยาน

ยิ่งคุณเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลเท่าไหร่บรรยากาศก็ยิ่งงดงามขึ้นเท่านั้น

ก่อนเข้าอุทยาน คุณจะได้พบกับศูนย์นักท่องเที่ยวขนาดใหญ่และทันสมัยซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของอุทยาน เตาเผาไม้ขนาดใหญ่ที่ห้อยลงมาจากคานที่นำกลับมาสร้างความประทับใจให้กับที่เดินเข้ามาในอาคาร ด้านในอาคารมีการจัดแสดงนิทรรศการต่าง ๆ ที่แสดงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุทยานธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีกำแพงสำหรับการปีนเขาหรือกิจกรรมง่าย ๆ อื่นที่คุณจะได้เพลิดเพลินระหว่างการเยี่ยมชม

ป้ายของอุทยานธรรมชาติเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม

ด้านในอุทยานมีเส้นทางยาว 5.5 กิโลเมตรกินพื้นที่ไปรอบ ๆ อุทยานแห่งนี้ (80% เป็นทางเดินไม้ 20% เป็นเส้นทางเดินดิน) และเราแนะนำให้คุณเผื่อเวลาไว้อย่างน้อย 4 ชั่วโมงเพื่อเดินทางครบทั้งเส้นทางนี้ ด้านล่างเป็นเส้นทางหลัก ๆ ที่คุณเลือกเดินได้ในอุทยานธรรมชาติแห่งนี้

แอ่งน้ำขนาดเล็กกระจายอยู่ส่วนพื้นที่ลุ่มรอบอุทยาน เป็นเหมือนกระจกสะท้อนภาพบรรยากาศโดยรอบ

เส้นทางเดิน 1 กิโลเมตร [ทางเข้าอุทยานถึงมิสึบาโช ชิสึเก็น(Mizubasho Shitsugen)]

เดินทางไปกลับใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ทางเดินไม้กระดานที่กว้างและเรียบที่ล้อมรอบบึงมิสึบาโช (Mizubasho Marsh) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยรถเข็น

การเดินผ่านเส้นทางที่ปูด้วยไม้นั้นง่ายดายและผ่อนคลายเส้นนี้เพราะสร้างเพื่อรองรับการใช้งานของเด็กเล็กและผู้สูงอายุอีกด้วย ทางเดินส่วนนี้ไม่มีรั้วและเข้าถึงได้โดยรถเข็นซึ่งเส้นทางนี้มีไฮไลท์ที่ดอกมิสึบาโชะหรือดอกกล้วยน้ำซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ทุ่งดอกไม้ที่มีรูปร่างคล้ายโคมไฟซึ่งมีให้พบเป็นจำนวนมากช่วงที่หิมะกำลังละลายและช่วงฤดูใบไม้ผลิ นักท่องเที่ยวเดินทางมายังพื้นที่นี้มีโอกาสเห็นพืชพรรณอัลไพน์หลากหลายชนิด ปลาแม่น้ำตัวเล็ก ๆ มีชื่อว่าปลาชาร์ญี่ปุ่นในลำธาร นอกจากนี้ คุณจะได้สัมผัสลมเย็นจากที่ราบสูงพร้อมกับทิวทัศน์มุมกว้างของภูเขาโดยรอบ

ปลาตัวน้อยว่ายน้ำในน้ำใสของอุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะ

เส้นทางเดิน 2 กิโลเมตร [ทางเข้าอุทยานถึงวาตาสึเกะ ชิสึเก็น(Watasuge Shitsugen)]

เดินทางไปกลับใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ดอกหญ้าเติบโตเป็นพุ่มเล็ก ๆ บริเวณรอบบึงวาทาสึเกะ (Watasuge Marsh)

บึงวาทาสึเกะ (ดอกหญ้า) ตั้งอยู่ด้านหลังบังมิสึบาโชะและมีลักษณะเฉพาะด้วยพืชพันธุ์กึ่งอัลไพน์โดยมีดอกปารีส จาโปนิกา (Paris Japonica) (หรือที่รู้จักกันในชื่อ "คินุกาซาโซ" (Kinugasaso) ในภาษาญี่ปุ่น) ที่สวยงามและหายากบานสะพรั่งในบริเวณนี้

ดอกปารีส จาโปนิกาช่อใหญ่ที่กำลังผลิบานเต็มที่

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มหินที่หาค้นหาซึ่งมีช่องว่างอากาศที่มีเย็นสดชื่นไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าฟุเกะสึ ปรากฎการณ์นี้มีความน่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก รวมทั้ง ยังมีหิมะหลงเหลืออยู่ในบริเวณใกล้เคียงแม้ในฤดูร้อนอีกด้วย

อากาศเย็นสบายที่พัดผ่านช่องระหว่างก้อนหินในวันที่อากาศร้อน

เส้นทางเดิน 3 กิโลเมตร [ทางเข้าอุทยานถึงอุคิชิมะ ชิสึเก็น(Ukishima Shitsugen)]

เดินทางไปกลับใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง

บึงอุคิชิมะเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง

เส้นทางนี้จะพาคุณมุ่งหน้าไปไกลกว่าบึงวาทาสึเกะและคุณจะได้ข้ามแม่น้ำคุสึกาวะ ซึ่งแบ่งสวนออกเป็น 2 ส่วน เส้นทางจะค่อย ๆ สูงชันขึ้นเล็กน้อยและหลังจากนั้น เส้นทางจะออกจากทางเดินไม้ไปเดินบนเส้นทางดินและหิน ดังนั้น เราแนะนำให้ใส่รองเท้าที่เหมาะสำหรับการเดินบนพื้นดินด้วย ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังส่วนด้านในของอุทยาน ที่แห่งนี้คุณจะได้พบกับเดย์ลิลี่ (Daylilies) ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ในฤดูร้อน ส่วนในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี คุณจะได้พบกับสีสันที่สดใสเป็นเอกลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วงซึ่งดึงดูดผู้มาเยือนจำนวนมาก

เส้นทางเดิน 5.5 กิโลเมตร [ทางเข้าอุทยานถึงเท็นโบ ชิสึเก็น(Tenbo Shitsugen)]

เดินทางไปกลับใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง

จุดชมวิวด้านหน้าบึงเท็นโบเป็นจุดสำหรับการรับประทานอาหารกลางวันในวันที่อากาศแจ่มใส

ถ้าคุณมีเวลาและพลังงานเหลือ คุณอาจเดินไปทั่วทั้งอุทยานได้ ตัวเลือกนี้จะทำให้คุณได้เดินป่าครั้งยิ่งใหญ่ จากบึงเท็นโบ (จุดชมวิว) ที่ตั้งอยู่สุดปลายสุดของอุทยานธรรมชาติมีจุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของดาอิเซเกะอิ (Daisekkei) อันโด่งดังซึ่งเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณใต้ยอดภูเขาชิโรอุมะ (Mt. Shirouma) ที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี เมื่อมองดูใกล้ ๆ แล้วคุณอาจเห็นนักปีนเขาเคลื่อนตัวขึ้นไปบนหิมะเพราะบริเวณนี้เป็นเส้นทางเดินป่ายอดนิยมอีกด้วย

อุทยานธรรมชาติช่างน่าประทับใจทั้งจากมุมใกล้และมุมไกล

นอกจากนี้ ยังมีจุดชมวิวอื่น ๆ อีกหลายจุดให้คุณได้ค้นหา บางจุดมีน้ำพุใสที่ไหลจากแหล่งน้ำต้นกำเนิดกินเมอิซุย (Ginmeisui) และคุณยังมีโอกาสที่จะได้พบกับพืชทรงหยาดน้ำค้างขนาดเล็กที่กินเนื้อเป็นอาหารซึ่งเติบโตใกล้บ่อน้ำเล็ก ๆ ในบริเวณโมเซ็นอิเคะ (Mosen-ike) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้เช่นกัน
คำเตือน: ระหว่างทางไม่มีห้องน้ำหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นให้บริการ ยกเว้นในบริเวณแม้น้ำคุสึกาวะ​ (Kusugawa) เราแนะนำให้คุณวางแผนการเดินทางให้รัดกุมเพื่อความพร้อมในการเดินทางในเส้นทางนี้

วางแผนการเดินทางของคุณ

การเดินทางไปยังสึกาอิเคะ

วิธีที่ดีที่สุดในการไปยังสึกาอิเคะจากนาโกย่าคือการนั่งรถไฟ Limited Express Shinano บนสาย JR ที่ผ่านสถานี Matsumoto ระหว่างมุ่งหน้าไปยัง Nagono ที่สถานี Matsumoto คุณจะต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟท้องถิ่นบนสายOito ที่มุ่งหน้าไปยังHakuba การเดินทางทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงและมีค่าใช้จ่าย ¥7,000 สำหรับที่นั่งแบบจอง รถไฟของสาย Oito บางขบวนต้องมีการเปลี่ยนเส้นทางระหว่าง Matsumoto และ Hakuba ที่สถานี Shinano-Omachi รถไฟขบวนแรกออกจาก Nagoya เวลา 07:00 น. และถึง Hakuba เวลา 11:06 น.

ทุ่งนาสะท้อนเงาของลานสกีของ Tsugaike Kogen Ski Resort ในเดือนมิถุนายน

จาก Hakuba มีรถบัส ALPICO วิ่งสูงสุด 11 เที่ยวต่อวันในช่วงฤดูร้อน (ตามวันที่กำหนด) ระหว่างสถานี Hakuba และTsugaike Kogen โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที (¥570) ถ้าคุณเดินทางด้วยรถไฟ Limited Express Shinano ขบวนแรกและนั่งรถบัสรอบ 11:10 น.ไปยัง Tsugaike คุณจะถึงเร็วที่สุดในเวลา 11:37 น.

เนื่องจากต้องใช้เวลาในการขึ้นกระเช้าและโรปเวย์ (ไปกลับใช้เวลาสูงสุด 2 ชั่วโมง) และต้องเผื่อเวลาสำหรับการสำรวจอุทยานธรรมชาติ (สูงสุด 4 ชั่วโมง) จึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำทุกอย่างในวันเดียวโดยเฉพาะเมื่อคุณต้องเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ดังนั้น ในพื้นที่ฮาคุบะและสึกาอิเคะมีที่พักมากมายให้คุณเลือกพักค้างคืน รวมถึงที่พักบนภูเขา สึกาอิเคะซังโสะ (Tsugaike Sanso) และสึกาอิเคะฮิวเทะ (Tsugaike Hyutte) ซึ่งตั้งอยู่ติดกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

การนั่งพาโนรามาเวย์

ตั๋วไปกลับของกระเช้าลอยฟ้าและโรปเวย์และค่าเข้าอุทยานธรรมชาติสำหรับผู้ใหญ่ราคา ¥3,700 และ ¥2,100 สำหรับเด็กซึ่งจำหน่ายที่ Villlage Tsugaike Ticket Center

ทิวทัศน์จากกระเช้าลอยฟ้าสึกาอิเคะระหว่างเดินทางขึ้นไปยังอุทยานธรรมชาติ

เวลาทำการของพาโนรามาเวย์เปลี่ยนแปลงไปตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เวลาเปิดทำการอยู่ระหว่าง 6:30 ถึง 8:00 น. และเวลาปิดระหว่าง 16:40 ถึง 17:20 น. เราแนะนำให้คุณตรวจสอบเวลาเปิดทำการก่อนการเดินทาง

ช่วงเวลาการเดินทาง

ในปี 2022 พาโนรามาเวย์เปิดให้บริการตั้งแต่วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายนถึงวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม ระหว่างนี้ไม่มีช่วงเวลาที่ "ดีที่สุด" สำหรับการเยี่ยมชมแต่เราแนะนำให้มาในวันที่อากาศสดใสเพื่อที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดี นอกจากนี้ ช่วงกลางถึงปลายเดือนมิถุนายนเป็นช่วงเวลาที่ยังได้เห็นหิมะและเป็นช่วงเวลาของมิสึบาโชะบานเต็มที่ เดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเป็นช่วงเวลาของดอกไม้อัลไพน์และฤดูใบไม้ร่วงมาถึงช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นตุลาคม

Related Articles Related Articles