| Centrip Editorial Board

เดินร่วมไปกับไกด์นำทางสู่ดินแดนลึกลับที่น้อยคนจะได้สัมผัสของญี่ปุ่น 「ชิโมกุริโนะซาโตะ」และเทศกาลสุดพิศดาร「เทศกาลชิโมทสึคิ」

「ชิโมกุริโนะซาโตะ」ดินแดนลึกลับที่น้อยคนนักจะได้สัมผัสของญี่ปุ่น ที่แห่งนี้ปรากฏตัวให้เห็นบนทางลาดชันราวกับล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า เทศกาลลึกลับที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปีในชนบทอันห่างไกลของญี่ปุ่นยังคงดำรงอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น และยังได้ปรากฏอยู่ในอนิเมชั่นของ Studio Ghibli อีกด้วย ที่นี่กำลังรอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์พิเศษที่มีเพียงผู้ที่เดินทางมาเยือนจะสามารถสัมผัสได้เท่านั้น

ชิโมกุริโนะซาโตะ ดินแดนลึกลับของญี่ปุ่นที่ดึงดูดให้ผู้คนหลงไหล

หลังจากลงทางด่วน Chuo ที่ Iida IC จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ให้ขับไปตามถนนซึ่งกว้างแค่พอให้รถหนึ่งคันผ่านได้เท่านั้น ในบางครั้งก็มีกวางและสัตว์ป่าอื่นๆ ข้ามถนนมา ดังนั้นขอให้ขับด้วยความระมัดระวัง และในที่สุดคุณก็จะมาถึงที่ราบสูงที่ระดับความสูงประมาณ 1,000 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ที่ปลายสุดทางใต้สุดของจังหวัดนากาโนะ

สิ้นสุดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 152 แล้วเข้าสู่ถนนแคบๆ
ถนนบนภูเขาแคบและทอดยาว ดังนั้นต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ

ดินแดนลึกลับที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขา「ชิโมกุริโนะซาโตะ」ที่นี่มีผู้คนใช้ชีวิต มีบ้านเรือน และไร่นาส่วนตัวตั้งอยู่บนความลาดชันกว่า 30 องศา เรื่องราวเกี่ยวกับชิโมกุริโนะซาโตะ นักเขียนชื่อดังคุณเคียวยะ ฟูคาดะ ผู้ชื่นชอบภูเขาของญี่ปุ่นได้เขียนไว้ว่า 「ฉันไม่รู้จักหมู่บ้านบนภูเขาแห่งอื่นที่สวยงามและเงียบสงบเทียบเท่ากับที่ชิโมกุริ」 นอกจากนี้ฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้กำกับของ Studio Ghibli ยังเคยพักอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ และได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างอนิเมะชิ้นเอกของเขา

ชิโมกุริโนะซาโตะที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนมากมาย เป็นสถานที่แบบไหนกัน?

เส้นทางเดินป่าชิโมกุริโนะซาโตะพร้อมไกด์

ที่ชิโมกุริโนะซาโตะ คุณสามารถเดินป่าพร้อมไกด์ที่รู้จักพื้นที่ในหมู่บ้านเป็นอย่างดี (ตามหลักการแล้วคุณจะต้องจองไกด์ล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วัน) ที่นี้มีเส้นทางเดินป่าหลายเส้นทาง รวมถึงเส้นทาง (A Course) ที่เป็นเส้นทางเดินระหว่างจุดชมวิวที่ให้ทัศนียภาพอันงดงามของหมู่บ้านและลานจอดรถ

สำหรับการสำรวจเส้นทางในครั้งนี้ เราได้ขอให้ไกด์พาเราเดินทางไปกลับจากลานจอดรถไปยังจุดชมวิว จากนั้นผ่านศาลเจ้าจูโกะฉะไดเมียวจิน และเดินลัดเลาะไปตามทางลาดคดเคี้ยวที่ทอดผ่านหมู่บ้าน (เส้นทาง C)

「ฮันบาเท」 ตั้งอยู่ติดกับลานจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยว
ที่บริเวณทางเข้าภูเขามีไม้เท้าสำหรับให้ยืมใช้ได้อย่างอิสระวางอยู่

คอร์ส C มีระยะทางประมาณ 5.4 กม. และใช้เวลาในการเดินประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที เราได้นัดพบกับไกด์ของเราที่「ฮันบาเท」 ซึ่งอยู่ติดกับลานจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยว และได้มุ่งหน้าไปยังจุดชมวิว

เส้นทางเดินได้ดูแลรักษาอย่างดีทำให้เดินได้สะดวก
หลังจากเดินประมาณ 20 นาที จะพบกับจุดชมวิว

จากลานจอดรถไปยังจุดชมวิวจะใช้เวลาเดินประมาณ 15 ถึง 20 นาที จากถนนสำหรับรถเมื่อเข้าสู่ทางเดินบนภูเขา ให้เดินไปตามเส้นทางที่ไม่ซับซ้อนซึ่งทอดยาวไปตามทางลาดของภูเขา คุณจะเห็นจุดชมวิวที่สร้างขึ้นจากท่อเหล็ก

ที่บริเวณจุดชมวิวคุณสามารถมองเห็นทิวทัศน์มุมกว้างของหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ตามทางลาดสูงชันไปทางทิศใต้ของภูเขา คุณจะประทับใจกับทิวทัศน์อันตระการตาที่ปรากฏตัวขึ้นทันทีทันใดอย่างไม่ต้องสงสัย! คุณจะตื่นตาตื่นใจกับทัศนียภาพของหมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาแห่งนี้ราวกับเวลาหยุดเดิน

สามารถชมวิวชิโมกุริโนะซาโตะได้ที่บริเวณจุดชมวิวโอกิบิระ

ในช่วงฤดูร้อนชิโมกุริจะสวยงามไปด้วยแมกไม้เขียวขจีที่รายล้อม เมื่อใบไม้เปลี่ยนเป็นสีในฤดูใบไม้ร่วงหรือเมื่อมีหิมะตกในฤดูหนาวที่นี่จะมีเสน่ห์ที่แตกต่างออกไปเผยออกมาให้ได้ชม

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีจะเป็นช่วงที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ
ชิโมกุริโนะ ซาโตะในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะ

เมื่อคุณเพลิดเพลินกับทิวทัศน์จนพอใจแล้ว ให้เดินย้อนมาที่เดิม แล้วคราวนี้ลองเดินลงไปตามทางลาดคดเคี้ยวที่ทอดผ่านหมู่บ้านที่เรามองเห็นจากจุดชมวิวเมื่อสักครู่กัน

เริ่มต้นการชมรอบๆ หมู่บ้านหลังจากย้อนกลับมาจากจุดชมวิว
ดอกบัควีทจะบานตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนกันยายน

สำหรับไกด์ที่คอยนำทางในวันนี้มาจาก「สมาคมไกด์ชิโมกุริโนะซาโตะ」คุณโนมากิเป็นผู้รอบรู้ และได้สอนเราเกี่ยวกับหมู่บ้านจากมุมมองที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับพืชผลที่ปลูกภายในหมู่บ้าน อาหาร วิถีชีวิต ประเพณี ประวัติศาสตร์ ลักษณะภูมิประเทศ นามสกุลเฉพาะถิ่นของชิโมกุริ และเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาล ฯลฯ

หมู่บ้านล้อมรอบด้วยภูเขาสูงทุกด้าน
ที่ประดิษฐานเทพเจ้าแห่งการป้องกันอัคคีภัย

ในไร่ที่กระจายอยู่ตามทางลาดชันมีการปลูกมันฝรั่งขนาดเล็กที่เรียกว่า「ชิโมคุริอิโมะ」, บัควีต และชา เป็นต้น คุณจะได้เห็นการปรับเปลี่ยนพลิกแพลงที่นู่นที่นี่ให้เหมาะสมเพื่อปลูกพืชผลทางการเกษตรในธรรมชาติที่รุนแรงของภูมิภาคภูเขาซึ่งเป็นพื้นที่ที่ปลูกข้าวได้ยาก

มีการปลูกพืชผลทางการเกษตรอยู่หลายชนิด
「มินชุคุฮินะตะ」 (ปิดอยู่ในขณะนี้) ) คือจุดสิ้นสุดงของการเดินป่า

เมื่อคุณผงกศีรษะทักทายชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมาพวกเขาจะยิ้มเป็นการตอบรับ การเดินป่าพร้อมไปกับชมธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ที่ล้อมรอบหมู่บ้านเป็นช่วงเวลาที่รื่นรมย์มาก เนื่องจากฉันสัมผัสได้ถึงทิวทัศน์แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น

เทศกาลชิโมทสึคิ เทศกาลสุดพิสดารแห่งโทยามาโกะ

ระหว่างการเดินป่าเราได้แวะที่ศาลเจ้าเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ที่บริเวณกลางหมู่บ้าน ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเรียกว่าศาลเจ้าจูโกะฉะไดเมียวจิน และงานเทศกาลที่มีชื่อเสียงของชิโมกุริโนะซาโตะ 「เทศกาลชิโมทสึคิ」จะถูกจัดขึ้นที่นี้

ศาลเจ้าจูโกะฉะไดเมียวจิน ในวันงานเทศกาลผู้คนจำนวนมากจะแห่กันมาที่ศาลเจ้าเล็กๆ แห่งนี้
คุณโนมากิ ไกด์ได้บรรยายเกี่ยวกับเทศกาลชิโมสึกิ

เทศกาลชิโมกุริได้ถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมพื้นบ้านที่จับต้องไม่ได้ที่สำคัญระดับชาติ และเป็นชื่อเรียกรวม ๆ สำหรับเทศกาลที่จัดขึ้นในหลายหมู่บ้านของโทยามาโกะ และงานนี้จะจัดขึ้นที่ชิโมกุริในวันที่ 13 ธันวาคมของทุกปี ต้นกำเนิดของเทศกาลนี้ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 800 ปีที่ก่อน พิธีกรรมยูดาเตะซึ่งจัดขึ้นในราชสำนักของจักรพรรดิได้ถูกสืบทอดต่อไปยังหมู่บ้าน ว่ากันว่าได้รับการสืบทอดมาในรูปแบบเกือบจะดั้งเดิมมาจนถึงทุกวันนี้

ในวันที่ 13 งานเทศกาลจะเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 9.00 น. และจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงเวลาประมาณ 03.00 น. ของเช้าวันรุ่งขึ้น

มีหน้ากากมากถึง 39 ชิ้น ที่ปรากฏในเทศกาลชิโมสึกิในเมืองชิโมกุริ

ที่บริเวณรอบๆ เตาถ่านคามาโดะที่ตั้งอยู่ตรงกลางของศาลเจ้า จะมีการจัดพิธีกรรมต่างๆ และหน้ากากทั้ง 39 ชิ้นจะปรากฏตัวขึ้น ฉากพิเศษที่นักบวชสวมหน้ากากสาดน้ำเดือดจากหม้อด้วยมือเปล่า และชายหนุ่มสวมหน้ากากที่เรียกว่าโยโอโมะเทะที่จะเดินผ่านผู้ชมไปตามจังหวะกลองและบทสวดอันเป็นเอกลักษณ์ ถือเป็นฉากที่เป็นจุดไฮไลท์ของงานเทศกาลนี้

「ราชาแห่งไฟ」กำลังสาดน้ำเดือด
「ราชาแห่งน้ำ」กำลังสาดน้ำเดือด

เทศกาลนี้จัดขึ้นในช่วงชิโมสึกิชิตามปฏิทินจันทรคติ (ปัจจุบันคือเดือนธันวาคม) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดที่ส่องเข้ามายังหมู่บ้านจะอ่อนแสงลง ว่ากันว่าจะทำให้พลังแห่งชีวิตทั้งหมดจะอ่อนแอลงด้วย ดังนั้นท่ามกลางธรรมชาติอันโหดร้ายก่อนที่ฤดูหนาวจะมาเยือน ชาวบ้านจึงอัญเชิญเทพเจ้าจากทั่วประเทศญี่ปุ่น มีต้มน้ำร้อนและถวายแด่เทพเจ้า และชำระล้างตัวเองด้วยน้ำร้อนเพื่อขอพรให้ชีวิตเกิดใหม่อีกครั้ง เทศกาลชิโมสึกิเป็นเทศกาลที่สืบทอดกันมาในพื้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ

ถ้าคุณเดินป่าพร้อมกับไกด์ของชิโมกุริโนะซาโตะ คุณสามารถเข้าชมด้านในของศาลเจ้าจูโกฉะ ไดเมียวจินเป็นการพิเศษอีกด้วย

ว่ากันว่าอนิเมะเรื่อง『Spirited Away』ของ Studio Ghibli ได้รับแรงบันดาลใจจากเทศกาลชิโมสึกิ นอกจากนี้คุณฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้กำกับ Studio Ghibli เคยพักที่เกสต์เฮาส์ในชิโมกุริโนะซาโตะ ในภายหลังเขาได้ผลิตเรื่องสั้นที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน เรื่อง 『A Sumo Wrestler's Tail 』คงเป็นประสบการณ์ที่ปลุกเร้าอย่างมาก

การรับประทานอาหารกลางวันที่โมกุริโนะซาโตะ

มีร้านอาหารเพียง 2 แห่งเท่านั้นที่ให้บริการอาหารกลางวันที่ชิโมกุริโนะซาโตะ หากคุณต้องการลองรับประทานอาหารท้องถิ่นของชิโมกุริ ให้ไปที่「ร้านอาหารอิปปุกุ」หรือถ้าคุณต้องการรับประทานโซบะให้ไปที่ 「ฮันบาเท」

อิปุกุตั้งอยู่ที่บริเวณจุดชมวิวที่สวยงามล้อมรอบไปด้วยภูเขา
คุณมิเอโกะ คุมะไก เจ้าของร้านอาหารผู้มีชื่อเสียง

อิปปุกุมีชื่อเสียงจากอาหารชุดเลิศรสที่ทำจากผักตามฤดูกาลมากมาย ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะเสิร์ฟข้าวเกาลัด ที่นี้นอกจากอาหารอร่อยแล้ว ความร่าเริงที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเจ้าของร้านยังจะทำให้ความทรงจำของคุณเกี่ยวกับชิโมกุริยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นอีกด้วย

「อาหารชุดอิปปุกุ」คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นของชิโมกุริโนะซาโตะ

ฮันบาเทเป็นร้านอาหารที่อยู่ติดกับลานจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำหรับการท่องเที่ยวในชิโมกุริ ในการให้บริการอาหารหลักๆ จะเป็นผู้หญิงจากครอบครัวเกษตรกรในท้องถิ่น และนอกจากโซบะแล้วคุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารอื่นๆ เช่น เด็งกาคุ (อาหารที่นำไปย่างกับมิโซะ) ที่ทำจากชิโมคุริอิโมะและคอนเนียคุได้อีกด้วย

ที่ฮันบันเทยังมีร้านขายของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย
โซบะแฮนด์เมดมีบริการในจำนวนจำกัด

นอกจากนี้คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามจากลานจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยู่ด้านหน้าฮันบาเทอิได้อีกด้วย จากที่นี่ทิวทัศน์อันงดงามชวนให้นึกถึงความงามของหุบเขาในแคว้นทิโรลของออสเตรีย ทำให้ชิโมกุริโนะซาโตะถูกเรียกว่า「ทิโรลแห่งญี่ปุ่น」อีกด้วย

คุณสามารถพักค้างคืนได้ที่โคเก็นลอดจ์ชิโมกุริซึ่งอยู่ติดกับฮันบาเท
วิวที่ถูกเรียกว่า 「ทิโรลแห่งญี่ปุ่น」

ที่ราบสูงชิราบิโซ

ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถพักที่เกสต์เฮาส์และบ้านพักในชิโมกุริโนะซาโตะได้ แต่ที่ราบสูงชิราบิโซซึ่งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยก็เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเข้าพักและมีกิจกรรมมากมาย จากชิโมกุริโนะซาโตะไปยังที่ราบสูงชิราบิโซใช้เวลาประมาณ 20 ถึง 30 นาทีโดยรถยนต์

ทางช้างเผือก ณ ที่ราบสูงชิราบิโซ
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่สวยงามในตอนกลางคืน

ที่ระดับความสูง 1,900 เมตร มีสถานที่พักชื่อ 「อามาโนะกาวะ」จากห้องพักคุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาสูง 3,000 เมตรที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นที่รู้จักว่าที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้

บทสรุป

คุณจำเป็นที่จะต้องมีรถยนต์สำหรับเดินทางไปยังชิโมกุริโนะซาโตะ หากคุณเดินทางมาจากนาโกย่า จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีเพื่อไปที่ Iida IC บนทางด่วน Chuo และจากนั้นจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาทีโดยใช้ถนนท้องถิ่น

「ดินแดนลึกลับ」ดังนั้นจึงเข้าถึงได้ยาก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์พิเศษของญี่ปุ่นที่แปลกใหม่ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ต้องแวะมาเที่ยวชม ไม่เพียงแค่ได้ชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามจากจุดชมวิว คุณยังสามารถเดินเล่นไปรอบๆ หมู่บ้านและสัมผัสเสน่ห์ของชิโมกุริได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นได้อีกด้วย

ชิโมกุริโนะซาโตะไม่ได้เป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นหมู่บ้านในภูเขาที่มีผู้คนใช้ชีวิตตามปกติ ดังนั้นโปรดขับขี่ด้วยความระมัดระวัง และพยายามหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความไม่สะดวกสบาย

Related Articles Related Articles