| กองบรรณาธิการ Centrip

ศาลเจ้า Wakamiya Hachimansha แห่งนาโกย่า

ศาลเจ้า Wakamiya Hachimansha เป็นศาลเจ้าชินโตที่ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองนาโกย่า กล่าวกันว่าศาลเจ้านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเคารพบูชาจักรพรรดิ Nintoku และจักรพรรดิ Ojin รวมถึง Takenouchi no Sukune ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งชินโต โดยหากอ้างอิงจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้ว ศาลเจ้า Wakamiya Hachimansha นี้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิ Monmu (ค.ศ. 683-707) และมีประวัติความเป็นมาที่โชกโชนไม่น้อย กล่าวคือ ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกเผาทำลายลงในปีค.ศ.1532 โดยฝีมือของ Oda Nobuhide ระหว่างที่เข้าตีปราสาทนาโกย่า และต่อมาในปีค.ศ.1539 ศาลเจ้าได้รับการบูรณะซ่อมแซมจนกลายเป็นดังเดิม


ต่อมาในปีค.ศ.1610 ศาลเจ้า Wakamiya Hachimansha ได้ถูกย้ายมายังที่ตั้งในปัจจุบันภายใต้คำสั่งของ Toyotomi Shogutane นับจากนั้นเป็นต้นมา ศาลเจ้าแห่งนี้ก็อยู่ภายใต้การคุ้มครองของทางเขต และเต็มไปด้วยภาพศิลปะที่เกี่ยวกับการทหารอยู่มากมาย หลังจากสิ้นยุคของ Toyotomi Shogutane ไปแล้ว เหล่าไดเมียว (เจ้าเมือง) รุ่นต่อ ๆ มาก็ได้คอยบูรณะศาลเจ้า Wakamiya Hachimansha มิได้ขาด จวบจนถึงยุคปฏิรูปเมจิ

หลังจากศาลเจ้าได้ถูกทำลายลงจากการโจมตีทางอากาศในปีค.ศ.1945 เหล่าผู้คนที่ศรัทธาในศาสนาก็ได้มารวมตัวกันเพื่อสร้างศาลเจ้านี้ขึ้นใหม่ในปีค.ศ.1957

เทศกาลฤดูใบไม้ผลิของศาลเจ้าแห่งนี้ มีชื่อว่า Wakamiya Matsuri จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี เทศกาลนี้ นอกจากจะมีประวัติยาวนานถึง 300 ปีแล้ว ก็ยังเป็นถึงหนึ่งในสามเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดประจำนาโกย่าอีกด้วย วันงานหลัก ซึ่งตรงกับวันที่ 16 พฤษภาคมของทุกปีนั้นจะมีการแห่เกี้ยวรูปร่างคล้ายศาลเจ้าไปตามถนน รวมถึงมีการประดับประดาสองข้างทางและตัวเกี้ยวด้วยโคมไฟสีสวยต่าง ๆ นา ๆ ด้วย

ในฤดูร้อนของทุกปี ศาลเจ้า Wakamiya Hachimansha จะจัดงานเทศกาลชื่อ Furin Matsuri ขึ้น ซึ่งภายในงานจะมีสิ่งที่แสดงถึงความเป็นญี่ปุ่นอยู่มากมาย โดยหากเล่ามาถึงตรงนี้แล้ว หลายท่านอาจจะมีคำถามที่ว่า “furin ที่ว่า คืออะไรกันนะ”

คำว่า Furin นั้น เมื่อแปลตรงตัว จะมีความหมายว่า “กระดิ่งลม” ซึ่งตัวของกระดิ่งลมนี้จะถูกสร้างขึ้นให้เป็นรูปร่างของกระดิ่ง และภายในจะมีวัสดุเล็ก ๆ ถูกผูกติดกับกระดาษด้วยเชือก หลักการทำงานคือ เมื่อมีลมพัดมาโดนกระดาษ ทำให้วัสดุภายในกระดิ่งนั้นชนกับขอบภายในกระดิ่งจนเกิดเป็นเสียงเล็ก ๆใส ๆ น่าฟัง สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว เสียงนี้เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าฤดูร้อนได้มาถึงแล้ว และยังเชื่อกันว่าเสียงนี้จะช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกเย็นสบายขึ้นอีกด้วย

ที่ Juyosho (授与所 ในภาษาญี่ปุ่น) ภายในศาลเจ้า เป็นสถานที่ที่เราสามารถบริจาคเงินเพื่อรับเอากระดิ่งลมดังกล่าวนี้ มาเขียนคำอธิษฐานแล้วนำไปผูกไว้ในบริเวณต้นไผ่ได้อีกด้วย ทำให้เกิดภาพทิวทัศน์ของแนวไม้ไผ่ประดับประดาด้วยกระดิ่งลมหลากสีสัน รวมถึงเสียงสะท้อนอันใสบริสุทธิ์ของกระดิ่งเหล่านั้น เกิดเป็นภาพที่น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว



ผู้แปล ภคิน ธนสารกิจ