| Willow Lu

หลบร้อนไปเที่ยวชมท่าเรือที่นาโกย่า

หากจะพูดถึงเมืองอุตสาหกรรมแล้วละก็ หลายครั้งที่เราจะพบว่า ท่าเรือ นั้นมีส่วนสำคัญเสมอ และสำหรับนาโกย่าเองก็ไม่ได้แตกต่างกันค่ะ


 

ท่าเรือนาโกย่า หรือนาโกย่าโคว (名古屋港 Nagoyakō) นั้นเป็นหนึ่งในท่าเรือสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมการค้าขายของนาโกย่าตั้งแต่ปีค.ศ.2002 จนถึงปีค.ศ.2015 นอกจากนี้ท่าเรือแห่งนี้ยังเป็นท่าเรือที่ขนส่งโกดังสินค้าเป็นจำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย


นอกจากนี้ในปัจจุบันท่าเรือนาโกย่าแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ท่าเรือขนส่งสินค้าอีกต่อไป แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวมักแวะเวียนมาเพื่อถ่ายภาพที่ระลึกกันอย่างแพร่หลายค่ะ ที่ท่าเรือนาโกย่านี้ เราไม่ได้เพียงจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของท่าเรือ หรือเรือขนส่งสินค้าต่างๆเท่านั้น แต่ยังสามารถสนุกไปกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอันน่าตื่นต่าตื่นใจและห้างสรรพสินค้าประจำท่าเรืออีกด้วย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ก็มากเพียงพอจะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลายคนยอมใช้เวลาอยู่ที่นี่ตลอดวันแล้วล่ะค่ะ ไม่เชื่อก็ลองจินตนาการภาพของคุณเดินไปตามท่าเรือเก่าแก่อายุ 110ปี เรียนรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวของมันพลางกินอาหารทะเลเลิศรสดูสิคะ ว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่วิเศษถึงเพียงไหน

สำหรับวิธีการเดินทางมายังท่าเรือนาโกย่านี้สามารถทำได้โดยการขึ้นรถไฟสาย Meiko มาลงที่สถานี Nagoyako ได้เลยค่ะ โดยเราจะสามารถเห็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับท่าเรือหรือการเดินเรือต่างๆได้ทันทีตั้งแต่เดินออกจากสถานีเลยทีเดียว นอกจากนี้เรายังสามารถซื้อตั๋วแบบชุดในราคา 2400 เยน เพื่อเข้าชมทั้ง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์ Fuji Antarctic, พิพิธภัณฑ์ Nagoya Maritime และ the Nagoya Port building ได้อีกด้วย โดยราคาตั๋วแบบชุดนี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับใครที่สนใจจะเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมากค่ะ เพราะลำพังตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์นั้นก็ 2000 เยนแล้ว นอกจากนี้แล้วยังมีส่วนลดพิเศษให้กับผู้ที่ถือบัตรโดยสารตลอดวันอีกด้วย

The Port of Nagoya Public Aquarium: พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งท่าเรือนาโกย่า

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในท่าเรือนาโกย่านี้เลยก็ได้ค่ะ โดยในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ฉลองครบรอบ 25 ปีของพิพิธภัณธ์พอดิบพอดีด้วย เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่มานาโกย่าในช่วงปีนี้แล้วละก็อย่าพลาดงานเฉลิมฉลองในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนาโกย่านี้เชียวละค่ะ


นอกจากนี้แล้ว ในช่วงฤดูร้อนเรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับโลกใต้น้ำยามเย็นได้อีกด้วย เพราะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเปิดจนถึงช่วงเย็นจากที่ปกติจะเปิดถึงช่วงบ่ายเท่านั้น โดยทางพิพิธภัณฑ์จะให้ส่วนลดกับผู้ที่เข้าชมหลังจากเวลา5โมงเย็นเป็นต้นไปค่ะ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนาโกย่านี้จะถูกแบ่งเป็นสองส่วนด้วยกันคือ ส่วนเหนือและส่วนใต้ โดยทางฝั่งเหนือนั้นจะเน้นหนักไปทางด้านการจัดแสดงปลาสายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งในบริเวณนี้นอกจากจะมีการบอกเล่าถึงประวัติการวิวัฒนาการกว่า 3.5พันล้านปีของสายพันธุ์ปลาแล้ว เราจะได้พบกับวาฬเพชฌฆาต ฉลามหัวฆ้อนและวาฬขาวอีกด้วยค่ะ ในส่วนทางด้านใต้ของพิพิธภัณฑ์นั้นจะเป็นส่วนจัดแสดงสิ่งมีชีวิตในทะเลกว่า 500สายพันธุ์จากทั่วมหาสมุทร โดยสัตว์ที่น่าสนใจในส่วนฝั่งใต้นี้คือเต่าทะเล และเพนกวิน

ถ้าหากถามว่า “ส่วนไหนของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่น่าสนใจที่สุด?” ล่ะก็ คำตอบเห็นจะเป็น “การแสดงปลาโลมา” ล่ะค่ะ โดยการแสดงปลาโลมาแสดงประมาณ 30นาทีและสามารถเอาขนมติดไม้ติดมือเข้าไปกินได้ และสำหรับใครที่นั่งติดเวทีการแสดงก็ให้ระวังเปียกไว้ด้วยนะคะเพราะคลื่นจากการแสดงปลาโลมาอาจจะกระเซ็นมาโดนได้

นอกจากการรับชมสัตว์น้ำอันน่าทึ่งสายพันธุ์ต่างๆแล้ว เรายังสามารถเที่ยวชมสภาพแวดล้อมของทะเลจำลองต่างๆ เช่น มหาสมุทรญี่ปุ่น และมหาสมุทรแอนตาร์คติคได้อีกด้วย โดยเราจะได้เห็นบริเวณที่จำลองมาจากแอนตาร์กติกเพื่อให้เหล่าเพนกวินได้อาศัยอยู่อย่างสบายใจและคุ้นชินกับการอาศัยอยู่ที่นี่อีกด้วยค่ะ ซึ่งเราก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของตัวเพนกวินได้จากบริเวณนี้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาการเติบโต น้ำหนักของไข่เพนกวิน หรือจะเป็นลักษณะพิเศษของขนเพนกวิน และนอกจากเหนือจากตัวเพนกวินแล้วเรายังสามารถรับชมฝูงปลาซาร์ดีนแหวกว่ายไปในทะเล และการฝึกวาฬเพชฌฆาตได้จากบริเวณนี้ด้วยค่ะ


 

The Fuji Antarctic museum: พิพิธภัณฑ์เรือสำรวจแอนตาร์กติก

หลังจากแวะชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกันเรียบร้อยแล้ว จุดหมายต่อไปของเราคือ พิพิธภัณฑ์ Fuji Antarctic ที่อยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนั่นเองค่ะ โดยหน้าตาของบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นรูปเรือของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั่นเอง


ชื่อ ฟูจิ ของพิพิธภัณฑ์นี้เองก็ได้ตั้งตามชื่อของเรือสำรวจแอนตาร์กติกของญี่ปุ่นที่อยู่ในรูปด้านล่างนี้เองค่ะ ซึ่งเรือลำนี้ได้ถูกเริ่มต้นใช้งานเมื่อปีค.ศ.1965 และได้ออกเดินทะเลจริงนานถึง18ปีด้วยกัน ในปัจจุบันนี้แม้ตัวเรือจะหยุดการทำหน้าที่ดั้งเดิมของมันลงแล้ว แต่ก็ถูกใช้ในหน้าที่ใหม่คือ เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับแอนตาร์กติก และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้ามารับชมกันค่ะ

ภายในเรือนั้นนอกจากห้องนอนแล้วยังมีห้องต่างๆซึ่งถูกใช้สอยจิปาถะทั่วไปด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นห้องสำหรับตัดผม หรือห้องพักดื่มกาแฟ โดยภายในห้องเหล่านี้จะมีหุ่นขี้ผึ้งของเหล่าลูกเรือจัดแสดงอยู่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเหล่าลูกเรือนั้นมีชีวิตอยู่กันอย่างไรบนเรือลำนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ห้องทั้งหมดนี้อาจจะดูครบครันสำหรับการดำเนินชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งก็จริง แต่พอลองคิดว่าต้องอศัยอยู่ในที่แบบนี้นานๆแล้วก็อาจจะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาบ้างเหมือนกันนะคะ

เตียงเหล่านี้บางเตียงก็มีข้อความจากอดีตลูกเรือถูกสลักเอาไว้ด้วยค่ะ

ห้องควบคุมจะอยู่บนสุดของตัวเรือ และแน่นอนว่าเราสามารถเข้าไปชมได้ค่ะ

ในส่วนของดาดฟ้าเรือจะมีเฮลิคอปเตอร์ของทาง SDF หรือกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นจอดอยู่ด้วยค่ะ


 

Nagoya Port Building: ชมทิวทัศน์ของท่าเรือจากมุมสูง

การออกแบบตึกนี้ได้รับอิทธิพลมาจากภาพของเรือเดินสมุทรสีขาวที่กำลังจะออกทะเลค่ะ โดยตึก Nagoya Port นี้อาจเรียกได้ว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของท่าเรือนาโกย่าแห่งนี้เลยทีเดียว


ที่ชั้น7 ซึ่งเป็นจุดชมวิวของตึกนี้นั้นอยู่สูงขึ้นจากพื้นดินถึง 53เมตรค่ะ และเป็นเพราะว่าไม่มีตึกไหนที่สูงเท่านี้อีกแล้วในบริเวณใกล้เคียง ทำให้ภาพทิวทัศน์ที่ได้เห็นจากที่นี่นั้นสวยงามและน่าหลงไหลมากทีเดียว โดยหากมองดีๆแล้วเราสามารถมองเห็นกระทั่งสถานีรถไฟนาโกย่าได้จากที่นี่ด้วยค่ะ

ที่ชั้น3 และชั้น4 ของตึกนี้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับการเดินเรือของญี่ปุ่นค่ะ ซึ่งเราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และสิ่งของเครื่องใช้ รวมไปถึงรูปแบบของเรือต่างๆได้จากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

ซึ่งที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เองที่ทำให้จะทำให้เราได้รู้ว่า ท่าเรือนาโกย่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ท่าเรือที่ส่งออกรถยนต์มากที่สุดแต่ยังเป็นถึงท่าเรือที่มีโกดังสินค้ามาเทียบท่ามากที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ โดยหากนับรวมโกดังสินค้าทั้งหมดแล้วล่ะก็ จะมีน้ำหนักถึง 200ล้านตันเลยทีเดียว

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆในท่าเรือนาโกย่า

นอกเหนือจากพิพิธภัณฑ์และสถานที่ที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ที่บริเวณท่าเรือแห่งนี้ยังมีชิงช้าสวรรค์ตั้งอยู่ที่ Sea Train Land ด้วยค่ะ ซึ่งเราสามารถขึ้นไปนั่งได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โดยชิงช้าสวรรค์นี้จะเปิดให้บริการจนถึง 20.00น.ในวันปกติ และ22.00น.ในวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ สำหรับการนั่ง 1รอบนั้นจะใช้เวลาประมาณ 15นาที และทิวทัศน์ที่เราได้เห็นจากชิงช้าสวรรค์นี้จะแตกต่างออกไปจากภาพที่เราได้เห็นบนชั้น 7 ของ Nagoya Port Building ด้วยค่ะ นอกจากนี้ในตอนเย็นชิงช้าสวรรค์นี้จะประดับประดาไปด้วยแสงไฟด้วยนะคะ

นอกเหนือจากชิงช้าสวรรค์แล้วในบริเวณนี้ยังมี ม้าหมุน และอื่นๆที่น่าสนใจอีกด้วยค่ะ


ที่ห้างสรรพสินค้า Jetty นี้ เราสามารถลิ้มรสอาหารจานอร่อยในแบบฉบับนาโกย่าแท้ๆ โดยอาหารแนะนำสำหรับที่นี่คือ หมูชุบแป้งทอดซอสมิโสะ (Misokatsu) และข้าวปั้นไส้กุ้งทอดค่ะ ซึ่งรับประกันได้ว่าของกินที่นี่มีให้เลือกมากมาย จนเราลืมคำว่าหิวไปได้เลยจริงๆค่ะ

นอกเหนือจากที่ยกตัวอย่างไปข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหลากหลายวิธีที่จะทำให้เราสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับท่าเรือนาโกย่าแห่งนี้ได้ค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหนนะคะ เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่สามารถรับประกันได้เลยก็คือ ไม่ว่าคุณจะมีความสนใจและความชอบแบบไหนก็ตาม ท่าเรือนาโกย่าแห่งนี้สามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอนค่ะ

ผู้แปล ภคิน ธนสารกิจ

Related Articles Related Articles