| Willow Lu
นาโกย่าในสไตล์โชวะ ผจญภัยถนนเอ็นโดจิ และ ชิเคมิจิ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบริเวณรอบสถานีนาโกย่าได้กลายเป็นย่านแฟชั่นและการค้าที่มีตึกสูงมากมาย แต่ห่างจากบริเวณนั้นในระยะที่สามารถเดินได้ในเวลาเพียง 10 นาทียังมีย่านถนนคนเดินที่คนมักไม่ค่อยรู้จักเท่าไรที่มีชื่อว่า ถนนเอ็นโดจิ
นอกจากนี้ยังใช้เวลาเดินไปที่นั่นน้อยลงอีกหากเดินจากสถานีโคคุไซเซ็นเตอร์ (สาย Sakuradori)
ช้าก่อน! คุณรู้จักแค่ย่านช็อปปิ้งโอสุเท่านั้นหรอ?
จริง ๆ แล้วในสมัยก่อนเมืองนาโกย่ามีถนนการค้าอยู่สามแห่งคือ โอสุ โอโซเนะ และเอ็นโดจิ แต่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันมีเพียงย่านช็อปปิ้งโอสุเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่
หลายคนที่โตขึ้นที่บริเวณรอบ ๆ ย่านเอ็นโดจิและชิเคมิจิมักบรรยายถึงความรู้สึกคิดถึงและความทรงจำของวันวานที่ได้เดินเล่นบนถนนเหล่านี้ พูดตามความเป็นจริงในตอนแรกฉันไม่เข้าใจเท่าไรนักว่าทำไมย่านโทรม ๆ นี้ถึงขึ้นชื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตั้งแต่แรก เรามาเริ่มจากประวัติศาสตร์ของที่นี่กันก่อนดีกว่า เมื่อคุณมีโอกาสมาที่นี่คุณอาจเข้าถึงเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ก็เป็นได้
ยามค่ำคืน
เมื่อก่อนนี้ ที่นี่เคยมีรถรางซึ่งเป็นของสาย Meitetsu Seto จึงเป็นต้นกำเนิดของถนนการค้าเอ็นโดจิ เนื่องจากเป็นจุดหลักของสายการคมนาคมจึงทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยเสียงของรถรางและผู้คนที่สัญจรไปมา แต่สาย Seto ได้ปิดตัวลงหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองทำให้ย่านเอ็นโดจิค่อย ๆ เงียบเหงาลง
แม้ย่านนี้จะไม่คึกครื้นอย่างที่เคยเป็นแต่จิตวิญญาณของที่นี่ก็ไม่เคยเลือนหายไป ทุก ๆ ก้าวจะทำให้รู้สึกเหมือนกับเดินอยู่ในฉากของหนังภาพยนตร์ เหมือนกาลเวลาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรและทุกอย่างยังเหมือนเดิม ตอนที่ฉันมาที่นี่ท้องฟ้าก็มืดแล้วทำให้อดคิดไม่ได้ว่าที่นี่ช่างเหมาะกับการถ่ายทำหนังสยองขวัญเสียจริง ๆ
ระหว่างเดินเล่นบนถนนฉันไปพบกับศาลเจ้าเข้า ว่ากันว่าที่นี่ดูมืดมนกว่าที่อื่นๆถึงแม้ว่าจะเป็นเวลากลางวัน ยามค่ำคืนเลยยิ่งมืดและน่ากลัวมากขึ้นไปอีก
ฉันพยายามรวบรวมความกล้าและเดินเข้าไป สิ่งที่รู้สึกไม่ใช่ความกลัวแต่เป็นความรู้สึกขนลุกเพราะไม่มีใครเลยสักคนเสียมากกว่า
ที่ทางเข้าของถนนการค้าเอ็นโดจิมีรูปปั้นของสามวีรบุรุษแห่งไอจิ (สีทองคือโอดะ โนบูนางะ สีเงินคือโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ และสีทองแดงคือโทคุกาวะ อิเอยาสึ) และโทคุกาวะ มิตสึคูนิตั้งอยู่
พวกเขาเริ่มดูเก่าและขึ้นสนิมแล้วแต่ก็ดูเข้ากับบรรยากาศของเมืองนาโกย่าดี
ที่น่าแปลกใจคือบนถนนอีกฝากของจุดที่รูปปั้นยืนอยู่คือร้านอาหารมากมายที่บรรยากาศแตกต่างจากรอบ ๆ มาก
ช่วงกลางวัน
ย่านนี้เคยขึ้นชื่อเพราะถนนการค้าเอ็นโดจิจึงเป็นการดีที่จะไปชมวัดเอ็นโดจิกันเสียหน่อย
วัดตั้งอยู่กลางถนนและเป็นวัดที่เล็กมากแต่ก็สวยงามมากในแบบฉบับญี่ปุ่น
นอกจากนี้ชิเคมิจิก็ยังเป็นอีกที่ที่น่าไปเยี่ยมชม ศาลเจ้าเซ็นเก็นจินจะตั้งอยู่ข้าง ๆ ทางเข้า และในช่างฤดูใบไม้ร่วงที่นี่จะสวยงามไปด้วยสีของต้นแปะก๊วย
เหตุผลที่ที่นี่มีชื่อว่าชิเคมิจิมาจากช่วงทศวรรตที่ 17 ซึ่งเกิดเกตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในยุคเก็นโรคุ หลังจากนั้นถนนทุกแห่งจึงถูกสร้างใหม่ในรูปแบบชิเคมิจิ (กว้างราว ๆ 7 เมตร) เพื่อไม่ให้ไฟกระจายตัว จนตอนหลังคำว่า ชิเคมิจิ ได้กลายมาเป็นชื่อถนนนี้แทน
ที่นี่คุณจะสามารถเห็นตึกมากมายที่ถูกสร้างขึ้นในสไตล์ยุคเอโดะและโกดังเก็บของที่มีกำแพงสีขาว เป็นที่ที่ดีทีเดียวสำหรับการเดินเล่น
แต่บรรยากาศของย่านนี้ในยามค่ำคืนจะเปลี่ยนไปทันทีเพราะจะมีบาร์และร้านอาหารที่ซ่อนอยู่ตามซอยต่าง ๆ ที่ตอนนี้เริ่มเปิดให้บริการแล้ว
หากคุณเบื่อที่จะเห็นพวกตึกสูง ๆ มากมายในเมืองทำไมไม่ลองมาเดินเล่นที่นี่และชมบรรยากาศของยุคเมจิและยุคเอโดะดูบ้าง