| Mark McDonald
เทศกาลดอกไม้ไฟ
หากพูดถึงฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ คุณจะนึกถึงอะไรเป็นอย่างแรก?
หลายๆคนอาจจะนึกถึงภาพที่เห็นจากละครหรืออนิเมชันต่างๆเช่น การว่ายน้ำในทะเล หรืออาจจะเป็นงานเทศกาลฤดูร้อน ซึ่งก็ต้องบอกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่แสดงถึง ฤดูร้อนในแบบของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง แต่ในวันนี้สิ่งที่เราจะนำมาแนะนำนั้นจะเป็นอีกมุมหนึ่งของฤดูร้อนในญี่ปุ่นที่หลายๆคนอาจจะคุ้นเคยกันบ้างแต่ไม่มีโอกาสได้ไปสัมผัส นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า “ดอกไม้ไฟ”
คำว่า “ดอกไม้ไฟ” ในภาษาญี่ปุ่นคือ花火 ซึ่งเป็นการรวมตัวอักษร “ดอกไม้” และ “ไฟ”เข้าด้วยกัน
ซึ่งก็จะทำให้เห็นได้ว่าความคิดในการประดิษฐ์คำนั้นใกล้เคียงหรืออาจจะมีรากฐานเดียวกับภาษาไทย ไม่แน่ว่าเหล่าคนในอดีตนั้นอาจจะเคยแหงนหน้ามองท้องฟ้าในขณะที่ดอกไม้ไฟระเบิดออก และจินตนาการถึง ดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานจึงเป็นที่มาของคำว่า “ดอกไม้ไฟ” ก็อาจจะเป็นได้
โดยปกติแล้วในบริเวณนี้จะมีงานดอกไม้ไฟจัดขึ้นมากมาย แต่ในวันนี้ทางเราจะขอแนะนำงานดอกไม้ไฟ 3แห่งที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การเดินทาง พร้อมทั้งให้เคล็ดลับและเกร็ดเล็กน้อยสำหรับการเก็บภาพสวยๆไว้อวดเพื่อนๆอีกด้วย
งานเทศกาลดอกไม้ไฟโอคาซากิ
ในปีนี้งานเทศกาลดอกไม้ไฟโอคาซากิจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม เวลา 18.50น. จนถึง 21.00น. ซึ่งเมื่อเทียบกับงานดอกไม้ไฟอื่นๆแล้ว งานเทศกาลดอกไม้ไฟโอคาซากินั้นถือว่าเป็นงานที่ค่อนข้างใหญ่โตเลยทีเดียว
สำหรับตัวงานนั้นจะถูกจัดขึ้นข้างแม่น้ำใกล้ปราสาท ซึ่งเราสามารถเดินทางไปที่นั่นได้ด้วยการเดินประมาณ 5-10นาที จากสถานี Higashi Okazaki (สาย Meitetsu) โดยในวันงานนั้น ถ้าเราไปถึงสถานี Higashi Okazaki แล้วละก็ เพียงแค่เดินตามฝูงชนไปก็น่าจะมาถึงตัวงานได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรนัก เพราะคนส่วนมากลงสถานี Higashi Okazaki ในวันนั้น ก็เพื่อที่จะมางานเทศกาลดอกไม้ไฟโอคาซากิกันทั้งนั้น
ในส่วนของคนที่ไม่ชอบสถานที่แออัดหรือมีผู้คพลุกพล่าน ทางเราขอแนะนำให้เว้นระยะห่างออกจากตัวงานเสียหน่อย เพราะในงานเทศกาลโอคาซากินั้นมักจะเต็มไปด้วยผู้คนเบียดเสียดกันจนยากจะหายใจ โดยเนื่องจากตัวงานเป็นงานที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้แม้จะเว้นระยะห่างออกมาเล็กน้อยก็สามารถมองเห็นและได้รับอรรถรสของการชมดอกไม้ไฟอย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กันสักเท่าไร
ข้อควรระวังสำหรับใครที่คิดจะกลับด้วยรถไฟคือ คุณอาจจะต้องเข้าแถวรอรถไฟนานพอสมควร เนื่องจากทุกคนพร้อมใจกันกลับบ้านในทันทีที่งานจบ ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานี้คือ ให้พยายามออกจากตัวงานก่อนที่งานเทศกาลจะจบเพื่อเลี่ยงจังหวะที่ฝูงชนจำนวนมากออกจากงานพร้อมๆกัน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์หลักของทางงานเทศกาล
งานเทศกาลดอกไม้ไฟกามาโกริ
งานเทศกาลดอกไม้ไฟกามาโกรินี้จะจัดขึ้นในวันที่ 29 กรกฎาคม เวลา 19.30น. ถึง 21.00น. ซึ่งกามาโกรินี้เป็นอีกเมืองหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงในด้านของงานดอกไม้ไฟที่ใหญ่โตและอัศจรรย์ โดยงานดอกไม้ไฟนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของ เทศกาลกามาโกริ ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นเวลาสองวัน
สำหรับการเดินทางไปยังตัวงานนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากงานที่โอคาซากิมากนัก คือให้ลงรถไฟที่สถานีนั้นๆและเดินตามฝูงชนไปก็จะสามารถไปถึงพื้นที่จัดงานได้อย่างไม่ยากเย็น
เทศกาลกามาโกรินี้จะถูกจัดขึ้นในที่บริเวณท่าเรือ เพราะฉะนั้นเราอาจจะสามารถหามุมสวยๆถ่ายรูปดอกไม้ไฟคู่กับเรือ หรือมีส่วนต่างๆของเรือเป็นของประกอบฉากให้ภาพน่าสนใจมากขึ้นได้
สำหรับการเดินทางกลับนั้นให้ใช้วิธีการเดียวกับงานเทศกาลโอคาซากิคือ พยายามกลับก่อนเวลางานจบเล็กน้อยเพื่อเลี่ยงฝูงชน เพราะหลังจากงานเทศกาลปิดตัวลงนั้น คนจำนวนมากจะมาแออัดกันเพื่อรอกลับบ้านที่สถานีรถไฟ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์หลักของงานเทศกาล
งานเทศกาลดอกไม้ไฟอินุยามะ
งานเทศกาลดอกไมไฟอินุยามะจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 10 สิงหาคม เวลา 19.30น. ถึง 20.20น. โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดสำหรับงานดอกไม้ไฟนี้คือ สถานี Meitetsu Inuyama-Yuen ซึ่งขอแนะนำให้สังเกตชื่อสถานีให้ดี เพราะนักท่องเที่ยวหลายๆคนมักลงรถไฟที่สถานี Inuyama ซึ่งไม่ใช่สถานีที่ติดกับตัวงานเทศกาล
ในตัวงานนั้นจะมีสถานที่หลากหลายเพื่อให้เราได้เลือกมุมที่จะชมดอกไม้ไฟ ให้พยายามหามุมที่ถูกใจที่สุดหรือมุมที่คนน้อยที่สุด
สิ่งที่เป็นสเน่ห์น่าสนใจสำหรับงานเทศกาลดอกไม้ไฟอินุยามะนี้คือ ภาพของเมืองและแสงสีที่ตกสะท้อนน้ำในยามค่ำคืน
และเช่นเดียวกับสองงานเทศกาลที่กล่าวถึงข้างต้น หากต้องการหลีกเลี่ยงฝูงชนจำนวนมากตอนขากลับแล้วละก็ พยายามออกจากตัวงานก่อนที่งานเทศกาลจะจบลง
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์หลักของงานเทศกาล
เทคนิคสำหรับถ่ายภาพดอกไม้ไฟ
แน่นอนว่าเมื่อไปถึงตัวงานเทศกาลดอกไม้ไฟแล้ว หลายๆคนต้องอยากจะถ่ายรูปติดไม้ติดมือกลับไปอวดเพื่อนๆกัน ในหัวข้อนี้เราจึงจะขอแนะนำเทคนิคเล็กๆน้อยๆเพื่อให้ถ่ายภาพดอกไม้ไฟออกมาได้อย่างดูดีที่สุด
1. ใช้ขาตั้งกล้อง หรือวิธีใดก็ได้ที่ทำให้กล้องนิ่งที่สุด เพราะการถ่ายภาพดอกไม้ไฟนี้จำเป็นต้องตั้งความเร็วของชัตเตอร์ให้นานขึ้น ซึ่งด้วยความเร็วของชัตเตอร์ระดับนี้นั้น หากกล้องไม่นิ่งพอจะเป็นการยากที่จะเก็บภาพสวยๆได้
2. เซ็ตค่า ISO ของกล้องให้ต่ำที่สุด (กล้องส่วนมากจะต่ำสุดที่ 100)
3. ตั้งจุดโฟกัสให้เป็น manual และหมุนเลนส์ให้เข้าใกล้คือตรงกับค่า infinity
4. ตั้งค่า aperture (รูรับแสง) ให้อยู่ประมาณ f8 ถึง f11 โดยปรับให้เข้ากับขนาดเซนเซอร์ (เช่น ถ้าเราใช้กล้องไมโคร 4/3 หรือเล็กกว่า ให้ตั้งค่าไว้ที่ f5.6 – 8)
5. ถ้าเป็นไปได้ให้พยายามกดชัตเตอร์ด้วยตัวเอง แต่หากเราเซ็ตให้กล้องถ่ายภาพแบบอัตโนมัติแล้วละก็ ให้เตรียมทำใจลบช็อตไม่ถูกใจจำนวนมากได้เลย
6. พยายามลองถ่ายภาพทดสอบก่อนถ่ายจริง เพื่อเช็คว่าค่าที่ตั้งมานั้นเหมาะสมหรือไม่ ถ้าภาพดอกไม้ไฟหลุดโฟกัส ให้ปรับความยาวของโฟกัส ถ้าอยากได้ภาพดอกไม้ไฟที่ชัดเจนและหางยาวมากขึ้น ให้ปรับความไวของชัตเตอร์สปีดให้นานขึ้น
7. เราสามารถหาจังหวะการถ่ายภาพดอกไม้ไฟที่แม่นยำได้ด้วยการฟังเสียงดอกไม้ไฟแล่นขึ้นฟ้า โดยยิ่งดอกไม้ไฟพุ่งขึ้นสูง เสียงของดอกไม้ไฟจะยิ่งแหลมสูงตามไปด้วย โดยวิธีนี้จะช่วยบอกเราได้ว่าดอกไม้จะระเบิดออกในช่วงไหน
8. หากใช้สมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพ อาจจำเป็นต้องใช้แอพพลิเคชันเข้าช่วยเพื่อให้เราสามารถปรับค่าต่างๆของตัวกล้องได้
สุดท้ายนี้เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านทุกท่านจะสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับงานเทศกาลดอกไม้ไฟ และได้มีโอกาสเก็บภาพสวยๆเป็นที่ระลึกกลับบ้านโดยทั่วกัน