| Hannah Tsai

ไปชมทะเลที่อิสุอะตะมิกัน!ใช้บัตรพาสใบเดียวเที่ยวได้เต็มอิ่มตลอด1วัน2คืน

รีสอร์ทสไตล์เรโทร:อะตะมิ

ถ้าพูดถึงทะเลอะตะมิที่ตั้งอยู่ที่เกาะอิสุฮันโต จังหวัดชิสึโอกะแล้ว คนญี่ปุ่นคิดยังไงเกี่ยวกับที่นี่กันนะ คงจะนึกถึง“ชายหาด บ่อน้ำพุร้อน และสถานที่ฮันนีมูนสุดฮิตในยุคโชวะ” รีสอร์ทริมทะเลที่ตั้งอยู่บนทะเลอะตะมิที่มีความสวยงานราวกับโลกนิยาย และให้ความเรโทรแบบญี่ปุ่น เป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักท้องเที่ยวที่รักพระอาทิตย์ ทะเล และการเดินเล่นแบบชิล ๆ

ไม่ว่าจะจากโตเกียวหรือโอซาก้าก็ใช้เวลาในการมาถึงที่นี่ประมาณ2ชั่วโมงเท่านั้น เป็นเมืองที่ไม่เหมือนกับเมืองรองทั่วไป เพราะสามารถสนุกกับการเดินทางไปรอบ ๆ เมืองได้ถึง1-2วัน

การเดินทางไปยังอะตะมิ&การเดินทางไปในตัวเมืองอะตะมิ

เดินทางออกจากนาโกย่า

โทไคโดชินคันเซ็น(โคะดะมะ):จากสถานีนาโกย่า↔สถานีอะตะมิ(2ชั่วโมง、8,090เยน)

เดินทางออกจากโตเกียว

ชินคันเซ็น(โคะดะมะ):จากสถานีโตเกียว↔สถานีอะตะมิ(ประมาณ40นาที、3,670เยน) JRโทไคโดMain Line:จากสถานีโตเกียว↔สถานีอะตะมิ(ประมาณ1ชั่วโมง50นาที、1,944เยน)

การเดินทางในเมืองอะตะมิ

หลัก ๆ แล้วการเดินทางในเมืองอะตะมิจะใช้รถบัสเป็นหลัก ตั๋วที่สามารถใช้เที่ยวได้ไม่จำกัดในเมืองอะตะมิก็คือ “ตั๋ว ยุยูบัส แบบ1วัน” โดยราคาจะอยู่ที่ผู้ใหญ่700เยน/เด็ก350เยนตั๋วใบนี้สามารถใช้ขึ้นรถบัสเวียนอย่างยุยูบัสก็ได้ หรือจะใช้ขึ้นรถโดยสารประจำทาง (เป็นบางส่วน) ของเมืองก็ได้ อีกทั้งยังสามารถนำตั๋วไปเป็นส่วนลดในสถานที่ต่าง ๆได้ถึง13แห่ง คุ้มจริง ๆค่ะ!

สามารถซื้อ“ตั๋ว ยุยูบัส แบบ1วัน” ได้โดยตรงที่รถบัส หรือจะซื้อที่ “จุดบริการแนะนำรถบัสของอิสุโทไค” บริเวณหน้าสถานีรถไฟอะตะมิก็ได้

ในกรณีที่คุณมีแผนเที่ยวอยู่ในอะตะมิเป็นระยะเวลา2วันล่ะก็ ขอแนะนำ ”ตั๋วท่องเที่ยวอะทสึโอะ” หากซื้อตั๋วท่องเที่ยวอะทสึโอะสามารถใช้สิทธิ์ต่าง ๆ ได้เหมือนตั๋วยุยูบัสแบบ1วัน แต่ใช้ได้ถึง2วัน ผู้ใหญ่1200เยน เด็ก600เยน คุ้มกว่าซื้อตั๋วยุยูบัสแบบ1วัน2ใบเห็น ๆ

ตั๋วท่องเที่ยวอะทสึโอะไม่สามารถซื้อได้บนรถบัส แต่สามารถซื้อได้ที่“จุดบริการแนะนำรถบัสของอิสุโทไค” บริเวณหน้าสถานีรถไฟอะตะมิ

แผนเที่ยว1คืน2วัน

【วันแรก】10:30หอศิลป์MOA

หอศิลป์นี้เปิดให้บริการในปี ค.ศ.1982เป็นหอศิลป์ที่รวมศิลปะไว้หลายแบบโดยมีคอนเซปต์หลักเป็นศิลปะสไตล์ตะวันออก ตั้งแต่ศิลปะทางประวัติศาสตร์ที่เป็นสมบัติของชาติไปจนถึงศิลปะในยุคปัจจุบัน

จากหอศิลป์สามารถเห็นภูเขาที่ตั้งเรียงรายพร้อมกับชมตัวเมืองอะตะมิและอ่าวซะกะมิไปพร้อม ๆ กันได้ เป็นทิวทัศน์ท่าสวยงามมากเลยล่ะค่ะ แถมยังเดินทางง่ายอีกด้วย แต่ขึ้นรถบัสหมายเลข8จากสถานีอะตะมิประมาณ7นาทีเท่านั้น

หอศิลป์MOAไม่เหมือนหอศิลป์ทั่วไป เพราะเมื่อเข้าไปข้างในหอศิลป์ คุณจะไม่เห็นผลงานถูกจัดแสดงไว้ ต้องขึ้นบรรไดเลื่อนที่ดูเหมือนไม่มีจุดเส้นสุดไปยังจุดหมาย หลังจากเดินตามอุโมงค์ที่มีเพลงคลอเบา ๆและดูทึม ๆไปแล้ว คุณก็จะได้ชมงานศิลปะด้วยจิตใจที่สงบ
ที่ปลายสุดของบรรไดเลื่อน จะมีกล้องคาไลโดสโคปที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอยู่ใน “ห้องทรงกลม”มาสนุกไปกับการนั่งฟังเพลงบนที่นั่งไปพร้อมกับการชมภาพที่เกิดจากกล้องคาไลโดสโคปที่สวยงามราวกับภาพฝันกัน

จุดเด่นของหอศิลป์นี้อยู่ที่การใช้ธรรมชาตินอกอาคารกับผลงานศิลปะมาผสมผสานกันจนได้เป็นดอกไม้ไฟ อีกทั้งที่ “ลานกว้างมุอะ” ที่อยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ250เมตรที่นี่คุณสามารถชมงานแกะหลักจากประเทศอังกฤษโดยช่างแกะสลักชั้นเลิศที่มาในธีม “พระราชาและราชินี” พร้อมทั้งยังสามารถชมวิวสวย ๆ จากทะเลได้อีกด้วย ในฤดูใบไม้ผลิก็อาจจะได้เห็นซากุระสวย ๆ อีกด้วย

ไม่ใช่แค่ในส่วนของหอศิลป์เท่านั้น การประยุกต์ใช้ธรรมชาติกับศิลปะ ถือเป็นสโลแกนหลักของหอศิลป์MOA

ที่ หอMOAมีเครื่องปั้น ภาพวาดแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า งานแกะสลักไม้ และงานศิลปะแบบญี่ปุ่นโบราณอีกมากมาย เช่น สมบัติแห่งชาติ อย่าง「เครื่องปั้นลงสีลายดอกฟูจิบะนะ」

ถ้าเดินเล่นที่หอศิลป์เหนื่อยแล้ว มาหยุดพักที่ร้านอาหารกับร้านกาแฟก็ได้ค่ะ ในหอศิลป์นี้มีร้านกาแฟชื่อร้านว่า “the café” มาดื่มกาแฟไปพร้อมกับการดื่มด่ำทิวทัศน์สวย ๆ ที่มองจากหน้าต่างร้านออกไปเป็นเมืองอะตะมิและชายหาด ถือเป็นหนึ่งในร้านกาแฟที่มีสเน่ห์ในหอศิลป์ที่มีอยู่ไม่กี่ร้านในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

13:00ศาลเจ้าคิโนะมิยะ

ศาลเจ้าอะตะมิเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองอะตะมิ เป็นสถานที่ที่คนนิยมมาขอพรตั้งแต่อดีต

credit: 來宮神社

ที่นี่มีต้นไม้เก่าที่มีอายุมากกว่า 2000 ปี มีเส้นรอบวงกว้างถึง 24 เมตร ถือเป็นต้นไม้ที่มีความใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ ญี่ปุ่น และอีกทั้งยังเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกรับเลือกให้แป็น “อนุเสาวรีย์ธรรมชาติแห่งชาติ” อีกด้วย ในตอนกลางคืนจะมีการฉายไฟไปยังต้นไม้ สว่างจนทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยทีเดียว

ว่ากันว่าหากเดินวนต้นไม้ 1 รอบ อายุจะยืนขึ้น 1 ปี จึงมีผู้เลื่อมใสมาที่ศาลเจ้านี้เป็นจำนวนมาก และยังได้ยินมาอีกว่า หากมีเรื่องที่อยากขอ ให้ขอพรในใจแล้วเดินวนรอบต้นไม้ คำขอจะกลายเป็นจริง
วันที่ไปที่ศาลเจ้าก็มีสาวญี่ปุ่นมากมายอยู่ใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ หยุดยืนคิดคำขอสักพัก ก่อนจะเดินวนรอบต้นไม้ ท่าทางว่าทุกคนจะเชื่อเรื่องนี้เอามาก ๆ เลยนะคะเนี่ย

สถานที่ขายเครื่องลางของที่นี่ก็มีความงดงามราวกับผลงานศิลปะในหอศิลป์ แถมยังมีเครื่องลางที่เรียกเสียงเฮฮาจากผู้คนต่างจากศาลเจ้าอื่น ๆ อีกด้วย

นอกจากจะมีเครื่องลางจะมีเชือกเล็ก ๆ ผูกไว้เป็นรูปผีเสื้อที่เรียกว่า “เคจิเอ็งมะโมะริ” ววางขายแล้ว ที่นี่ยังมีเครื่องลางแปลก ๆ อย่าง “เครื่องลางไล่แมลง” วางขายอีกด้วย เอ๊ะ คือเป็นเครื่องลางที่ไล่แมลงได้ว่างั้น ห้อยแล้วแมลงไม่ตอมงั้นเหรอ ไม่ใช่อย่างงั้นจ้า แมลงที่ว่าเนี่ย เขามายถึงพวกตัวกันใจอย่าง “แมลงชู้” หรือ “แมลงติดพนัน” อะไรอย่างนั้นค่ะ เนื่องจากมีความเชื่อที่ว่าใบไม้ของต้นไม้ใหญ่ ๆ จะสามารถไล่พวกแมลงจริง ๆได้ ก็แสดงว่า สามารถไล่ “แมลงร้าย” ออกจากชีวิตได้เช่นกันค่ะ

ในเขตศาลเจ้า ยังมีร้านกาแฟที่สร้างขึ้นมาในสไตล์โมเดิร์น คุณได้แวะพักดื่มกาแฟอ่อน ๆ และรับประทานเค้กแสนอร่อย

รถยุยูบัสอาจจะไม่มาจอดลงที่ศาเจ้าคิโนะมิยะแต่สามารถเดินมาจากสถานีอะตะมิได้ ใช้เวลลาประมาณ 20 นาที หรือจะเลือกขึ้นรถไฟจากสถานีอะตะมิไปลงยัง “สถานีคิโนะมิยะ” ใช้เวลาประมาณ 2 นาที แล้วเดินต่อไปอีก 3 ทีเพื่อไปยังจุดหมาย ถ้าเป็นรถไฟอาจจะต้องใช้เวลารอรถนานซักนิดเพราะ 30-40 นาทีจะมา 1 ครั้งเท่านั้น ใครที่ไม่ทันรถไฟเดินไปน่าจะไวกว่านะคะ

15:00ย่านการค้าอะตะมิกินซ่า

เดินจากศาลเจ้าคิโนะมิยะมา 15 นาทีก็จะเจอ “ย่านการค้ากินซ่า” ที่เป็นย่านการค้าเก่าแก่ในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณที่เป็นศูนย์กลางของอะตะมิ กใช้บริการยุยูบัส ให้เลือกลงที่ป้าย “กินซ่า”

ย่านการค้าอะตะมิกินซ่าเป็นย่านที่เกิดจากการรวมซอยเข้าไว้ด้วยกันหลายซอย ตึกสไตล์เรโทร ป้ายร้านค้าแบบโบราณ อิฐสีแดง พาให้นึกถึงเมื่อ 40 – 50 ปีก่อน(ปีค.ศ. 1926-1989)ที่ตอนนั้นที่นี่เป็นที่นิยมของคู่ฮันนีมูนที่มาเที่ยวที่อะตะมิในสมัยโชวะ

ที่ย่านการค้านี้มีทั้ของสดและของแห้งขาย อีกทั้งยังมีร้านกาแฟที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ยุคโชวะอีกด้วย มีทั้งสิ่งก่อสร้างที่โดนปรับปรุงจนกลายเป็นแบบสมัยใหม่กับตึกแบบเก่าที่คงสภาพเดิมมาตลอด มีร้านกาแฟน่ารัก ๆ ที่เสิร์ฟเมนูที่จะทำให้คุณนึกถึงยุคโชวะอย่า ง ไอศครีมซันเดย์กับแซนด์วิช เรียกได้ว่าอิ่มทั้งตาอิ่มทั้งท้องเลยล่ะค่ะ

ร้านกาแฟ SUNBIRD มีบรรยากาศของยุคเรโทรในช่วงปี 1970 คุณสามารถมองเห็นวิวทะเลสวย ๆ ได้จากหน้าต่างบานใหญ่
เมนูฮิตของที่ SUNBIRD คือเมนู "บานาน่าสเปเชี่ยล" คือการนำกล้วย 1 ผลมาราดด้วยวิปครีมและช็อคโกแลตซอสแสนอร่อย

“ ซันบาร์ด ”ร้านกาแฟเก่าแก่ที่สามารถดื่มกาแฟไปพร้อมกับชมวิวทะเลได้ ที่นี่เปิดให้บิริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1959[กาแฟชาวบ้าน](ภาพด้านบน)

17:00เล่นน้ำที่ซันบีช、โรแมนติคไปกับการประดับไฟและดอกไม้ไฟ

ไหน ๆ ก็มาชมทะเลถึงที่อะตะมิแล้ว ก็ลงเล่นน้ำกันซะเลย!
เดินทางด้วยรถบัสยุยู เลือกลงที่ “สถานีซันบีช” คุณจะได้พบกับหาดทรายสีขาวที่โอบล้อมไปด้วยต้นปาล์มและแสงอาทิตย์อันเจิดจ้า

ในช่วงฤดูร้อนที่ซันบีชจะเปิดให้เล่นน้ำได้(เวลาเปิดให้ลงเล่นน้ำปี201913กรกฏาคม-1กันยายน)แต่แม้ว่าจะไม่ใช่ฤดูร้อน แต่แม้จะไม่ใช่ฤดูร้อนก็สามารถสนุกไปกับการชมไลท์อัฟในตอนกลางคืนได้ ขอบอกเลยว่าโรแมนติคเหมือนอยู่ในบรรยากาศแบบประเทศทางตะวันออกเฉียงใต้

ถ้าใครโชคดีก็อาจจะได้ชม “ดอกไม้ไฟอะซะมิ” ถ้าใครมีโอกาสอยากให้มาลองชมดอกไม้ไฟที่จุดที่ซันบีชดูนะคะ ปกติแล้วทุก ๆ ปีเทศกาลดอกไม้ไฟจะจัดในช่วงเดือนกรกฏาคมถึงเดือนสิงหาคม แต่ที่นี่ต่างจากที่อื่นตรงที่มีปีนึงมีการจัดเทศกาลดอกไม้ไฟมากกว่า 10 ครั้ง เรียกได้ว่าไม่ว่าจะมาตอนไหนก็ได้ชมแน่นอน ที่พักที่มองเห็นดอกไม้ไฟนี้มีอยู่หลายแห่ง แต่ห้องที่สามารถมองเห็นดอกไม้ไฟก็เป็นที่นิยมอย่างมาก ใครที่อยากพักห้องแบบนั้นล่ะก็จองด่วน ๆ เลยค่ะ

เวลาแสดงดอกไม้ไฟ:20:00-20:25

20:00อะตะมิอนเซ็ง

อะตะมิเป็นเมืองแห่งอนเซ็ง หากมองไปที่ภูเขาจะเห็นไอน้ำจากบ่อน้ำพุร้อนเลยล่ะ และนอกจากนี้ด้วยความที่อนเซ็งหลาย ๆ แห่งอยากจะสร้างบรรยากาศแบบอะตะมิด้วย จึงมีการสร้างบ่อน้ำพุร้อนที่สามรถแช่ไปชมทะเลไปด้วยได้
หากเลือกที่พักที่มีอนเซ็ง เวลาเข้าพักก็สามรถผ่อนคลายด้วยการแช่บ่อน้ำพุร้อนได้ ในตัวเมืองมีบริการแบบ “แช่อนเซ็งระหว่างวัน” อยู่มาก ให้คุณได้สัมผัสกับแช่อนเซ็งในบรรยากาศสุดฟิน แบบที่ไม่ต้องเข้าพัก

Related Articles Related Articles