เสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวในนะกะทสึกาวะ

ในช่วงสมัยเอโดะ มีการสร้างทางหลวง 2 สายที่เชื่อมระหว่างเอโดะ( Tokyo)และเกียวโต สายแรกอยู่ริมทะเลชื่อว่า “โทไคโด” ส่วนอีกสายอยู่บนบก เลียบไปตามแนวภูเขา ชื่อว่า “นะกะเซนโด” ถึงว่ากันว่าแม้ว่าทางหลวงนะกะเซนโดจะเป็นถนนบนภูเขาที่ยาวและเป็นถนนที่สูงชันบนภูเขา แถมหน้าหนาวก็ยังหนาวมากแต่ก็มีนักเดินทางจำนวนหลายคนที่เดินทางผ่านบนมาบนถนนสายนี้

ในเมืองนะกะทสึกาวะมีเมืองแหล่งที่พักอยู่ 3 แห่งได้แก่ มะโกะเมะจูกุ、โอะจิไอจุกุ、นะกะทสึกาวะจูกุ ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านสายนะกะเซนโดด้วยความงามของธรรมชาติที่รายล้อมด้วยภูเขาและบรรยากาศของตัวเมืองที่มีบรรยากาศประวัติศาสตร์อยู่เคียงคู่กับถนนสายโบราณ ในปัจจุบันก็ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ

ในบทความนี้เราจะเน้นไปที่การชมเมืองแหล่งท่องเที่ยวและแนะนำสถานที่ที่น่าสนใจของนะกะทสึกาวะ

วิธีเดินทางจากนาโกย่าไปยังนะกะทสึกาวะ

จากสถานี JR นาโกย่า ให้ขึ้นรถไฟไวด์วิว ชินาโนะ Express ไปยังสถานีนะกะทสึกาวะ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ราคารวมตั๋ว Express 2540 เยน ในกรณีที่ไม่ต้องการใช้รถไฟ Express จากสถานี JR นาโกย่า ให้ขึ้นรถไฟ Rapid สาย Main Line ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ก็จะสามารถไปถึงสถานีนะกะทสึกาวะได้ในราคา 1, 340 เยน

จากฮิรุกะมิอนเซ็งของหมู่บ้านอะจิแหล่งอนเซ็งที่มีชื่อเสียงในเรื่องของท้องฟ้าที่ระยิบระยับในยามค่ำคืน สามารถขึ้นรถบัสไปโดยตรงได้ในเวลา 40 นาที

ในกรณีที่เดินทางด้วยรถยนต์ให้ใช้ทางด่วนสาย “นะกะทสึกาวะ” โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หากใช้รถยนต์ก็จะสามารถไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอันมีเสน่ห์รอบๆได้ ไม่ใช่แค่ในเมืองนะกะทสึกาวะเท่านั้น

สถานีนะกะทสึกาวะและนะกะทสึกาวะจูกุ

การเดินทางจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณลงที่สถานีนะกะทสึกาวะ ให้คุณมุ่งหน้าไปยังถนนประมาณ 100 เมตร คุณก็จะเจอกับอดีตทางเข้าถนนนะกะเซนโดเก่า ที่อยู่ตรงสี่แยกที่เรียกว่า “ชิมมะจิ” บริเวณหน้าศูนย์การค้า เมื่อเลี้ยวขวาที่สี่แยก ก็จะเจอกับร้าน “สึยะ”ที่เป็น 1 ในร้านชื่อดังของนะกะทสึกาวะ ซึ่งขายของกินขึ้นชื่อของนะกะทสึกาวะอย่าง “คุริคินโต” นอกจากนี้เมื่อเดินไปจนสุดทาง คุณก็จะได้เห็นทิวทัศน์ของนะกะทสึกาวะจูกุอีกด้วย

นะกะทสึกาวะจูกุเป็นเมืองหนึ่งที่พักอันดับที่ 45 บนสายนะกะเซนโด ในอดีตเคยรุ่งเรืองในฐานะเมืองแหล่งการค้าที่ดีที่สุดในพื้นที่แถบนั้น อาคารเก่าแก่อันงดงามเรียงรายไปตามถนน ถ่ายทอดบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาจากช่วงเวลาในอดีตได้เป็นอย่างดี มีบ้านหลายหลังที่มี "อุดะทสึ" (ของตกแต่งหลังคาญี่ปุ่น ทำจากวัสดุทนไฟ) ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของบ้านที่มีฐานะดี

ในศูนย์กลางของนะกะทสึกาวะจูกุ มีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์นะกะเซนโด ซึ่งจัดแสดงวัสดุที่มีค่า เช่น เอกสารโบราณที่ถูกเก็บไว้ในบ้านเก่าของนะกะทสึกาวะจูกุ ฯลฯ นอกจากนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีสถานที่ที่คุณสามารถแวะพักขณะเดินเล่นได้เพิ่มขึ้นมากมาย เช่น ร้านกาแฟและร้านค้าที่มีบรรยากาศเป็นบ้านโบราณ

• Spot Info

การเดินทางไปยังโอะจิไอจุกุ

กลับไปที่สถานีนะกะทสึกาวะอีกครั้งและขึ้นรถบัสคิตะเอะนะโคซูที่มุ่งหน้าไปยังมาโกะเมะ ลงที่ป้ายรถเมล์โอะจิไอ ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีจากค่ะ จริงๆจากนะกะทสึกาวะไปยังโอจิไอจูกุ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าวันไหนอากาศดี การเดินไปก็เป็นทางเลือกที่ดีนะคะ ในส่วนของโอจิไปจูกุไปมาโกะเมะจูกุใช้เวลาประมาณ 15 นาที หากเดินทางด้วยบัสและ 1 ชั่วโมงด้วยการเดินค่ะ

โอะจิไอจูกุตั้งอยู่ระหว่างนะกะทสึกาวะจูกุและมาโกะเมะจูกุ ในใจกลางของโอะจิไอจูกุ มีสำนักงานใหญ่ที่เป็นที่พักของกลุ่มคนที่สูงศักดิ์ สำนักงานใหญ่แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1818 และยังมีสภาพเหมือนในอดีตเกือบ 100%

โอะจิไอจูกุในปัจจุบันนั้นไม่ได้เป็นจุดท่องเที่ยวมีผู้คนพลุกพล่าน แต่เป็นสถานที่ที่เงียบสงบที่คุณสามารถสัมผัสถึงความมีชีวิตชีวาของเมืองเก่าที่เป็นเมืองแหล่งที่พักได้

ไฮไลท์เด็ดของที่นี่คือวัดเซนโชจิซึ่งมีต้นสนที่มีความโดดเด่น อยู่ติดกับประตูทางเข้าและวัดโคฟุคุจิ ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องดอกซากุระและมอสอันสวยงามอยู่ในสวน วัดในประวัติศาสตร์เหล่านี้ยังมีเวิร์คช็อปสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้ชาวต่างชาติสามารถสัมผัสกับประสบการณ์ต่าง ๆ เช่น การนั่งสมาธิและการสวดพระสูตร

• Spot Info

ทางเท้าหินของโอะจิไอและชินชะยะ

ระหว่างทางจากโอะจิไอจูกุไปยังมาโกะเมะจูกุ ให้ลองแวะไปที่ทางเท้าหินของโอะจิไอที่อยู่เลียบไปกับนะกะเซนโดเก่า ถนนหินก้อนกรวดที่สวยงามที่ยังคงรูปลักษณ์แบบโบราณ มีความยาวประมาณ 800 เมตร

ทางเท้าหินถูกออกแบบมาเพื่อให้นักเดินทางเดินข้ามทางลาดชันได้ง่ายขึ้น ดูเหมือนว่ามันยังทำหน้าที่ปกป้องเนินจากฝนที่ตกหนักอีกด้วย เรียกได้ว่าที่นี่ดีต่อใจมาก ๆ ที่จะเดินเล่นไปตามเส้นทางประวัติศาสตร์ที่แวดล้อมไปด้วยความเขียวขจี

ในบริเวณใกล้กับทางเท้าหินของโอะจิไอ มีสถานที่ที่เรียกว่า”ชินชะยะ” ซึ่งมีหินสลักที่เขียนว่า "ทิศเหนือจากนี้เป็นถนนคิโสะ"ตั้งอยู่ ตัวอักษรที่แกะสลักเป็นผลงานของชิมะซะกิ ฟูจิมูระซึ่งเป็นตัวแทนของศิลปินญี่ปุ่นสมัยใหม่และมีบ้านเกิดอยู่ที่นี่ ตรงข้ามหินสลักยังมีเกสต์เฮาส์ที่รักษาบรรยากาศดั้งเดิมของญี่ปุ่นเอาไว้อีกด้วย

จากชินชะยะไปยังมาโกะเมะจูกุ คุณสามารถชมนาข้าวและนาข้าวขั้นบันไดที่ใช้ประโยชน์จากความลาดชันของพื้นที่ภูเขาได้เป็นอย่างดี ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมสีเขียวสดของรวงข้าวจะโดดเด่นเป็นอย่างมาก หากคุณมีความสนใจในทิวทัศน์ชนบทของญี่ปุ่น อย่าพลาดชมวิวนี้เด็ดขาด

สู่มะโกะเมะจูกุ แหล่งที่่พักแห่งเนินอันลาดชัน

ว่ากันว่า "ก่อนรุ่งอรุณ"ของ ชิมะซะกิ ฟูจิมูระ ของ เป็นผลงานชิ้นเอกของวรรณกรรมญี่ปุ่นสมัยใหม่ ในนวนิยายเรื่องนี้ฟุจิมุระใช้พ่อของตัวเองเป็นตัวละครเอกและมีฉากเป็นเมืองที่มีภูเขาสูงของนะกะเซนโด แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงจากยุคเอโดะถึงยุคเมจิ ประโยคแรกที่ปรากฎในนวนิยายคือ “ถนนคิโสะทั้งหมดอยู่ในภูเขา" ซึ่งเป็นวลีที่มีชื่อเสียงมาก

มาโกะเมะจูกุ เมืองแหล่งที่พักที่เป็นดั่งเวทีของนวนิยายของฟูจิมุระ มีสถานที่ที่กลายเป็นฉากของผลงานเรื่อง "ก่อนรุ่งอรุณ" และยังมีอนุสรณ์ของฟูจิมุระ พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ฟูจิโมระได้รับเลือกให้เป็น "มรดกแห่งชาติ" โดยหน่วยงานด้านวัฒนธรรมของญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายน 2020

มาโกะเมะจูกุตั้งอยู่ที่ระดับความสูงเหนือน้ำทะเลประมาณ 600 เมตร ซึ่งโดยปกติแล้วเมืองแหล่งที่พักจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ราบ ในขณะที่มาโกะเมะจูกุนั้นมีความโดดเด่นในเรื่องการสร้างเมืองบนเนินเขา เรามาปีนขึ้นไปบนทางลาดชันแห่งนี้กันค่ะ

อาคารประวัติศาสตร์เรียงรายอยู่ทั้งสองด้านของทางลาดชัน นอกจากนี้ทิวทัศน์จากทางลาดชันนั้นก็สวยงามเป็นอย่างมากและหากวันไหนอากาศดี คุณสามารถมองเห็นภูเขาที่อยู่โดยรอบได้ไกลสุดลูกหูลูกตา มาโกะเมะจูกุยาวประมาณ 600 เมตรและทั้งหมดเป็นเนินเขา แต่ทิวทัศน์นั้นยอดเยี่ยมจนคุณเบื่อไม่ลงเลยล่ะค่ะ

ระหว่างทางมีร้านค้ามากมายที่คุณสามารถแวะกินอาหารท้องถิ่นได้ เช่น "โอยาคิ" และโกเฮโมจิ ฯลฯ ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการกินในขณะเดินได้

• Spot Info

จากมาโกะเมะจูกุถึงทสึมาโกะจูกุ สามารถเดินไปได้ในระยะทางประมาณ 9 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง สำหรับคอร์สการเดินป่า คุณสามารถอ่านข้อมูลจากบทความแนะนำเหล่านี้ได้

ปราสาทสูงเสียดฟ้า ซากปราสาทนาเอะกิ

หากคุณมีความสนใจในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นนอกเหนือไปจากการเยี่ยมชมเมืองแหล่งที่พักแล้ว ขอแนะนำให้มาชมซากปรักหักพังของปราสาทนาเอะกิ จากสถานีนะกะทสึกาวะ หากคุณใช้รถบัสคิตะเอะนะโคซูที่มุ่งหน้าไปยัง "ทสึเคะจิเคียว คุระยะอนเซ็ง”หรือบัสที่มุ่งหน้าไปยังสำนักงานคะชิโมะ คุณจะมาถึงประมาณ 12 นาที จากป้ายรถเมล์ไปยังหอคอยปราสาทของปราสาทนาเอะกิใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที

ปราสาทนาเอะกิเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นบนภูเขาที่สูงขึ้นไปตามแม่น้ำคิโสะ โดยใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศตามธรรมชาติจากหินก้อนใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น มาใช้เป็นกำแพงหินเพื่อปกป้องปราสาท

คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการชมวิวจากยอดเขาและคุณยังสามารถชมภูเขาเอะนะซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนะกะทสึกาวะได้อีกด้วย

• Spot Info

นะกะทสึกาวะ ต้นกำเนิดของคุริคินทง

เมืองนะกะทสึกาวะยังเป็นที่รู้จักกันในนามบ้านเกิดของคุริคินทงซึ่งเป็นขนมหวานที่ใช้เกาลัดเป็นหลัก มีร้านค้าที่ขายคุริคินทงที่โด่งดังมากมายในเมืองเช่น "สึยะ", "คาวะคามิยะ" และ "โชเก็ตสึโด"

คุริคินทงของแต่ละร้านมีรสชาติที่แตกต่างกันไปเล็กน้อย ขอแนะนำให้ลองชิมคุริคินทงจากหลาย ๆ ร้านเพื่อหาแบบที่คุณชอบ คุณสามารถกินคุริคินทงได้ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงมกราคม ในฤดูกาลอื่น ๆคุณก็สามารถกินขนมเกาลัดหลากหลายชนิดได้เช่นกัน

สรุป

สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเมืองนะกะทสึกาวะ มีสิ่งต่าง ๆ เช่น มาโกะเมะจูกุที่ทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าคุณได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงสมัยเอโดะ บรรยากาศของทางหลวงสายเก่าแก่ที่ยังคงอยู่บนทางเท้าหินและซากปราสาทนาเนกิ ฯลฯ และยังมีอีกหลายสถานที่ ถ้าได้ไปล่ะก็ขอให้ใช้เวลาแบบผ่อนคลายไปกับการคิดถึงประวัติศาสตร์เก่า ๆ ของญี่ปุ่น

Click here to get the latest information on Central Japan.Centrip Japan - Nagoya and Chubu Information