| กองบรรณาธิการCentrip
เดินเล่นในกุโจฮาจิมัง จังหวัดกิฟุ เมืองหลวงสายน้ำแห่งเอโดะ! สัมผัสประสบการณ์ย้อนยุคสไตล์ญี่ปุ่น
กุโจฮาจิมังตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ เดินทางโดยรถบัสเพียงครึ่งชั่วโมงจากนาโกย่า หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเล่นว่า "ลิตเติล เกียวโต" และเปรียบเหมือนสวรรค์บนดิน ประดับด้วยตึกเก่าแก่และสายน้ำใสไหลผ่านทั่วทั้งหมู่บ้าน
เรามาเยี่ยมชมเมืองกุโจฮาจิมังที่มีเสน่ห์และความน่าสนใจไปกับ Centrip Japan กันดีกว่า
Table of Contents
การเดินทางสู่กุโจฮาจิมัง
การเดินทางด้วยบัสเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับเส้นทาง นาโกย่า - กุโจฮาจิมัง โดยขึ้นรถบัสสายกิฟุจากศูนย์รถบัสเมเท็ตสึ สถานีนาโกย่าไปลงที่ Gujo Hachiman Castle Town Plaza ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง ค่าโดยสารขาเดียว ¥2,260 และไปกลับ ¥4,100
กุโจฮาจิมังอยู่ไม่ไกลจากทาคายามะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวและเดินทางสะดวกด้วยรถบัสในเวลาเพียงชั่วโมงนิด ๆ และจากนาโกย่าคุณยังเดินทางไปกุโจฮาจิมังเพียงวันเดียวและต่อรถบัสไปค้างคืนที่ทาคายามะได้อีกด้วย
เริ่มต้นทริปด้วยวิวเมืองมุมสูง : ปราสาทกุโจฮาจิมัง
ปราสาทกุโจฮาจิมังตั้งอยู่บนภูเขาและรู้จักในชื่อ "ปราสาทบนภูเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น" และ "ปราสาทแห่งผืนฟ้า" จากบรรยากาศภูเขารอบปราสาท การเดินเท้าจากตีนเขาไปยังปราสาทใช้เวลาประมาณ 20 นาที จุดสูงสุดของปราสาทสร้างบรรยากาศปราสาทกุโจฮาจิมังที่งดงามตระการตา
จากบนปราสาท คุณจะได้พบกับวิวเมืองปราสาทกุโจฮาจิมังมุมกว้าง เมื่อมองเข้าไปใกล้กว่าเดิม คุณคิดว่าเมืองแห่งนี้มีรูปร่างเหมือนปลามั้ยคะ
ปราสาทถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1933 และเป็นปราสาทไม้ที่มีการสร้างใหม่อายุเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ฐานหินของปราสาทเป็นหินจากปราสาทหลังดั้งเดิม
แม้ว่าจะไม่ใช่ปราสาทขนาดใหญ่ แต่ก็มีเรื่องราวต้นกำเนิดของคังเนะสุเกะ จิโยะ ลูกสาวของขุนนางมือเอกของปราสาทมาริอะกิ เอ็นโดะ ใช้สินสอดของเธอซื้อม้าให้กับสามี ซึ่งเป็นตัวที่สามีไม่สามารถที่จะซื้อได้ คุณจะได้พบกับภาพวาดและรูปปั้นของจิโยะ ซึ่งกำเนิดที่กุโจฮาจิมัง ที่ปราสาทแห่งนี้
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังปราสาทแห่งนี้สามารถซื้อประกาศนียบัตรเป็นที่ระลึกการมาเยือนได้อีกด้วย
เมืองแห่งปราสาทโบราณและเมืองแห่งสายน้ำ
หลังจากเยี่ยมชมปราสาทกุโจฮาจิมัง เรามาเดินชมเมืองปราสาทกันต่อ สิ่งที่แสดงความเป็นกุโจฮาจิมังได้ดีที่สุด คือ บ้านเรือนเก่าแก่กว่า 1,000 หลังและสายน้ำที่ไหลเชี่ยว ชื่อเล่นของกุโจฮาจิมัง คือ "ลิตเติล เกียวโต" แต่ที่เกียวโตก็ไม่มีสายน้ำแบบนี้ให้เห็น!
ถนนเก่าแก่อายุกว่า 350 ปี
ผังเมืองของกุโจฮาจิมังมาจากแนวคิดระหว่างปี 1646 - 1676 หรือกล่าวได้ว่า ถนนที่คุณเห็นวันนี้ แทบจะเป็นแบบเดียวกับถนนเมื่อ 350 ปีก่อน กุโจฮาจิมังเคยเป็นศูนย์กลางการค้าและการปกครองในสมัยเอโดะ ความคึกคักในช่วงปีที่ผ่านมายังซ่อนตัวอยู่ในตรอกแสนสงบและเรียบง่ายซึ่งได้รับการบูรณะในปัจจุบัน
เมืองปราสาทแห่งกุโจฮาจิมังเป็นพื้นที่แห่งชาติที่สำคัญซึ่งเป็นบริเวณที่อนุรักษ์อาคารดั้งเดิม ดังประโยคที่ว่า "บรรยากาศทางประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านและอุปกรณ์กักเก็บน้ำ" ในอดีต พวกเขาแบ่งที่พักตามอาชีพ และมีชื่อถนนบอกเล่าเรื่องราวของอาชีพเหล่านั้น เช่น เมืองนักเดินทาง (นักประดิษฐ์) และเมืองบ้านช่างตีเหล็ก (ช่างตีเหล็ก) หนึ่งในเอกลักษณ์ คือ เมืองแห่งนี้ ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นหมู่บ้านพาณิชย์ตามกระแสนักท่องเที่ยวและยังคงไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ที่สัมผัสได้อย่างแท้จริง
หนึ่งใน 100 สายน้ำที่น่าจดจำที่สุดในญี่ปุ่น
เดิมทีทางน้ำหน้าบ้านแต่ละหลังมีไว้สำหรับป้องกันการเกิดไฟไหม้ น้ำใสและไร้กลิ่นแตกต่างจากท่อน้ำตามเมืองต่าง ๆ ที่มีสิ่งสกปรกและขยะมากมาย ไม้กระดาน หรือมีชื่อเรียกว่า "เซคิ อิตะ" วางเอาไว้ข้างทางน้ำและใช้สำหรับการกั้นน้ำเพื่อใช้ในครัวเรือน เช่น รดน้ำต้นไม้ ซักผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น
เมื่อคุณเลี้ยวเข้าในซอยเล็ก ๆ จะได้พบกับโซกิ สปริง (Sogi Spring) เป็นแห่งแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 สายน้ำที่น่าจดจำที่สุดในญี่ปุ่น แหล่งน้ำอยู่ใต้ดินและใสจนคุณมองเห็นทะลุถึงด้านล่าง พร้อมกับศาลเจ้าที่สร้างเพื่อสักการะเทพเจ้าแห่งน้ำโซจิออน น้ำโซกิเป็นน้ำดื่มและใช้ในครัวเรือน ดังนั้น ห้ามล้างมือ ล้างเท้า ซักผ้า หรือจับและปล่อยปลาในน้ำแห่งนี้เป็นอันขาด!
น้ำแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้นที่ใกล้กับแหล่งกำเนิดมากที่สุด เป็นน้ำสำหรับการดื่ม ชั้นถัดมาสำหรับล้างข้าวหรือแช่อาหาร และชั้นสุดท้ายสำหรับการล้างจาน เห็นได้ว่ามีการให้ความสำคัญกับการใช้น้ำอย่างคุ้มค่า
เมืองแห่งนี้มีทางน้ำมากมาย พื้นหินทำให้เราเห็นปลาว่ายน้ำและต้นหลิวลอยฟุ้งในอากาศ บรรยากาศเกินคำบรรยาย เมื่อมารวมกันให้บรรยากาศในสมัยเอโดะของญี่ปุ่น เมื่อได้เดินเล่นตามทางเดินแล้ว คุณจะได้พบประสบการณ์ใหม่ในทุก ๆ มุมที่คุณก้าวผ่านเลยล่ะ
ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนเพลิดเพลินกับประสบการณ์เต้นระบำกุโจ!
แม้ว่าเดือนกรกฏาคมถึงกันยายนของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาอันเงียบสงบ แต่ที่กุโจฮาจิมังมีเทศกาลบง โอโดริ (Bon Odori festival) เป็นเทศกาลที่มีการเต้นรำในชุดยูกาตะ(กิโมโนฤดูร้อน) ต่อเนื่องกว่า 33 คืน และมีการเต้นรำจนถึงเช้าถึง 4 วัน!
ในเทศกาลกุโจ โอโดริมีการใช้บทเพลงกว่า 10 ประเภทประกอบการเต้นแต่ละชุด แรกเริ่ม เทศกาลนี้จัดโดยขุนนางของปราสาทในยุคเอโดะเพื่อให้คนทุกชนชั้นรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในปัจจุบัน ทุกคนที่กุโจฮาจิมังเรียนรู้กุโจ โอโดริตั้งแต่เล็ก ๆ และพวกเขาจะเข้ามาแสดงในเทศกาลนี้ด้วย และแปลว่าทุกคนในกุโจสามารถเต้นรำได้นั่นเอง!
เมื่อฉันถามว่า "การที่มีการเต้นหลายประเภทนั้นยากหรือไม่" ผู้อาศัยในกุโจขอให้ฉันไปลองกับพวกเขาอย่างกระตือรือร้นพร้อมรอยยิ้มแสนอบอุ่น ท่าเต้นนั้นมีความเรียบง่าย ซ้ำไปซ้ำมา และมีเสียงของเกี๊ยะที่ดังขึ้น ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เด็กและผู้ใหญ่เต้นรำด้วยความร่าเริง รอยยิ้มของทุกคนช่างประทับใจและผู้เยี่ยมชมยังสามารถร่วมเต้นรำได้ฟรี ๆ อีกด้วย
หากคุณไม่ได้มาช่วงเทศกาลเต้นรำช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน คุณยังไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กุโจฮาจิมังได้ เจ้าหน้าที่จะสอนวิธีการเต้นและเล่าประวัติรวมทั้งประเพณีที่ซ่อนอยู่ในท่าเต้นต่าง ๆ อีกด้วย
บทสรุป
บรรยากาศอันเงียบสงบและย้อนยุค ทำให้กุโจฮาจิมังเป็นสถานที่แห่งความจริงใจและเรียบง่ายมากกว่าเป็นแห่งท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์ เราแนะนำให้คุณมาลองโดยเฉพาะสำหรับท่านที่ชอบเดินเล่นสบาย ๆ
หลังจากเดินเที่ยวรอบ ๆ แล้ว อย่าลืมลองชิมอาหารต้นตำรับของกุโจฮาจิมังระหว่างทาง กุโจฮาจิมังมีบริการอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโซบะ เนื้อฮิดะ และซาชิมิ เราแนะนำให้แวะที่ Soba no Hirasu และเอร็ดอร่อยกับเส้นโซบะสดใหม่พร้อมทิวทัศน์กลางแจ้งสุดแสนงดงาม
เราหวังว่าจะมีคนรู้จักเมืองกุโจฮาจิมังอันเป็นที่รักของพวกเรามากขึ้น
Click here to get the latest information on Central Japan.Centrip Japan - Nagoya and Chubu Information