| Centrip Editorial Board

อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) ขับรถไปยังจุดชมวิวและจุดถ่ายภาพสุดชิค

อิเสะ-ชิมะเป็นพื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากการจัดการประชุม G7 Ise-Shima Summit ในปี 2016 และเป็นอีกหนึ่งในจุดหมายของที่พักแบบรีสอร์ทที่สำคัญของญี่ปุ่นซึ่งขนานไปกับแนวชายฝั่งที่งดงามและโรงแรมหรูมากมาย และก็ยังมีพื้นที่พักอาศัยของชาวญี่ปุ่นจำนวนมากและศาลเจ้าอิเสะจิงกุ (Ise Jingu Shrine) อีกด้วย

บริเวณอิเสะ-ชิมะแบ่งเป็น 3 เมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวแตกต่างกันไป ได้แก่ เมืองอิเสะ (Ise) เมืองโทบะ (Toba) และเมืองชิมะ (Shima) บทความนี้จะแนะนำการเดินทางไปสัมผัสเสน่ห์ของพื้นที่อิเสะ-ชิมะผ่าน 2 เส้นทาง ได้แก่ อิเสะ-ชิมะ สกายไลน์ (Ise-Shima Skyline) ที่เชื่อมระหว่างอิเสะและโทบะและถนนแห่งไข่มุกที่เชื่อมระหว่างโทบะและชิมะ

จุดเริ่มต้นของการเดินทาง: อิเสะจิงกุ (Ise Jingu) และโอคาเกะ โยโคโจ (Okage Yokocho)

อิเสะจิงกุเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งมีประวัติความเป็นมากว่า 2,000 ปี การเดินแสวงบุญไปยังอิเสะมีชื่อ เรียกว่า โออิเสะ-มิอิริ (Oise-Mairi) เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมในยุคเอโดะ (1603-1867) ในเวลานั้น การเดินทางจากเอโดะ (โตเกียว) ไปยังศาลเจ้าอิเสะนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำสักครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลักเดือนสำหรับการเดินทางไปอิเสะพร้อมกับเที่ยวชมบริเวณโดยรอบ

ก่อนที่เราจะเริ่มทริปอิเสะ-ชิมะ เราได้ขอพรที่ศาลเจ้าอิเสะจิงกุเพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยและสนุกสนาน

สะพานอุจิ (Uji Bridge) ของศาลเจ้าอิเสะจิงกุที่อยู่เหนือแม่น้ำอิสุสุ (Isuzu River)
โอโฮราอิมาจิ (Oharaimachi) ด้านหน้าศาลเจ้าอิเสะจิงกุ

อิเสะจิงกุมีศาลเจ้า 2 แห่ง คือ ศาลเจ้าชั้นนอกและศาลเจ้าชั้นใน (จริง ๆ แล้วศาลเจ้าอิเสะจิงกุเป็นชื่อรวมของศาลเจ้าทั้งหมด 125 แห่ง) แต่ถ้าคุณต้องเลือกเพียงศาลเจ้าแห่งเดียว ขอแนะนำศาลเจ้าชั้นในซึ่งเป็นพื้นที่กว้างและมีภูมิทัศน์ที่สวยงามและต้นไม้แต่ละต้นก้มีความงดงามเฉพาะตัว ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกประทับใจถึงความยิ่งใหญ่ของศาลเจ้าแห่งนี้

ถนน 2 เส้น คือโอฮาไรมาจิ (Oharaimachi) และโอกะเกะโยโกโชะ (Okageyokocho) รอบๆ ศาลเจ้าชั้นใน ถนนทั้ง 2 เส้นอยู่หน้าประตูโทริอิ ในบริเวณนี้ คุณจะได้เพลิดเพลินกับการทานอาหารแบบสบาย ๆ และซึมซับบรรยากาศเดียวกันกับนักบุญอิเสะในสมัยเอโดะ

อิเสะ-ชิมะ สกายไลน์ เส้นทางจากอิเสะไปยังโทบะ

หลังจากที่ไปเยี่ยมชมศาลเจ้า เรามุ่งหน้าไปยังทางเข้าอิเสะ-ชิมะ สกายไลน์ ถนนโทลล์เวย์ยาว 16.3 กิโลเมตรเส้นนี้เชื่อมกับอิเสะและโทบะ (ค่าโทลล์เวย์ 1,270 เยน) ทางเข้าอยู่ใกล้ศาลเจ้าอิเสะจิงกุและใช้เวลาน้อยกว่า 5 นาทีในการเดินทางจากที่จอดรถไปยังศาลเจ้าด้านใน

จุดถ่ายภาพยอดนิยมที่เคยเป็นจุดชมวิวในอดีต

เมื่อผ่านบริเวณทางเข้าคุณจะพบกับเส้นขึ้นเนินไปยังจุดชมวิวบนยอดเขาและทางลงไปสู่บริเวณโทบะ บรรยากาศระหว่างทางโดยเฉพาะส่วนที่เป็นทางลงนั้นงดงามเกินจะบรรยาย คุณจะได้เห็นชายฝั่งและเกาะเล็ก ๆ ในทะเล ทุก ๆ มุมมีความงดงามใหม่ ๆ ให้คุณได้ค้นหา

2 สถานที่แนะนำบนอิเสะ-ชิมะ สกายไลน์ ได้แก่ จุดชมวิว อะสะคุมะ (Asakuma Summit) และวัดคงโกโชจิ (Kongoshoji) ก่อนถึงจุดชมวิวอะสะคุมะ

จุดชมวิวอะสะคุมะหรือ Asakuma Summit Observation

ที่นั่งสุดพิเศษที่มาพร้อมวิวสุดตระการตา

จุดชมวิวอะสะคุมะตั้งอยู่ประมาณครึ่งทางระหว่างอิเสะ-ชิมะ รอบ ๆ จุดชมวิวมีเส้นทางเดินเล่นและม้านั่งที่วางไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ให้ความตระการตาของอ่าวอิเสะเป็นจุดถ่ายรูปและจุดยอดนิยม คือ ตู้ไปรษณีย์ย้อนยุคสีแดงและอ่างแช่เท้า

ตู้ไปรษณีย์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
คุณยังแช่เท้าระหว่างชมวิวได้อีกด้วย

วัดคงโกโชจิ (Kongoshoji Temple)

วัดคงโกโชจิตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวอะสะคุมะ (Asakuma Observatory) ซึ่งเป็นวัดเก่าที่สร้างช่วงปลายศตวรรษที่ 6 เพื่อปกป้องศาลเจ้าอิเสะจากเหล่าปีศาจ (โอนิมอน) ในยุคเอโดะ (1603 - 1867) ผู้แสวงบุญมักเดินทางมาวัดแห่งนี้เมื่อแวะมาที่ศาลเจ้าอิเสะจิงกุ

สะพานที่อยู่ในสระน้ำดอกบัว
ประตูทางเข้าอาคารด้านใน

สวนอันสวยงามแห่งนี้มีสระน้ำดอกบัวอยู่เคียงคู่กับสะพานสีแดง เส้นทางไปสู่อาคารด้านในมีเจดีย์ไม้สูง 5-6 เมตรอยู่ทุกด้าน คุณจะตะลึงเมื่อได้เห็นเป็นครั้งแรก

ถนนแห่งไข่มุก จากโทบะสู่ชิมะ

เมื่อออกจากอิเสะ-ชิมะ สกายไลน์แล้วให้มุ่งหน้าไปยังอีกเส้นทางหรือถนนแห่งไข่มุก เส้นทางระหว่างอิเสะ-ชิมะ สกายไลน์และสะพานอาโสะ โนะ อุระที่เป็นจุดเริ่มต้นของถนนแห่งไข่มุกมีระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร

ระหว่างทางมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะและเกาะมิกิโมโต้ซึ่งคุณแวะเที่ยวได้ถ้าคุณสนใจเป็นพิเศษ

แมวน้ำไบคาลของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก
เกาะไข่มุกมิกิโมโต้หรือ Mikimoto Pearl Island

ถนนแห่งไข่มุกมีความยาว 23.8 กิโลเมตรเชื่อมระหว่างโทบะและชิมะซึ่งทอดยาวไปตามชายฝั่งของทะเลริอัส (Rias) อันขรุขระที่ทำให้คนจำนวนมากชื่นชอบการขับผ่านเส้นทางนี้และที่สำคัญ เส้นทางนี้ไม่มีการเก็บค่าผ่านทาง

สะพานโอโสะ โนะ อุระ หรือ Aso-no-Ura Bridge

สะพานโอโสะ โนะ อุระเป็นจุดเริ่มต้นของถนนแห่งไข่มุก

บริเวณจุดเริ่มต้นของถนนแห่งไข่มุกมีสะพานสีขาวงดงามตัดระหว่างท้องฟ้ากับทะเล บนผืนน้ำมีแพสำหรับเลี้ยงหอยนางรมลอยเหนือน้ำ หอยนางรมเป็นอาหารขึ้นชื่อของพื้นที่บริเวณนี้

รอบ ๆ สะพานโอโสะ โนะ อุระมีร้านอาหารที่ขายเมนูหอยนางรมจำนวนมากซึ่งนักท่องเที่ยวมาทานหอยนางรมได้ในราคา 2,000 - 3,000 เยนต่อคนในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวซึ่งเป็นฤดูของหอยนางรมโดยเฉพาะ หอยนางรมอีกชนิดที่อร่อยมีชื่อว่า อิวากากิ (Iwagaki) ซึ่งมีให้ทานกันในช่วงฤดูร้อน

จุดชมวิวโทบะ (Toba Observatory)

จุดชมวิวหลายแห่งบนถนนแห่งไข่มุกแต่จุดชมวิวโทบะมีวิวที่งดงามที่สุด จุดชมวิวแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 163 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

จุดชมวิวโทบะเป็นศาลาเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งมองเห็นอ่าวทั้งหมด

จุดชมวิวโทบะเป็นจุดที่ดีที่สุดในการชมพระอาทิตย์ขึ้นและในวันที่อากาศแจ่มใสยังมองเห็นภูเขาไฟฟูจิซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ด้านหน้าของคุณเป็นความเขียวขจีตัดกับแนวชายฝั่งทะเลอันสลับซับซ้อนที่อยู่ไกลออกไปและเส้นขอบฟ้าที่ทอดยาวออกไปอีก ลมที่พัดมาจากมหาสมุทรก็เย็นสบายสุด ๆ ไปเลย

ร้านอาหารที่จุดชมวิว
ถนนแห่งไข่มุกสุดลูกหูลูกตายาวไปถึงจุดชมวิว

ร้านอาหารที่จุดชมวิวมีเบอร์เกอร์ที่ทำมาจากวัตถุดิบในพื้นที่ให้คุณได้มาลองชิม

จุดชมวิวแสนสนุก สะพานอ่าวอาอิสะ-มาโทยะ (Aisa-Matoya Bay Bridge)

นอกจากนี้ ยังมีจุดชมวิวโอโมชิโระซึ่งเพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่มาพร้อมห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ สองข้างทางขนาบด้วยต้นไม้เขียวขจีทำให้ขับรถได้อย่างสบายใจ แต่เส้นทางนี้มีสัตว์ป่าจำนวนมากจึงควรขับรถด้วยความระมัดระวัง

จุดชมวิวโอโมชิโระ (Omoshiro Obseratory) ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่
ขับรถเพลิน ๆ

ถ้าคุณเดินทางมาที่โทบะ เราแนะนำให้ออกจากถนนแห่งไข่มุกและไปดูเหล่านักดำน้ำ (อาจิสะ (Ajisa) เมืองของอะมะ (Ama))

อะจิกิเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมการดำน้ำแบบอะมะ
นักดำน้ำอะมะกำลังปรุงอาหารต่อหน้าคุณ

เมื่อกลับมาบนถนนแห่งไข่มุกอีกครั้งนึงคุณจะเห็นสะพานสีแดง เมื่อข้ามสะพานไปก็ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของถนนแห่งไข่มุก ก่อนจะถึงสะพานมีจุดชมวิวที่คุณจะแวะถ่ายภาพแนวชายฝั่งและสะพานรถไฟรูปทางโค้งสีแดง

สะพานอ่าวมาโทยะที่สวยเตะตาด้วยสะพานเหล็กสีแดง

จุดชมวิวโยโกยาม่า (Yokoyama Observatory)

หลังจากลงจากถนนแห่งไข่มุก จุดหมายต่อไป คือ จุดชมวิวโยโกยาม่าที่อยู่ห่างออกไป 7-8 กิโลเมตร ถนนเส้นนี้แคบนิดหน่อยโปรดขับรถอย่างระมัดระวังโดยใช้ GPS นำทาง

จุดชมวิวโยโกยาม่ามีทิวทัศน์ที่สวยงามตระการตา

จุดชมวิวโยโกยาม่าเป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวในบริเวณอิเสะ-ชิมะซึ่งมีชื่อว่าได้ 1 ดาวใน Michelin Green Guide Japon จุดชมแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 140 เมตรที่มองเห็นวิวมุมกว้างของอ่าวอะโกที่มีเกาะต่างๆ กว่า 60 เกาะ เป็นภาพที่คุณจะไม่มีวันลืมแน่นอน

ทางลาดไม้ยาวจากที่จอดรถไปยังจุดชมวิวและที่จุดชมวิวมีคาเฟ่ชื่อว่า Mirador Shima ซึ่งขายแซนด์วิช ไอศกรีม และของว่างอื่น ๆ

เรือสำราญเคนชิม่า เอสพาน่า (Kenshima España Cruise)

หลังจากการชมวิวอันตระการตาที่จุดชมวิวโยโกยาม่าแล้ว เดินทางไปยังอ่าวอะโก (Ago Bay) กันเถอะซึ่งคุณมองเห็นได้จากจุดชมวิว

เรือสำราญเอสพารัญซ่า (Esperanza Cruise Boat)

อันดับแรก เราจะข้ามสะพานไปยังเกาะเคนชิม่า (Kenshima)

เกาะเคนชิม่าเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวอะโกและเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในชิมะนับตั้งแต่โรงแรมชิมะเคนโค (Shima Kanko Hotel) ในปี 1951 สำหรับการเดินทางชิล ๆ ในอ่าวอะโกจากเคนชิม่าให้คุณขึ้นเรือสำราญเอสพารัญซ่าซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากเรือแกลเลี่ยนในศตวรรษที่ 16 หรือช่วงเวลาแห่งการสำรวจ การเดินทางไปกลับในอ่าวอะโกใช้เวลาประมาณ 50 นาที (ค่าโดยสารเรือเอสพารัญซ่าอยู่ที่ 1,700 เยนสำหรับผู้ใหญ่ นักเรียนมัธยมต้นและผู้สูงอายุ และ 900 เยนสำหรับเด็ก)

อ่าวอะโกจากเอสพารัญซ่า
การสาธิตขั้นตอนการผลิตไข่มุก

เรือมีสามชั้น ส่วนหนึ่งของพื้นที่บนชั้นสองเป็นที่นั่งแบบสำรองโดยมีค่าโดยสารเพิ่มเติม (ค่าโดยสารเพิ่มเติม 400 เยนต่อคน) เรือแล่นบนน้ำด้วยความสงบจนคุณแทบจะไม่รู้สึกถึงความโคลงเคลงใด ๆ เมื่อขึ้นไปที่ชั้นสามและรับลมทะเล

หมู่บ้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนชิมะ (Shima Mediterranean Sea Village)

ระหว่างที่นั่งอยู่บนเรือสำราญเอสพารัญซ่าคุณจะได้ชมวิวของโรงแรมหรูมากมายเรียงตัวกันสลับกับอาคารรูปลักษณ์เฉพาะตัวรอบ ๆ อ่าวอะโกและอาคารที่สะดุดตาที่สุดตาที่สุด คือ หมู่บ้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนชิมะที่มีหลังคาสีส้มโดดเด่น

สัมผัสหมู่บ้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจำลองที่หมู่บ้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนชิมะ)

หมู่บ้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนชิมะเป็นโรงแรมรีสอร์ทที่สร้างบรรยากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน สีที่ตัดกันระหว่างสีฟ้าของท้องฟ้า สีขาวของกำแพง สีสันสดใสของอิฐและสีครามของอ่าวอะโกช่างงดงามเหลือเกิน ภายในหมู่บ้านนี้มีจุดให้ถ่ายภาพมากมาย

คุณเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่แตกต่างกันไปได้ในแต่ละพื้นที่
วิวอ่าวอะโกจากหมู่บ้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

แม้ว่าสถานที่นี้มีไว้สำหรับแขกค้างคืนแต่ถ้าคุณอยากเข้าชมก็สามาถเข้าได้โดยมีค่าเข้าชมแบบไปเช้าเย็นกลับในราคา 500 เยนสำหรับผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) นอกจากร้านอาหารและคาเฟ่แล้ว ยังมีกิจกรรมอีกมากมาย เช่น การล่องเรือและการทำรถไฟเหาะโดยใช้กระเบื้องโมเสก

เพลิดเพลินกับ VISON จุดเช็คอินยอดฮิตจุดใหม่

จุดสุดท้ายที่เราจะไปคือ VISON ซึ่งเพิ่งเปิดเมื่อกรกฎาคม 2021 ถ้าคุณเดินทางมาจากชิมะและใช้ Ise Expressway จาก Ise IC คุณก็แวะมาที่ VISON ได้โดยใช้ Taki Vison Smart IC (ใช้ได้เพียงเฉพาะรถที่มี ETC)

VISON HOTELS อาคารรูปทรงคล้ายบันได

VISON เป็นอาคารขนาด 54 เฮกเตอร์ที่เปิดเป็นตลาดขายผักและอาหารทะเลในท้องถิ่น ร้านอาหาร โรงแรม และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ โรงแรมแห่งนี้เป็นอาคารรูปบันไดที่โดดเด่นซึ่งปรับมาจากความลาดชันของภูเขา

ภาพของ VISON จากด้านบนของบันไดเลื่อน
แผนกต้อนรับของโรงแรมที่สะท้อนกับผืนน้ำ

VISON มีออนเซ็นชื่อว่า ฮอนโซ ยุ (Honzo Yu) ซึ่งมีการใช้สมุนไพรให้บริการแขกของโรงแรม การเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้จะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการขับรถไปในเส้นทางอิเสะ-ชิมะ

บทสรุป

ทริปนี้ครอบคลุมจุดชมวิวที่สวยงาม 3 แห่งและจุดถ่ายภาพหลายแห่งในพื้นที่อิเสะ-ชิมะเมื่อใช้เส้นทางอิเสะ-ชิมะ สกายไลน์และถนนแห่งไข่มุก คุณเดินทางผ่านทั้งเส้นทางได้ในวันเดียวแต่ระหว่างทางก็ยังมีมีสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักที่น่าสนใจอีกมากมายในพื้นที่อิเสะ-ชิมะซึ่งหากคุณมีเวลาว่างสักสองสามวัน เราแนะนำให้คุณเยี่ยมเดินทางมาอิเสะ-ชิมะเพื่อสัมผัสประสบการณ์วันหยุดที่ยอดเยี่ยมในญี่ปุ่น

Related Articles Related Articles