| Willow Lu
ตามรอยเส้นทางนากะเซ็นโด (中山道) (มาโงเมะ–สึมาโงะ)
เส้นทางที่เราใช้:
- Magome-juku มาโงเมะ (เมืองนากะสึงาวะ จังหวัดกิฟุ) → สึมาโงะ (เมืองนากิโซ จังหวัดนางาโนะ)
“นากะเซ็นโด”เป็นชื่อเส้นทางเดินที่เชื่อมระหว่างเอโดะ (ชื่อเรียกโตเกียวในสมัยก่อน)กับสะพานซันโจโอฮาชิในเกียวโต เนื่องจากสถานที่ต้นทาง (มาโงเมะ) และปลายทาง (สึมาโงะ) ได้รับการรักษาให้อยู่ในสภาพเหมือนที่เป็นในช่วงสมัยเอโดะ เส้นทางนี้จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา และนับวันยิ่งมีผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น
จากมาโงเมะไปสึมาโงะใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมง ตลอดทางมีทิวทัศน์ที่งดงามและอากาศสดชื่นให้คลายความเหนื่อยไปได้บ้าง
ในอดีตเส้นทางที่เชื่อมระหว่างเอโดะกับเมืองอื่นมีอยู่ 5 เส้นทาง คือ โทไกโด นิกโกไกโด โอชูไกโด โคชูไกโด และนากะเซ็นโด นากะเซ็นโดมีระยะทางยาว 540 กิโลเมตรโดยมีเมืองเป็นจุดพักผ่อนตามเส้นทาง 69 จุด และเชื่อมต่อกับสายโทไกโดที่คุซะสึ (จุดพักที่ 52 จากทั้งหมด 53 จุดตามเส้นทางโทไกโด) เอกสารจากสมัยก่อนหลายฉบับบ่งชี้ว่าบุคคลผู้มีชื่อเสียงที่มีผลต่อประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นหลายคนเคยเดินบนเส้นทางนี้ ยกตัวอย่างเช่น มินาโมโตะ โนะ โยชินากะ (ผู้เข้าร่วมสงครามเก็นเปโดยการสร้างทัพของตัวเองและเข้าบุกโจมตีเมืองเอชิโกะ) โทะกุกาวะ ฮิเดทะดะ (โชกุนคนแรกแห่งรัฐบาลโชกุนโทะกุกาวะ) และ คนโด อิซะมิ (ผู้ควบคุมกลุ่มตำรวจพิเศษชินเซ็นกุมิในช่วงการปกครองของรัฐบาลโชกุนโทะกุกาวะ) เป็นต้น
ผู้เดินทางจากมาโงเมะไปสึมาโงะจะต้องเดินข้ามผ่านเนินย่อมๆ และขากลับต้องเดินผ่านทางลาดที่ค่อนข้างยาว ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกไปทางไหนระยะเวลาก็ยังคงเท่าเดิม การเดินตามเส้นทางนากะเซ็นโดจึงเหมือนกับการเดินออกกำลังกายนั่นเอง
การเดินทางไปมาโงเมะ:
1. ลงจากรถไฟที่สถานีเจอาร์นะกะสึงาวะ (中津川駅 Nakatsugawa JR station) และนั่งบัสไป 25 นาทีเพื่อไปมาโกเมะ
2. ขึ้นบัส (สายที่ไปอีดะ อินะ มิโนะวะ) ที่สถานีรถบัสเมเทะสึ (นาโกยะ) และลงที่ป้ายจูโอโดมาโงเมะ (中央道馬籠Chuōdō-magome)
-
ในครั้งนี้ดิฉันเลือกใช้วิธีเดินทางที่ 2 ตามที่กล่าวไว้ข้างบนไปมาโงเมะ เมื่อลงจากบัสแล้วคุณจะเห็นแผนที่บอกทางแบบนี้ได้โดยง่าย พอเดินตามเส้นทางนากะเซ็นโดเก่าแล้วก็จะมาถึงมาโงเมะ
-
8:43 น.
คนเมืองที่อาศัยอยู่กับบรรยากาศความวุ่นวายและทิวทัศน์ที่มีแต่ตึกมานานน่าจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่นี่ อากาศที่นี่สะอาดบริสุทธิ์จนอดไม่ได้ที่จะสูดเข้าเต็มปอด
ตลอดทางที่เดินจากป้ายรถจะเห็นธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แบบชนบทของญี่ปุ่น การเดินชมธรรมชาติที่นี่จึงอาจไม่ใช่แค่ทำให้หายเหนื่อยกาย แต่ยังทำให้หายเหนื่อยใจด้วย -
9:03 น.
พอเดินมาจนถึงถนนหินนั่นแปลว่าคุณมาถึงมาโงเมะแล้ว ถัดจากกังหันน้ำประจำทิศใต้คุณจะเห็นสิ่งก่อสร้างลักษณะคล้ายกำแพงที่มีหลังคาผสมกับป้อมปราการ ชาวญี่ปุ่นเรียกสิ่งก่อสร้างลักษณะนี้ว่า “มาสึงาตะ” มาสึงาตะมักถูกสร้างเพื่อป้องกันอาคารหลักภายในซึ่งมักจะเป็นปราสาท จึงมักจะสามารถเห็นได้ตามปราสาทแบบญี่ปุ่นหลายแห่ง เนื่องจากทัพศัตรูต้องเดินเข้าเขตปราสาทและเดินอ้อมเพื่อจะออกจากเขตปราสาท กำลังในการจู่โจมจึงลดลง
-
9:20 น.
มาโงเมะเป็นจุดพักลำดับที่ 43 ของเส้นทางนากะเซ็นโด ศิลปินภาพอุกิโยะ (ภาพพิมพ์แกะไม้แบบญี่ปุ่นที่เป็นภาพภูมิทัศน์, เรื่องราวจากประวัติศาสตร์, ภาพจากบทละคร และ แหล่งของความสำราญ) ทั้งอุตะงะวะ ฮิโระชิเงะ (歌川 広重) และเคไซ เอะเซ็น (渓斎 英泉) เคยวาดภาพทิวทัศน์นักเดินทางเดิญสัญจรไปมาผ่านเมืองแห่งนี้ นอกจากนี้ นักเขียนชื่อดังโทซน ชิมะซากิ (島崎 藤村) ผู้โด่งดังจากการเขียนหนังสือนิยายเชิงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น “โยอะเคะมาเอะ” (夜明け前 ก่อนฟ้าสาง) ก็เกิดที่นี่ เรื่องราวจาก “โยอะเคะมาเอะ” ก็เกิดขึ้นที่นี่เช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีอนุสรณ์ฟุจิมุระสร้างอุทิศแก่เขาที่นี่
-
9:40 น.
ช่างเป็นที่ทำการไปรษณีย์ที่ดูดีจริงๆ เห็นแล้วคงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปส่งไปรษณียบัตรกลับไปให้เพื่อนๆเลยทีเดียว นอกจากที่ทำการไปรษณีย์แล้ว ที่นี่ยังมีอะไรให้ดูและลองทำเป็นที่ระลึกอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น การแต่งตัวเป็นนักเดินทางสมัยเอโดะตามจุดพักผ่อนต่างๆ
-
10:17 น.
หลังได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศแบบสมัยเอโดะที่มาโงเมะแล้ว เมื่อเดินไปจนสุดถนนจะเจอจุดชมวิว ซึ่งเหมาะที่สุดกับการชมภูเขาเอนะ (恵那山) หนึ่งในร้อยภูเขาที่เป็นรู้จักที่สุดของญี่ปุ่น
-
10:36 น.
จากจุดนี้ต้องเดินข้ามผ่านเนินเขาเพื่อไปสึมาโงะ เนื่องจากเส้นทางนี้อยู่ในเขตที่อยู่อาศัยของหมีป่า จึงมีกระดิ่งวางไว้ตลอดทาง แต่ไม่ต้องกลัว เพราะเพียงแค่สั่นกระดิ่งพวกมันก็จะเดินหนีไป
ถนนที่นี่ก็ดูน่าสนใจพอกับของที่คุมาโมะโตะอยู่ ว่าไหมคะ -
11:02 น.
มาถึงยอดเนินแล้ว!
จุดนี้เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างกิฟุและนางาโนะ ณ ปัจจุบัน ถ้าเดินข้ามไปก็จะเข้าสู่เขตจังหวัดนางาโนะ แต่สำหรับนักเดินทางสมัยเอโดะความรู้สึกของพวกเขาอาจเหมือนเวลาเราเดินข้ามเขตแดนไปอีกประเทศมากกว่า -
11:25 น.
เดินต่อจากยอดเนินมาอีกหน่อยที่เจอห้องน้ำชา ผู้มาเยือนสามารถดื่มชาอุ่นๆโดยไม่เสียเงินระหว่างพูดคุยกับผู้จัดการและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ถ้าอยากลองเขียนบทความนำเที่ยว คุณสามารถเขียนลงในหนังสือนำเที่ยวที่รวมข้อความในหลากหลายภาษาที่ตั้งไว้ในห้องน้ำชา อย่างไรก็ตาม ภาษาสื่อกลางของที่นี่คือภาษาอังกฤษ
-
12:15 น.
น้ำตกสองแห่งนี้ชื่อ โอะดากิ (男滝 น้ำตกผู้ชาย) และ เมะดากิ (女滝 น้ำตกผู้หญิง) มีตำนานเล่าขานว่ายอดนักดาบมิยาโมโตะ มุซาชิเคยฝึกวิชาที่นี่
รับรองว่าเมื่อได้ลองมาแล้วคุณจะติดใจกับทิวทัศน์จนอยากอยู่ที่จุดนี้นานๆจนแทบไม่อยากกลับแน่นอน -
15:02 น.
เดินต่อมาจนถึงสึมาโงะ หรือจุดพักที่ 42 นักท่องเที่ยวยังสามารถชมหลายสิ่งอย่างจากสมัยเอโดะได้ที่นี่ นี่อาจเป็นเหตุว่าทำไมที่นี่ได้รับเลือกเป็นหนึ่งใน “กลุ่มสถาปัตยกรรมดั้งเดิมประจำชาติ” ของญี่ปุ่น
-
15:30 น.
อาคารที่แห่งนี้ชื่อว่า วากิ-ฮงจิน (โอะคุยะ) (脇本陣奥谷) อาคารนี้ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ตัวอาคารนี้สร้างมาจากต้นฮิโนกิ (ต้นไม้ที่พบได้แค่ที่ญี่ปุ่น) จำนวนมาก ณ ปัจจุบัน อาคารนี้ถูกปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมวิถีชีวิตผู้คนในสมัยเอโดะ
ในส่วนของตั๋วเข้าชม เพียงซื้อตั๋วราคา 700 เยนใบเดียว ก็จะสามารถเข้าชมได้ทั้ง วากิ-ฮงจิน (โอะคุยะ) และสึมาโงะจูกุ-ฮงจิน -
15:50 น.
มีขนมสมัยเอโดะให้ลองชิมมากมายที่สึมาโงะ นอกจากนี้หากคุณอยากลองพักผ่อนตามสไตล์คนเอโดะที่นี่เป็นที่ๆเหมาะมาก
-
16:00 น. สิ้นสุดการเดินทาง!
ถ้าต้องการหลักฐานกลับไปอวดที่บ้านว่าได้พิชิตเส้นทางนี้แล้วจริงๆ สามารถหาซื้อใบรับรองได้ที่นี่เหมือนนักเดินทางตอนสมัยเอโดะ สิ่งที่ทำให้ใบรับรองนี้มีความพิเศษคือทำมาจากต้นฮิโนกิ
การเดินทางกลับสถานี:
กลับสถานีเจอาร์นากิโสะ (南木曽駅 Nagiso JR Station) โดยบัส (ใช้เวลา 10 นาที) หรือเดินกลับ (ใช้เวลา 40 นาที)