| Centrip Editorial Board

เดินทางไปชมดวงดาวเต็มท้องฟ้าที่หมู่บ้านอาชิ และท่องเที่ยวไปรอบๆ นากะเซ็นโด-สึมาโกะจุกุ และเส้นทางเดินป่าที่ราบสูงฟูจิมิได

หมู่บ้านอาชิในจังหวัดนากาโนะได้รับความนิยมจากทิวทัศน์อันน่าประทับใจ 「ทัวร์สรวงสวรรค์แห่งท้องฟ้ายามค่ำคืน」ที่ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินไปกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ในบทความนี้เราได้เข้าพักที่ฮิรุกามิออนเซ็นในหมู่บ้านอาชิ ในวันแรกเราจะไปเที่ยวชมที่สึมาโกะจุกุ เมืองที่เป็นจุดพักระหว่างทางบนเส้นทางนากะเซ็นโดะที่มีทิวทัศน์เมืองของเมืองแบบดั้งเดิมที่น่าดึงดูด และในวันที่สอง เราขอแนะนำตัวอย่างของแผนการเดินทางสำหรับการเดินป่า ณ「ที่ราบสูงฟูจิมิได」 ซึ่งแม้แต่ผู้เริ่มต้นก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินป่าและชมทิวทัศน์ได้อย่างง่ายดาย

เมืองที่พักระหว่างทางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ด้วยกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดที่สุด: นากะเซ็นโด-สึมาโกะจุกุ

หากคุณสนใจประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคิโซจิบนเส้นทางนากะเซ็นโดะ ซึ่งเป็นเส้นทางบนภูเขาที่มีชื่อเสียงในฐานะ 「เส้นทางของซามูไร」นากะเซ็นโดะเป็นถนนสายหลักในสมัยเอโดะที่เชื่อมระหว่างเอโดะ (โตเกียว) และเกียวโต และส่วนหนึ่งของเส้นทางนี้คือคิโซจิ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาและมีความสูงชันเป็นพิเศษ

ทิวทัศน์ของเมืองสึมาโกะจูกุทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยเอโดะ

สึมาโกะจุกุที่เราไปเยือนในครั้งนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่พักระหว่างทางบนเส้นทางคิโซจิ และตั้งอยู่ในนากิโซะโจซึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้านอาชิ สึมาโกะจุกุมีการรณรงค์เคลื่อนไหวเพื่ออนุรักษ์ทิวทัศน์เมืองของเก่าที่คงเหลือตั้งแต่เนิ่นๆ ผลจากการดูแลตนเองอย่างเข้มงวดของผู้อยู่อาศัยทำให้ทิวทัศน์เมืองที่สวยงามที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะยังคงหลงเหลืออยู่เป็นบริเวณกว้าง

เมื่อออกจากลานจอดรถจะมองเห็นทิวทัศน์ทุ่งนาอันเงียบสงบทอดยาวสุดสายตา
ในขณะที่คุณเดินผ่านทางแคบๆ...

เมื่อคุณออกจากลานจอดรถคุณจะได้เห็นทุ่งนาสุดสายตาทันที และจากนั้นจะเห็นหลังคาของบ้านเรือนและภูเขาที่อยู่ไกลออกไป สึมาโงะจุกุเป็นพื้นที่ที่มีบรรยากาศพิเศษ เพียงแค่เดินเล่นไปรอบคุณจะรู้สึกเหมือนได้เดินทางย้อนเวลากลับไปยังยุคเอโดะของญี่ปุ่น มาเที่ยวชมไปรอบๆ แบบสบาย ๆ 2 ถึง 3 ชั่วโมงกันเถอะ

วิวทิวทัศน์นี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้ด้วยความพยายามของคนในพื้นที่
บ้านพักของครอบครัวคุมะไกที่ทำให้คุณสัมผัสได้ถึงชีวิตในสมัยเอโดะ)

บริเวณเรียบถนน มีโกเฮโมจิของขึ้นชื่อของถิ่น ขนมวากาชิเกาลัด และของที่ระลึกสินค้าพื้นเมืองต่างๆ จำหน่ายอยู่ ที่นี้มีร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ในอาคารที่มีเสน่ห์แปลกตา คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารท้องถิ่นและโซบะได้

หากคุณทำการจองล่วงหน้า คุณยังสามารถให้ไกด์ท้องถิ่นของสึมาโกะจูกุมานำทางให้คุณได้ ภายในเวลาประมาณ 1 ถึง 2 พวกเขาจะให้คำอธิบายที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับไฮไลท์ภายในเมืองที่พักระหว่างทาง ดังนั้นน่าจะเป็นการดีที่จะลองติดต่อสอบถามกับ「สมาคมมัคคุเทศก์สึมาโกะจูกุ」ดู (ตามหลักเกณฑ์ทั่วไปแล้วพวกเขาจะสื่อสารได้เฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น )

ไกด์ที่จะพาคุณไปรอบๆ สึมาโกะจูกุ
ภูเขาสีเขียวขจีที่อยู่รอบเมืองที่พักระหว่าทางสวยงามมาก

เพื่อที่จะเข้าใจเกี่ยวกับสึมาโกะจูกุ สถานที่ที่ต้องไปแวะไปเยี่ยมชม คือวาคิฮนจินโอคุยะ วาคิฮนจินโอคุยะถูกสร้างขึ้นในปี 1877 และปัจจุบันถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ โครงสร้างไม้ที่หรูหราและสง่างามสร้างมาจากไม้สนฮิโนกิ ซึ่งถือเป็นของต้องห้ามจนถึงสมัยเอโดะ

ทางเช้าวาคิฮนจินโอคุยะ

วาคิฮนจินโอคุยะเป็นที่พักแรมอันทรงเกียรติซึ่งเป็นตัวแทนของสึมาโกะจูกุ ในปี 1880 ที่นี้ถูกใช้เป็นสถานที่พักของจักรพรรดิเมจิในระหว่างการเสด็จประพาส ที่บริเวณด้านหน้าของโอคุยะมีอนุสาวรีย์หินที่รำลึกถึงประวัติศาสตร์ในครั้งนั้นตั้งตระหง่านอยู่อย่างภาคภูมิใจ

เตาอิโรริที่มีชื่อเสียงในฐานะจุดถ่ายรูปในโอคุยะ

เมื่อคุณเข้าไปในอาคารและขึ้นไปบนโดมะหรือพื้นที่ส่วนที่เป็นดินอัดแข็งภายในบ้าน คุณจะได้เห็นเตาอิโรริที่ยังคงห้อยอยู่เหมือนกับในยุคสมัยก่อน ว่ากันว่าในอดีตที่นั่งรอบเตาสำหรับแต่ละคนจะถูกกำหนดตำแหน่งไว้แล้ว ได้แก่ เจ้าของบ้าน, ลูกชายคนโต, แขก, ลูกๆ ที่ไม่ใช่ลูกชายคนโต และผู้หญิง ในฤดูหนาวแสงอันน่าอัศจรรย์ส่องผ่านหน้าต่างด้านหน้าเตาอิโรริ

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
บันทึกการเสด็จประพาสเยือนของจักรพรรดิเมจิยังคงอยู่

วาคิฮนจินโอคุยะร่วมกับ「พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์」ที่อยู่ติดกัน และ「ฮนจิน」ซึ่งตั้งอยู่เกือบฝั่งตรงข้าม (ตัวอาคารที่ได้รับการบูรณะในปี 1995) รวมกันก่อตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองนากิโซะ อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ทั้งสามแห่ง (ตั๋วสำหรับพิพิธภัณฑ์ทั้งสามแห่ง ตั๋วผู้ใหญ่ราคา 700 เยน)

ฮนจินเพียงหนึ่งเดียวของสึมาโกะจุกุ
โรงแรมยอดนิยมภายในสึมาโกะจุกุคือเรียวกัง ฟูจิโอโตะ (*ฟูจิโอโตะ) ซึ่งมีให้บริการสำหรับมื้อกลางวันด้วย

การเดินทางจากนาโกย่าไปยังสึมาโกะจูกุ

หากคุณเดินทางจากนาโกย่าไปยังสึมาโกะจูกุโดยรถยนต์ จะใช้เวลาประมาณ 60 นาที จากนาโกย่าไปยังนาคัตสึกาวะ IC บนทางด่วนชูโอ จากนั้นใช้เวลาอีก 30 นาทีจากนาคัตสึกาวะ IC ไปยังสึมาโกะจูกุ หรือถเหากคุณใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ให้ลงที่สถานี JR Nagiso แล้วต่อรถบัสหรือแท็กซี่จะใช้เวลาประมาณ 10 นาที

การแวะเยี่ยมชมมาโกเมะจูกุ(ดูบทความที่เกี่ยวข้องที่นี่)ซึ่งเป็นเมืองที่พักระหว่างทางที่เป็นถือว่าตัวแทนของคิโซจิ ร่วมกับสึมาโกจูกุ เราขอแนะนำให้คุณลองเดินป่าจากมาโกเมะจูกุไปยังสึมาโกะจูกุ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตรและใช้เวลาในการเดินประมาณ 3 ชั่วโมง ไปตามเส้นทางภูเขานากะเซ็นโดะเก่า(ดูบทความที่เกี่ยวข้องที่นี่)。

ทัวร์ฮิรุกามิออนเซ็น & สรวงสวรรค์แห่งท้องฟ้ายามค่ำคืน

หลังจากออกจากสึมาโกะจูกุแล้ว ให้คุณมุ่งหน้าไปยังฮิรุกามิออนเซ็น จากสึมาโกะจูกุไปยังฮิรุกามิออนเซ็น ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 256 และจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 40 นาที สำหรับรถบัสท่องเที่ยวปกติจะให้บริการในช่วงฤดูท่องเที่ยว

โปรดดูที่บทความนี้สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเพลิดเพลินกับฮิรุกามิออนเซ็นและ「ทัวร์สรวงสวรรค์แห่งท้องฟ้ายามค่ำคืน「(*ลิงก์ไปยังบทความของปีที่แล้ว)

เพลิดเพลินไปกับการเดินป่าชมวิวที่สวยงาม ณ ที่ราบสูงฟูจิมิได

วันถัดมาภายหลังจากสัมผัสประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่สึมาโกะจูกุแล้ว มาลองเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นให้เต็มที่ดูไหม?

บริเวณตลาดเช้าเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่สวมใส่ชุดยูกาตะ
มีสินค้าหลากหลายจัดจำหน่าย ทั้งขนมหวาน ผัก และงานฝีมือ

หลังจากเดินเล่นรอบๆ ตลาดเช้าของฮิรุกามิออนเซ็นซึ่งคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวในชุดยูกาตะแล้ว ให้มุ่งหน้าไปยังเฮฟเว่นโซโนะฮาระในช่วงตอนกลางวันซึ่งมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างไปจากในตอนกลางคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวอย่างสิ้นเชิง

ตั๋วชุดสำหรับกระเช้าลอยฟ้าและลิฟต์ (ผู้ใหญ่ 3,500 เยน)
คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาโดยรอบได้จากกระเช้าลอยฟ้า

จุดหมายปลายทางของการเดินทางคือที่ราบสูงฟูจิมิไดซึ่งมีความสูง 1,739 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่นี่มีเส้นทางปีนเขาหลายเส้นทางไปยังที่ราบสูงฟูจิมิได แต่การใช้กระเช้าลอยฟ้าและลิฟต์ ทำให้แม้แต่ผู้เริ่มต้นเดินป่าและเด็กเล็กก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินป่าได้อย่างง่ายดาย

ถ้าอย่างนั้นเรามาเดินทางออกกันดูเถอะ!

เมื่อคุณลงจากกระเช้าแล้ว อันดับแรกคุณจะเห็นสถานีสำหรับขึ้นลิฟต์
ที่บริเวณจุดผลัดเปลี่ยนลิฟต์มีการดอกไม้หลากสีสันปลูกไว้

ขั้นแรกนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปประมาณ 15 นาที จากความสูง 800 ม. จะขึ้นไปถึงที่ระดับความสูง 1,400 ม. เหนือระดับน้ำทะเล จากนั้นให้เปลี่ยนไปขึ้นลิฟต์ตัวที่ 2 จะขึ้นไปที่ระดับความสูงประมาณ 1,600 ม. เหนือระดับน้ำทะเล หลังจากลงลิฟต์ตัวที่ 2 แล้ว ให้ขึ้นรถบัสไฮแลนด์ไปยังบังกะคุโซะ (กระท่อมบนภูเขา)

หลังจากลงลิฟต์จะพบกับป้ายรถเมล์ทันที
มีตารางเวลาติดไว้ที่ป้ายรถเมล์

ขอเรียนให้ทราบว่าค่าโดยสารรถบัสไฮแลนด์ไม่ได้รวมอยู่ในตั๋วชุดสำหรับกระเช้า/ลิฟต์ ดังนั้นคุณต้องซื้อด้วยเงินสดจากตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ (ราคาสำหรับตั๋วไปกลับ 800 เยน) และตารางเวลาเดินทางล่าสุดจะติดไว้ที่ป้ายรถเมล์ ดังนั้นโปรดตรวจสอบเวลาสำหรับขากลับด้วย

ช่วงครึ่งแรกของเส้นทางเป็นทางเดินที่ได้รับการดูแลอย่างดี
ไม่ว่าจะหันไปตรงไหนก็กลายเป็นภาพวาดได้หมด

หลังจากชมวิวจากหน้าต่างรถบัสไปได้ประมาณ 20 นาที คุณจะมาถึงป้ายรถเมล์หน้าบังกะคุโซะ จากตรงนี้ไป มาเพลิดเพลินไปกับการเดินป่าที่มีระยะทางประมาณ 1.1 กม. ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 30 ถึง 40 นาทีในการไปถึงยอดเขา ความแตกต่างระหว่างสีเขียวขจีที่ปกคลุมไหล่เขาและท้องฟ้าสีครามนั้นไม่ว่าคุณมองจากมุมไหนดูดีขึ้นกล้องไปหมด!

บางจุดมีแม้จะมีความลาดชันเล็กน้อย แต่ความมั่นคงของการเดินเท้าก็ไม่แย่นัก
กระท่อมพักพิงระหว่างทางมีห้องน้ำให้บริการด้วย

ครึ่งแรกของเส้นทางเป็นเส้นทางเดินที่ได้รับการดูแลอย่างดี และเส้นทางครึ่งหลังอยู่บนถนนลูกรัง แต่ทางเดินเท้าไม่ได้แย่ขนาดนั้น ดังนั้นแม้ว่าคุณจะไม่ได้สวมรองเท้าสำหรับปีนเขา คุณก็สามารถปีนเขาได้อย่างง่ายดาย ขอเพียงคุณมีรองเท้าสำหรับใส่เดินที่เดินได้สะดวก

การที่ได้มุ่งหน้าขึ้นไปยังท้องฟ้าสีครามทำให้รู้สึกดี

ใต้ท้องฟ้าสีครามที่น่ารื่นรมย์ คุณสามารถชื่นชมทิวทัศน์สองข้างทางของแนวสันเขา และเพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพได้ตามที่ต้องการ ในชั่วพริบตายอดเขาก็ใกล้เข้ามาแล้ว

ทางด้านขวาจากจุดเริ่มต้นจะเห็นบังกะคุโซะดูเล็กนิดเดียว
ทางด้านซ้ายมือคุณสามารถเห็นเมืองที่ใต้เมฆได้

ก่อนถึงยอดที่ราบสูงฟูจิมิไดคุณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่แสนงดงามนี้ได้! ทางเดินทอดยาวบนพรมสีเขียวตรงขึ้นไปด้านบนนั้นดูราวกับฉากหนึ่งจากภาพยนตร์ (น่าเสียดายที่ในวันที่เราไปสำรวจเพื่อเขียนบทความปรากฏว่ามีเมฆลอยขึ้นใกล้ด้านบน แต่ก็ยังเป็นทิวทัศน์ที่น่าประทับใจ )

ใกล้ถึงยอดเขาแล้วอีกนิดเดียว!

ที่พื้นที่เปิดโล่งอยู่ที่ด้านบน ซึ่งมีบางคนกำลังรับประทานอาหารจากข้าวกล่องอยู่ หากอากาศดีจะสามารถชมวิวบนยอดเขาได้แบบพาโนรามา 360 องศา และสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของภูเขาที่เป็นตัวแทนของญี่ปุ่น เช่น ภูเขาอิบุกิ, ภูเขาออนตาเกะ, เทือกเขาแอลป์ตอนใต้ และภูเขายัตสึงาตาเกะได้อีกด้วย

ยอดเขาสูง 1,739 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของภูเขาที่เป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่น (มันควรจะเป็นแบบนั้น)

หลังจากพักที่บนยอดเขาแล้ว ให้เดินตามเส้นทางเดิมกลับลงมายังบังกะคุโซะ นี้การเดินป่าแบบไปกลับที่ใช้เวลาประมาณ 90 ถึง 120 นาที รวมเวลาพักด้วย

ระเบียงชั้น 2 ของบังกะคุโซะ
ในวันที่อากาศร้อนเครื่องดื่มเย็นๆ และแตงโมเป็นสิ่งที่ไม่อาจต้านทานได้!

ที่ระเบียงชั้น 2 ของบังกะคุโซะนั้นเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน และในฤดูร้อนจะมีน้ำอัดลมและเบียร์ รวมถึงผักแช่เย็นและแตงโมขายอีกด้วย รถบัสไฮแลนด์จะจอดอยู่ใกล้ๆ ที่ด้านล่าง ดังนั้นฉันจึงพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงเวลาขึ้นรถบัส

ร้านอาหารเซ็นเตอร์เฮาส์
หลังจากเสียเหงื่อจากการเดินป่าก็มารับประทานอาหารกลางวันอย่างดี

สำหรับมื้อกลางวันหลังจากการเดินป่า เราขอแนะนำร้านอาหารเซ็นเตอร์เฮาส์ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณจุดเปลี่ยนลิฟต์ ที่นี่มีเมนูที่หลากหลาย รวมถึงเมนูข้าว เช่น แกงกะหรี่และคัตสึด้ง และเมนูเส้น เช่น โซบะและราเมน นอกจากนี้ขนมหวานอย่างไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟก็เป็นที่นิยมเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีที่นั่งที่บริเวณระเบียงกลางแจ้ง ดังนั้นโปรดแวะมาผ่อนคลายและคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินป่าไปพร้อมกับเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ด้านนอก

บทสรุป

การเดินผ่านเมืองที่พักระหว่างทางที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยเอโดะ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น การเข้าพักในโรงแรมที่มีออนเซ็น และการเดินป่าท่ามกลางธรรมชาติ ลองแวะมาเที่ยวที่หมู่บ้านอาชิซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นกันเถอะ

Related Articles Related Articles