| Hannah Tsai
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะ: หมู่บ้านสไตล์กัสโชกับตัวเลือกท่องเที่ยวมากมาย
หมู่บ้านสไตล์กัสโชสุดน่ารักและแฟนตาซีราวกับอยู่ในนิยายแห่งนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่น เมืองนึกถึงหมู่บ้านกัสโชในญี่ปุ่น คนส่วนมากมักรู้จักเพียงแค่ชิรากาวะโกะแต่มีคนจำนวนไม่มากนักที่จะรู้จักพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะในทาคายามะ ซึ่งมีอาคารทางวัฒนธรรมที่สำคัญมากมายให้เข้าชม และการเดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์ก็ง่ายดายเพียงนั่งรถบัสไป 10 นาทีจากสถานีทาคายามะ หมู่บ้านสไตล์กัสโชที่คนรู้จักน้อยแห่งนี้เป็นที่รู้จักเพียงแค่ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
Table of Contents
- หมู่บ้านสไตล์กัสโช หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะที่เก็บกู้จากหมู่บ้านที่โดนทำลาย
- อะไรคือความแตกต่างระหว่างหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะและชิรากาวะโกะ
- จุดที่ต้องไปเยือนในหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะ
- เมื่อก้าวเข้าไปสู่บ้านสไตล์กัสโชและค้นหาความหลักแหลมจากอดีต
- ลองมาใช้ชีวิตในหมู่บ้าน
- คุณอาจพลาดเพียงการกระพริบตาครั้งเดียว ศิลปะล่องหนในงานประดิษฐ์โบราณ
- หมู่บ้านแห่งความสวยงามของฤดูกาล
- ออกแบบมาเพื่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
- บทสรุป
หมู่บ้านสไตล์กัสโช หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะที่เก็บกู้จากหมู่บ้านที่โดนทำลาย
หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งมีบ้านสไตล์กัสโชกว่า 30 หลัง มีทั้งอาคารเล็กและใหญ่ที่สร้างในบริเวณฮิดะ การเดินเล่นในหมู่บ้านเป็นเหมือนการเดินข้ามเวลากลับไปเมือง 60 - 70 ปีก่อน ช่างฝีมือมากมายอยู่ในหมู่บ้านเพื่อแสดงการสานรองเท้า การแกะสลักไม้ และกิจกรรมประจำฤดูต่าง ๆ เช่น กังหันน้ำสำหรับการป้องกันไฟไหม้ การทำฟาร์ม เป็นต้น และ ณ ที่แห่งนี้ ก็เหมือนเวลาถูกแช่แข็งไว้ในอดีต ซึ่งเป็นความเฉพาะตัวที่เกิดขึ้นต่อหน้าคุณเลยล่ะ
* ฮิดะ: แอ่งน้ำที่ล้อมด้วยภูเขาทางด้านเหนือของจังหวัดกิฟุ ไม่ว่าจะเป็นเมืองทาคายามะ เมืองเกโระ เมืองชิรากาวะ
หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะเป็นหมู่บ้านที่มีประวัติศาสตร์มากว่า 50 ปี และเป็นเหตุผลการก่อตั้งก็ช่างน่าสนใจ ประมาณ 60 - 70 ปีก่อน การเติบโตของเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลได้สร้างอาคารจำนวนมากสำหรับการผลิตไฟฟ้า และหมู่บ้านในฮิดะนั้นแอบซ่อนออกไปจากครอบนำเหล่านั้น เพื่อรักษาวัฒนธรรมของหมู่บ้านเอาไว้ พวกเขาเก็บกู้ชิ้นส่วนบ้านโบราณกว่า 8,000 ชิ้นเพื่อมาสร้างหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะ
อะไรคือความแตกต่างระหว่างหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะและชิรากาวะโกะ
คุณอาจกำลังคิดว่า อะไรคือความแตกต่างระหว่างชิรากาวะโกะและหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะ
เมืองชิรากาวะมีบ้านสไตล์กัสโชจำนวนหลายหลังและผู้คนยังอาศัยอยู่ในบ้านเหล่านี้
แม้ว่าที่หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะจะมีอาคารสไตล์กัสโชเพียง 30 หลัง แต่ก็มีคุณค่าทางวัฒนธรรมกว่าอาคารในชิรากาวะโกะเสียอีก ที่แห่งนี้ไม่มีผู้อาศัย ทำให้คุณเข้าบ้านแต่ละหลังได้ตามต้องการ เมืองเปรียบเทียบกับบ้านในชิรากาวะโกะ อาคารในหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะมีความหลากหลายมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการนำวาชิ (กระดาษญี่ปุ่น) มาสร้างกระท่อมและที่เก็บพืชผล
สำหรับการท่องเที่ยว ชิราคาวะโกะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟและสิ่งอำนวยความสะดวกการค้าอื่น ๆ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากจนคุณแทบจะถ่ายรูปโดยไม่ติดคนอื่นแทบจะไม่ได้เลย หากคุณต้องการภาพถ่ายที่ไม่ถูกรบกวนของหมู่บ้านสไตล์กัสโชแบบคลาสสิกคุณมีทางเลือกมากกว่าการไปเที่ยวชิราคาวะโกะ
ฮิดะ โนะ ซาโตะมีความสดใสน้อยกว่าและมีผู้เยี่ยมชมน้อยกว่า คุณจึงสามารถใช้เวลาและเก็บภาพได้มากเท่าที่ต้องการโดยไม่ถูกรบกวน
จุดที่ต้องไปเยือนในหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะ
เมื่อก้าวเข้าไปสู่บ้านสไตล์กัสโชและค้นหาความหลักแหลมจากอดีต
คุณสามารถเข้าไปในอาคารสไตล์กัสโชทุกแห่งในหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะและมีเครื่องมือที่มีแตกต่างกันจัดแสดงอยู่ในแต่ละอาคาร คุณจะได้พบกับเครื่องมือสำหรับทำเต้าหู้และเครื่องมือตัดไม้รวมทั้งเข้าไปในเกสต์เฮาส์และบ้านพักของพระ
ต่อไปนี้ เราพูดถึงคุณสมบัติที่น่าสนใจบางอย่างของบ้านวากายามะซึ่งเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ
บ้านวากายามะเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ภายนอกของบ้านเป็นรูปทรงที่คุ้นเคยของหลังคาทรงสามเหลี่ยมเพื่อให้คงทนต่อลมแรงและหิมะ ตระกูลวากายามะในอดีตเคยร่ำรวยและอาคารมีขนาดใหญ่มากซึ่งที่แห่งนี้เคยมีผู้คนอาศัยอยู่หลายสิบคน
ในอดีตตะปูเป็นของมีมูลค่า แทนที่จะใช้ช่างมันกลับใช้สายรัดมุงกับกิ่งไม้มัด สายรัดมีความยืดหยุ่นและไม่คลายออกง่ายทำให้เหมาะกับการสร้างบ้านมากกว่าใช้ตะปู
เมื่อคุณเข้าไปในบ้านจะได้พบกับอิโระริ (เตาผิงที่มักพบในสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม) ที่นี่ชาวบ้านก่อไฟ ตากผ้าและทำอาหาร และสิ่งสำคัญ คือ มีการกำหนดที่นั่งรอบเตาผิงโดยมีสมาชิกในครอบครัวคนโตนั่งอยู่ด้านหลัง สมาชิกครอบครัวเพศชายหรือหญิงที่อายุมากที่สุดเป็นอันดับสองนั่งใกล้ห้องครัว และลูกคนสุดท้องบริเวณทางเข้า
เมื่อเดินผ่านห้องนั่งเล่นมาจะเป็นคอกม้าซึ่งมีวัวและม้าอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกับคน ปศุสัตว์มีความสำคัญต่อชีวิตของครอบครัว
ผู้อาศัยจะอยู่ที่ชั้นหนึ่งและขึ้นบันไดไม้ที่สูงชันมาที่ชั้นสองเป็นสถานที่ที่เลี้ยงหนอนไหม ในฤดูหนาว ช่วงที่ทำนาทำไร่ไม่ได้ การเลี้ยงไหมและเย็บปักถักร้อยกลายเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ
กระท่อมแต่ละหลังมีการใช้งานที่ต่างกัน อย่าลืมดูว่าหลังที่ีคุณกำลังจะเข้าชมมีอะไรให้ดูบ้าง
ลองมาใช้ชีวิตในหมู่บ้าน
ในฮิดะ คุณจะตกใจกับเทคนิคการทำสวนในอดีตและเครื่องมือที่น่าสนใจมากมาย
"ก๊อก ก๊อก ก๊อก" เสียงที่คุณจะได้ทุกสองสามวินาทีจากอุปกรณ์ที่ใช้การไหลของน้ำเพื่อสร้างเสียงเป็นระยะ ๆ คุณเดาได้หรือเปล่าว่าอันนี้มีไว้เพื่ออะไร?
มันมีไว้เพื่อไล่หมูป่าที่มาทำลายพืชผลทางการเกษตร!
ทุ่งข้าวรูปล้อนี้เรียกว่าคุรุมะดะ รูปร่างของสนามเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเพื่อสรรเสริญเทพเจ้า นาแห่งนี้เป็นหนึ่งในนาข้าวเพียงไม่กี่แห่งที่เหลืออยู่ในญี่ปุ่นและเป็นประวัติศาสตร์พื้นบ้านของญี่ปุ่น อย่าพลาดงานปลูกข้าวประจำปีที่หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
คุณอาจพลาดเพียงการกระพริบตาครั้งเดียว ศิลปะล่องหนในงานประดิษฐ์โบราณ
ในอดีต ชาวนาจะหาเลี้ยงชีพด้วยการทอรองเท้าฟางและงานเย็บปักถักร้อย งานฝีมือดั้งเดิมเหล่านี้ได้ค่อย ๆ เลือนหายไป และที่หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะแห่งนี้ มีการจัดแสดงการสาธิตงานประดิษฐ์ทุกวันและสามารถชมได้ฟรีดังนั้น ห้ามพลาดเป็นอันขาด
ที่บ้านโทมิตะ คุณจะได้พบกับช่างฝีมือท้องถิ่นที่มาสาธิตการเย็บปักถักร้อยสไตล์ซาชิโกะซึ่งเป็นงานปักพื้นบ้านของญี่ปุ่นโดยใช้ลวดลายเรขาคณิตที่สวยงาม คุณอาจมานั่งคุยกับช่างฝีมือและซื้อกระเป๋าถือลายซาชิโกะเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย
ถ้าอยากดูการแกะสลักไม้ยู (หรือ Ichii itto-bori ในภาษาญี่ปุ่น) อย่าลืมไปที่บ้านโคบายาชิ ไม้ยูมาจากต้นไม้หายากอายุกว่า 500 ปีและแกะสลักด้วยมือทีละต้นทีละต้น
คุณยามาชิตะซึ่งเป็นผู้สาธิตการแกะสลักไม้ยู เล่าว่าเขาทำงานนี้มากว่า 46 ปี แต่ก็ยังเป็นมือสมัครเล่นในวงการนี้ เหล่ามืออาชีพซึ่งมืประสบการณ์มากกว่าคุณยามาชิตะล้วนอยู่ล้วนมีอายุกว่า 70 หรือ 80 ปีแล้ว และเรายังเห็นว่ามีเด็กฝึกงานที่อายุน้อยกว่าพวกเขาเพียง 6 คน เราสงสัยว่าจะมีช่างแกะไม้เหลืออยู่ไม่ ในสิบปีข้างหน้า?
เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของการแกะสลักไม้ยูคือการที่สีของไม้ค่อย ๆ เข้มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปจากสีส้มเปลี่ยนไปจนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ลองดูชิ้นส่วนอายุ 70 ปีนี้และสังเกตสีของไม้ดูสิ
จากขวาไปซ้าย คุณจะได้เห็นขั้นตอนการแกะสลักไม้ยู
หมู่บ้านแห่งความสวยงามของฤดูกาล
ถ้าคุณอยากได้รูปสวย ๆ หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้สีเขียวในฤดูร้อน ใบไม้สีแดงฤดูใบไม้ร่วงและสีขาวของหิมะในฤดูหนาว คือ ความสวยงามที่แต่ละฤดูมอบให้คุณ ความพิเศษเหมือนไอซิสบนเค้กแสนหวานที่ซ้อนอยู่ในช่วงเดินพ.ย.และธ.ค. คือ การประดับไฟสุดสวยที่ช่างภาพทั้งหลายห้ามพลาด
ออกแบบมาเพื่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
คุณอาจจะกังวลว่าถ้าคุณไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นว่าคุณจะต้องเดินไปรอบ ๆ โดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ไม่ต้องห่วง! ที่แห่งนี้มีป้ายเป็นภาษาอังกฤษและสองภาษา (ภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ) แผ่นพับ (300 เยน) ที่แห่งนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากและเจ้าหน้าที่พร้อมให้ความช่วยเหลือหากคุณต้องการ
เมื่อคุณเดินไปรอบ ๆ หมู่บ้านคุณจะได้พบกับคุณนิชิกุระ ผู้อำนวยการหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะเรามักจะได้พบเขาในหมู่พนักงาน บ่อยครั้งที่เขาถือฟืนและทำความสะอาดรอบ ๆ บริเวณ ถ้าโชคดีได้พบเขา และอย่ากังวลที่จะคุยกับเขา ถ้าคุณมีคำถามอะไรก็ตาม
บทสรุป
เมื่อเราได้ไปเยี่ยมเยือนฮิดะ โนะ ซาโตะ เราได้พบกับนักเรียนมัธยมต้น ซึ่งเรียนอยู่ในหมู่บ้าน เด็กคนนี้ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเด็กญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ๆ มีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมต่าง ๆ และความสำคัญของภารกิจของหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะ
ถ้าคุณอยากหนีจากความวุ่นวายและเริ่มเบื่อเส้นทางท่องเที่ยวเดิม ๆ ใช้ชีวิตให้ช้าลงและได้รับประสบการณ์ทางวัฒนธรรมในหมู่บ้านสไตล์กัสโชในอดีต หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะเป็นอีกประสบการณ์ที่ตรึงอยู่ในหัวใจ
Click here to get the latest information on Central Japan.Centrip Japan - Nagoya and Chubu Information