| Bonnie Chow
คำแนะนำสำหรับการเดินทางมาเยี่ยมชมชิราคาวาโกะและงานประดับไฟในฤดูหนาวโดยไกด์ท้องถิ่น
Table of Contents
โอกิมาจิ (Ogimachi) ในชิราคาวาโกะเลื่องชื่อจากความงดงามของทิวทัศน์ในฤดูหนาวที่หลังคาของบ้านในหมู่บ้านถูกปกคลุมไปด้วยหิมะโดยสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นหมู่บ้านมรดกโลก UNESCO ในปี 1995 คำว่ากัสโช สึคุริ (Gassho-zukuri) คือ บ้านที่มีคานไม้ หลังคาสูงมีรูปร่างคล้ายสองมือประสานเหมือนการไหว้ซึ่งเป็นการออกแบบเพื่อให้รับน้ำหนักหิมะที่ตกหนักในฤดูหนาว ช่วงปีหลัง ๆ ชิราคาวาโกะมีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากการแชร์ภาพถ่ายอันสว่างไสวในฤดูหนาวตามโซเชียลมีเดีย ในบทความนี้ เราขอแนะนำสถานที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยี่ยมชิราคาวาโกะในฤดูหนาวเพื่อให้คุณเตรียมตัวสำหรับการมาเที่ยวชิราคาวาโกะครั้งต่อไป
สิ่งที่ทำให้ชิราคาวาโกะโดดเด่นในฤดูหนาว
เหตุผลที่ 1: บรรยากาศฤดูหนาวอันตราตรึงใจ
ชิราคาวาโกะตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 500 เมตรและมีหิมะตกหนักในฤดูหนาวโดยในประวัติศาสตร์ของชิราคาวาโกะเคยมีหิมะตกหนักที่สุดอยู่ที่ 3 เมตรและในปีนี้มีหิมะตกสูงกว่า 2 เมตร หากคุณเดินทางไปยังจุดชมวิว คุณจะได้เห็นบรรยากาศแบบกว้างของแนวเทือกเขาและบ้านกัสโชที่ปกคลุมด้วยหิมะตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าใสซึ่งเกิดเป็นทัศนียภาพที่งดงามน่าประทับใจ
เหตุผลที่ 2: งานประดับไฟ
งานประดับไฟชิราคาวาโกะจัดขึ้นในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ของทุกปีซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของญี่ปุ่น ก่อนการระบาดของโควิด ชิราคาวาโกะต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 8,000 คนต่อคืน แต่นับตั้งแต่ปี 2019 การมาชมงานประดับไฟนั้นต้องมีทำการจองล่วงหน้าเท่านั้น บรรยากาศยามค่ำคืนของชิราคาวาโกะนั้นน่าสนใจและเหมือนต้องมนตร์ไม่ต่างจากโลกของการ์ตูน Frozen ของ Disney เลยทีเดียว
เหตุผลที่ 3: หมู่บ้านอันครึกครื้นในโลกความเป็นจริง
ชิราคาวาโกะที่มีประชากรประมาณ 600 คน อาศัยอยู่ในบ้านกัสโชแบบดั้งเดิมกว่า 100 หลัง บ้านกัสโชเหล่านี้ตั้งอยู่ได้แม้ว่าพื้นที่แห่งนี้จะมีอากาศที่รุนแรง ทุก ๆ อย่างที่คุณเห็น ตั้งแต่วัสดุไปจนถึงการวางแนวของบ้านแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของผู้คนเพื่อให้อยู่รอดกับสภาพอากาศที่รุนแรง ในช่วงฤดูหนาวหิมะจะปกคลุมหลังคาเหมือนบ้านขนมปังขิงเคลือบน้ำตาลไอซิ่งเลยล่ะ การไปเที่ยวชิราคาวาโกะในฤดูหนาวนั้นเป็นมากกว่าการมาถ่ายรูปสวย ๆ แต่ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านและวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมซึ่งดำเนินไปพร้อมกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม
อากาศและเสื้อผ้า
ฤดูหนาวของชิราคาวาโกะ คือ ช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมและหิมะจะตกในช่วงต้นเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 0 ถึง -10 องศาเซลเซียส ช่วงเช้าและกลางคืนนั้นหนาวมาก เราจึงแนะนำให้คุณสวมผ้าพันคอ/ที่อุ่นคอ หมวก ถุงมือ ถุงเท้าหนา และเสื้อแจ็คเก็ตเพื่อให้ความอบอุ่น นอกจากนี้ ถนนที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งนั้นมีความลื่นมาก เราแนะนำให้คุณสวมรองเท้าบูทกันหิมะหรือรองเท้ากันน้ำ และที่สำคัญ อย่าลืมนำแบตสำรองมาเพราะอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 0ºC ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วยิ่งขึ้น ที่ขาดไม่ได้ คือ แผ่นประคบร้อนแบบใช้แล้วทิ้งซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเข้าร่วมงานประดับไฟ เพราะช่วงกลางคืนนั้นมีอากาศหนาวเย็น เราแนะนำให้คุณตรวจสอบสภาพอากาศและกล้องถ่ายทอดสดก่อนเดินทางมายังชิราคาวาโกะ
การเดินทางไปชิราคาวาโกะในฤดูหนาว
ไม่มีรถไฟตรงมายังชิราคาวาโกะ การเดินทางด้วยรถสาธารณะ รถเช่า รถตู้หรือทัวร์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางมาชิราคาวาโกะ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางด้วยรถสาธารณะได้ที่นี่
บทความที่เกี่ยวข้อง
เส้นทางแนะนำ
สะพานแขวน → จุดชมวิว → บ้านวาดะ (Wada House) → อาหารเที่ยง/พักดื่มกาแฟ → บ้านคันดะ (Kanda House) → วัดเมียวเซ็นจิ (Myozenji Temple) → คัมมาจิ (Kanmachi)
สะพานแขวน
การเดินตามเส้นทางที่แนะนำนั้นใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าคุณเช่ารถหรือมากับทัวร์ คุณจะเริ่มต้นจากที่จอดรถ Seseragi และเส้นทางเดียวที่จะเดินไปยังหมู่บ้านได้ คือ การเดินผ่านสะพานแขวน คุณจะตรึงตาตรึงใจกับแม่น้ำโช (Sho River) และภูเขาปกคลุมหิมะที่เป็นฉากหลัง
จุดชมวิว
เรามั่นใจว่าคุณเคยเห็นภาพถ่ายนี้ในโซเชียลมีเดียเพราะว่าเป็นจุดที่ใครก็ตามที่มาชิราคาวาโกะต้องมาเยี่ยมชม การไปยังจุดชมวิวนั้นคุณมีตัวเลือกระหว่างการเดิน 15 นาทีหรือนั่งรถบัส 5 นาที ช่วงเช้าของฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเยี่ยมชมชิราคาวาโกะเพราะคุณจะได้เห็นหิมะที่เพิ่งตกใหม่ เราแนะนำให้คุณเดินทางมาถึงชิราคาวาโกะก่อน 9 โมงเช้าเพื่อพบกับประสบการณ์อันงดงามนี้
บ้านวาดะ (Wada House)
คุณอยากสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านชิราคาวาโกะในอดีตหรือไม่ เราแนะนำให้คุณไปเยี่ยมชมบ้านวาดะและสัมผัสกับประสบการณ์เหล่านี้ด้วยตนเอง บ้านวาดะเป็นบ้านที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในหมู่บ้านซึ่งก่อสร้างเมื่อกว่า 300 ปีก่อน บ้านหลังนี้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งชาติอีกด้วย อิโระริ (เตาไฟ) ช่วยอุ่นบ้านหลังนี้ในฤดูหนาว ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ ¥300
บ้านคันดะ (Kanda House)
ครอบครัวคันดะใช้เวลา 10 ปีในการก่อสร้างบ้านหลังนี้และในปัจจุบันครอบครัวคันดะรุ่นที่ 6 ยังอาศัยอยู่ในบ้านแห่งนี้ คุณย่าจากรุ่นที่ 5 ใช้เวลาในวัยเด็กในการชื่นชมบรรยากาศฤดูหนาวของญี่ปุ่นจากหน้าต่างบริเวณชั้น 2 ของบ้าน บันไดของบ้านมีความชันทำให้การปีนขึ้นไปชั้นบนสุดนั้นยากลำบากนิดหน่อย (ชั้น 4) ก่อนการระบาดของโควิด ครอบครัวคันดะให้บริการชาสมุนไพรฟรีให้แก่นักท่องเที่ยว ถือเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการสัมผัสกับประสบการณ์การต้อนรับแบบญี่ปุ่น
วัดเมียวเซ็นจิ (Myozenji Temple) และพิพิธภัณฑ์
วัดเมียวเซ็นจิเชื่อมกับพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นกระท่อมหลังเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกัน บ้านสามหลังนี้สร้างขึ้นในสไตล์กัสโช สึคุริและสร้างบรรยากาศฤดูกาลอันงดงาม ช่องโทรทัศน์ของรัฐบาลญี่ปุ่นหรือ NHK มักจะถ่ายทอดสดการตีระฆังโจยะ โนะ คาเนะ (Joya-no-Kane Bell) ของวัดเมียวเซ็นจิ ค่าเข้าชมของผู้ใหญ่อยู่ที่ ¥300 และเด็ก ¥100
คัมมาจิ (Kanmachi)
เมื่อคุณเดินเพียง 20 นาทีจากเมียวเซ็นจิ คุณจะมาถึงบริเวณคัมมาจิและพบกับบ้านที่โด่งดัง 3 หลังตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังนาข้าวซึ่งเป็นฉากที่งดงามสำหรับการถ่ายภาพโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ระวังอย่าเดินบนนาข้าวเหล่านี้เพราะบริเวณนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
งานประดับไฟชิราคาวาโกะ
ช่วงการระบาดโควิด 19 ปี ชิราคาวาโกะมีการประดับไฟเป็นเวลา 6 คืนช่วงฤดูหนาว แต่ในปี 2021 และ 2022 งานนี้เกือบโดนยกเลิกแต่สุดท้ายแล้วมีการประดับไฟเพียง 1 คืนในวันที่ 6 มกราคมของทั้งสองปี ก่อนการระบาดโควิด 19 ที่พักและทัวร์จะถูกจองเต็มอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณอยากสัมผัสประสบการณ์การประดับไฟนี้หลังการระบาดโควิด 19 คุณจำเป็นต้องจองล่วงหน้า สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมมีอยู่ในเว็บไซต์ด้านล่าง
- ค้างคืนที่ที่พักที่กำหนด (ควรจองล่วงหน้า 1 เดือนก่อนวันเข้าพักที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการด้านบน)
- เข้าร่วมทัวร์ซึ่งรวมตั๋วจุดชมวิว
เมื่อคุณมีตั๋วแล้ว เราแนะนำให้คุณจดชื่อสถานที่ด้านล่างเพื่อช่วยประหยัดเวลาเดินในหมู่บ้าน
จุดชมวิว
คุณต้องเดินขึ้นเขาประมาณ 10 - 15 นาทีเพื่อมาถึงจุดชมวิว เจ้าหน้าที่จะคอยกวาดหิมะออกจากทางไว้ให้แต่การเดินขึ้นเขาก็ยังใช้พลังงานอยู่บ้าง อย่าลืมใส่รองเท้ากันน้ำและนุ่มสบายสำหรับการเดินขึ้นเขานี้ ในปี 2022 นักท่องเที่ยวเดินทางมายังจุดชมวิวได้เพียง 3 เวลา เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพ คือ 17:30 - 18:00 น. ซึ่งท้องฟ้ายังไม่มืดสนิทและยังมีแสงสีฟ้าให้ได้เห็น ถ้าคุณอยากถ่ายภาพ เราขอแจ้งไว้ก่อนว่าบริเวณนี้ไม่อนุญาตให้ตั้งขาตั้งกล้อง
วัดเมียวเซ็นจิ (Myozenji Temple)
อย่างที่ระบุข้างต้น บ้านทั้งสามหลังสไตล์กัสโชที่วัดเมียวเซ็นจิดูโดดเด่นในยามค่ำคืนเพราะเงาสะท้อนในน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง ด้านข้างมีทางเดินเล็ก ๆ ซึ่งถ้าคุณเดินขึ้นไปตามเนินจะได้พบกับทัศนียธรรมที่งดงามตรงหน้า
คัมมาจิ (Kanmachi)
เมื่อคุณเดินเพียง 20 นาทีจากเมียวเซ็นจิ คุณจะมาถึงบริเวณคัมมาจิและเรามั่นใจว่าคุณจะเห็นภาพของคัมมาจิมากมายในสื่อโฆษณา
พักทานอาหารกลางวันหรือดื่มกาแฟ
Kyoshu ร้านกาแฟแบบดั้งเดิม
Kyoshu ตั้งอยู่กลางหมู่บ้านและมีรูปปั้นนักคิดอยู่บริเวณทางเข้าและเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักดื่มกาแฟระหว่างเดินเล่นในชิราคาวาโกะช่วงฤดูหนาว ที่นั่งริมหน้าต่างขนาดใหญ่พร้อมฮีตเตอร์ทำให้คุณรู้สึกสบายและเพลินกับหิมะที่ตกอยู่ด้านนอก
โนมุระ โซบะ (Nomura Soba)
คุณอยากลองชิมอาหารท้องถิ่นของชิราคาวาโกะมั้ย โนมุระ โซบะผลิตจากแป้งบัควีทที่ปลูกในพื้นที่และเป็นเส้นทำมือ ฉันยังจำถึงความอุ่นหลังการกินโซบะร้อนที่โนมุระในฤดูหนาว
บทสรุป
การมาเยี่ยมชมชิราคาวาโกะในฤดูหนาวนั้นมีความคุ้มค่ามากเพราะคุณจะได้ดื่มด่ำกับความสวยงามพร้อมสัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมชนบทของญี่ปุ่น การเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่สานฝันของคุณให้เป็นจริงเท่านั้นแต่การเดินทางนี้จะกลายเป็นความทรงจำของคุณตลอดกาล
Click here to get the latest information on Central Japan.Centrip Japan - Nagoya and Chubu Information