| Centrip Editorial Board
การเดินทางของสีสันใบไม้เปลี่ยนสีที่มาโกเมะ จุกุ (Magome-juku)
มาโกเมะ จุกุเป็นเมืองเก่าดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ในบริเวณเจแปนแอลป์ พื้นที่แห่งนี้อุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและอาหารประจำฤดูใบไม้ร่วงอันแสนอร่อย เมืองถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีรอให้คุณมาสัมผัส ความงดงามเหล่านี้เป็นอีกเหตุผลให้คุณเดินทางมาเยี่ยมชมมาโกเมะ จุกุสักครั้งในชีวิต
ที่แห่งนี้มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีหลายแห่ง ได้แก่ สุเทะจิเกียว (Tsukechi Gorge) หุบเขายุโมริ (Yumori Valley) ที่ราบสูงเนโนะอุเอะ (Nenoue Highlands) และซากปราสาทนาเอะกิ (Naegi Castle Ruins) แหล่งท่องเที่ยวแต่ละจุดนั้นอยู่ไม่ห่างจากมาโกเมะ จุกุและเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบาย
Table of Contents
มาโกเมะ จุกุ
มาโกเมะ จุกุนั้นมีความงดงามที่ต่างกันไปในแต่ละฤดู ในฤดูใบไม้ร่วง บ้านแต่ละหลังจะห้อยลูกพลับแห้งไว้พร้อมกับสีสันของต้นไม้ที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดงและเหลือง ที่ร้านขายของที่ระลึก คุณจะได้ลิ้มสินค้าหลากหลายที่มาในรสอิกากุริหรือเกาลัด
มาโกเมะ จุกุนั้นตั้งอยู่ตามเนินอันสูงชัน เมื่อเดินขึ้นมาจากทางเข้า คุณจะพบกับบรรยากาศเมืองเก่าและสีสันของฤดูใบไม้ร่วง
เกาลัดโอโควะ เมนูที่เสิร์ฟเกาลัดพร้อมข้าวเป็นอีกหนึ่งในอาหารว่างที่ต้องลองชิมระหว่างเดินเล่นในฤดูใบไม้ร่วงที่มาโกเมะ จุกุ คุณจะเห็นสัญลักษณ์ของเกาลัดทุกที่ตามถนนเป็นการเชิญชวนให้คุณเข้าไปลิ้มลองได้ทั้งในร้านอาหารและคาเฟ่ต่าง ๆ
ไดโกคุยะ ซาโบะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่คุณมาเลือกซื้อเกาลัดโอโควะได้ ร้านค้าแห่งนี้เคยเป็นโรงหมักสาเกในชื่อฟุชิมะยะมาก่อนซึ่งมีชื่ออยู่ในวรรณกรรมร่วมสมัยของญี่ปุ่นอีกด้วย
อาคารด้านซ้ายของภาพเป็นร้านสินค้าจากศิลปะพื้นบ้านและทางด้านขวาเป็นร้านอาหารสไตล์โมเดิร์น เซตอาหารเกาลัดโอโควะราคา ¥1,500 (ราคารวมภาษี) รสชาติของข้าวผสมเกาลัดอร่อยเกินบรรยายโดยเฉพาะเมื่อได้ทานข้างหน้าต่างที่มีแสงแดดอันละมุนของฤดูใบไม้ร่วง
ช่วงปลายเอโดะ (1603-1867) บริเวณนี้มีที่พัก 18 แห่ง (สำหรับครอบครัวซามูไรและประชาชน) เรียงรายไปตามถนนมาโกเมะ จุกุ นักท่องเที่ยวจำนวนมากได้เข้ามาพักที่เมืองนี้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเรียวกังบางแห่งในมาโกเมะ จุกุอนุญาตให้นักท่องเที่ยวพักค้างคืนได้ด้วย
หนึ่งในที่พักที่ตั้งอยู่บริเวณกลางมาโกเมะ จุกุมีชื่อว่า ทาบินิน โอยะโดะ ทาจิมะยะ (Tajimaya)
เมื่อเดินผ่านม่านโนเร็น (Noren) และเปิดประตูสไลด์ คุณจะได้พบกับพื้นขัดเงาและเตาไฟอายุกว่า 120 ปีที่พาคุณย้อนเวลากลับไปในอดีต โรงแรมจะเสิร์ฟอาหารเย็นด้วยอาหารที่ดีต่อสุขภาพซึ่งปรุงจากผักปลอดสารพิษในพื้นที่และผักป่าจำนวนมากมาย การพักในที่พักแบบนี้เป็นการเปิดประสบการณ์และสัมผัสเสน่ห์ของมาโกเมะ จุกุ
สวนชิมาดะ (Shimada Park) ตั้งอยู่ใกล้ทางเข้าด้านล่างของมาโกเมะ จุกุซึ่งเต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลญี่ปุ่นจำนวนมากและมีการประดับไฟในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น ในสวนแห่งนี้มีจุดสวยๆ ที่ปกคลุมไปด้วยต้นเมเปิ้ลทั้งในและรอบๆ ที่พัก อย่าลืมใช้เวลาดื่มด่ำไปกับความงดงามของพื้นที่แห่งนี้
ระยะทางจากมาโกเมะ จุกุไปยังเมืองใกล้ๆ อย่างซึมาโกจุกุ (Tsumago-juku) อยู่ที่ 8.8 กิโลเมตรและเราแนะนำให้คุณลองเดินป่าที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินป่าที่มาโกเมะ พาสได้ที่นี่
ช่องเขาซึเคจิ (Tsukechi Gorge)
และถ้าคุณอยากเดินป่าแล้วละก็ จุดหมายถัดไปของพวกเรา คือ ช่องเขาซึเคจิซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของมาโกเมะ จุกุ แม่น้ำซึเคจิไหลผ่านช่องเขาซึเคจิและสายน้ำน้ำเหล่านี้ก็ใสจนมองเห็นก้นแม่น้ำซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาสัมผัสความงดงามของญี่ปุ่นในแต่ละฤดูกาล
จุดแรกที่เราจะหยุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่องเขาซึเคจิ คือ สวนฟุโดะที่มีคอร์สเดิน 40 นาทีและคุณจะได้สัมผัสกับน้ำตก 2 แห่งระหว่างข้ามสะพานแขวน
คลองหลายสายไหลผ่านสวนที่งดงามแห่งนี้และเมื่อคุณกำลังเดินผ่านอุโมงค์ต้นเมเปิ้ล คุณจะได้ผ่อนคลายเพราะแสงแดดถูกร่มไม้สีสันสวยงามบังเอาไว้พร้อมกับหยุดฟังเสียงน้ำไหลอย่างแผ่วเบา
เพียง 2 - 3 กิโลเมตรจากสวนฟุโดะ คุณรับชมความงดงามของสีสันของใบไม้ร่วงริมแม่น้ำซึเคจิได้จากสะพานเซเมะและสะพานฮงทานิ (Hontani Bridge) อย่างลืมหยุดพักระหว่างเดินกลับจากสวนฟุโดะ
หุบเขายุโมริ (Yumori Valley)
หุบเขายุโมริอยู่ทางใต้ของช่องเขาซึเคจิซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีและเทศกาลยุโมริเมเปิ้ลซึ่งจัดในฤดูใบไม้ผลิ นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาร่วมเทศกาลนี้
เริ่มจากลานจอดรถของหุบเขายุโมริมีคอร์สเดิน 1.7 กิโลเมตรซึ่งใช้เวลาประมาณ 40 นาที เส้นทางนี้เดินเล่นดื่มด่ำกับความงดงามของฤดูใบไม้ร่วงได้สบายๆ
หนึ่งในไฮไลท์ของหุบเขายุโมริ คือ น้ำตกริวจิน โนะ ทากิซึ่งเป็นจุดที่มีพลังเป็นอย่างมาก สะพานไม้และบันไดที่สลับซับซ้อนรอบๆ น้ำตกดูเหมือนฉากจากภาพยนตร์หรือวิดีโอเกม
เส้นทางเดินจากน้ำตกกลับมายังลานจอดรถได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีและงดงามมากเมื่อมองจากจุดที่สูงที่สุดลงมายังลานจอดรถโดยมีน้ำตกเป็นฉากหลังอันงดงาม ในลานจอดรถมีร้านค้าที่ขายโกเฮ โมจิ (gohei mochi) เป็นรูปร่างใบเมเปิ้ลขายอีกด้วย (ราคาชิ้นละ ¥300)
ซากของปราสาทนาเอะกิ
ซากปราสาทนาเอะกิสร้างอยู่บนเนินเขาหินเหนือแม่น้ำคิโสะ (Kiso River) เป็นหนึ่งในซากปราสาทที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด ในปัจจุบัน ซากปราสาทแห่งนี้มีชื่อเสียงในโลกโซเชียลมีเดียเทียบเท่ากับมรดกโลกอย่างมาชูปิกชู
ซากปราสาทนาเอะกิเป็นที่นิยมในการชมซากุระในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง การเดินทางมายังซากปราสาทแห่งนี้ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีจากที่จอดรถพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์นาเอะกิ โทยามะ (Naegi Toyama Historical Museum) หลังจากปีนเนินเขาอันสูงชัน ความงดงามรอคุณอยู่ กำแพงหินที่ล้อมรอบกองหินขนาดใหญ่และจุดชมวิวที่สร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของหอคอยปราสาท
ที่ตั้งของหอคอยปราสาทมีหอดูดาวที่สร้างขึ้นบนเสาซึ่งมีมาตั้งแต่การก่อสร้างปราสาท คุณจะมองเห็นภูเขาที่ล้อมรอบปราสาทและเมืองนาคัตสึกาวะ (Nakatsugawa) ได้จากหอดูดาว วิว 360 องศาอันงดงามของภูเขาที่แต่งแต้มด้วยสีแดงและสีเหลืองสุดลูกหูลูกตา
ที่ราบสูงเนโนะอุเอะ
จุดสุดท้ายในการชมใบไม้เปลี่ยนสีในเมืองนาคัตสึกาวะ คือ ที่ราบสูงเนโนะอุเอะซึ่งมีความสูงกว่า 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลที่ตั้งอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างเมืองอินะ บนที่ราบสูงแห่งนี้มีทะเลสาบ 2 แห่งและมีต้นไม้สำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีเรียงรายรอบๆ ทะเลสาบเนโนะอุเอะ
ทางเดินรอบทะเลสาบใช้เวลาประมาณ 40 นาทีในการเดินทางไปกลับ ระหว่างทางมีทางเดินไม้และทางเดินในป่า เส้นทางมีความหลากหลายและสนุกสนาน เส้นทางนี้แทบจะไม่ชันทำให้เพลิดเพลินกับการเดินเล่นได้สบายๆ
สัมผัสประสบการณ์ทำคุริคินทอน (Kurikinton) หรือเกี๊ยวเกาลัดในหมู่บ้านชิคโครี (Chicory Village)
จุดเก็บความทรงจำจุดสุดท้ายของทริปฤดูใบไม้ร่วง คือ การทำคุริคินทอน (เกาลัดหวาน) ด้วยตัวเอง ที่ลองทำได้ที่หมู่บ้านชิคโครีซึ่งอยู่ห่างจาก Nakatsugawa IC เพียงเล็กน้อย คุณจึงสามารถแวะก่อนขึ้นทางด่วนขณะมุ่งหน้ากลับบ้านได้
วิธีการทำคุริคินทอน เริ่มจากการนวดเกาลัดต้มกับน้ำตาล แล้วบีบแป้งผ่านผ้าฝ้ายเพื่อสร้างรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ ที่หมู่บ้านชิคโครี นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์ครึ่งหลังของกระบวนการนี้ ตั้งแต่การบีบสร้างรูปร่างไปจนถึงการบรรจุคุริคินทอนในกระดาษวาชิ
คอร์สนี้ใช้เวลาประมาณ 45 นาที การทำให้รูปร่างถูกต้องนั้นยากในช่วงแรก แต่คุณจะค่อยๆ ชินไปเองหลังจากนั้นคุณจะทำครั้งละสองหรือสามชิ้น คุริคินทอนหกชิ้นที่คุณทำเองยังเป็นของที่ระลึกกลับบ้านได้อีกด้วย
การทำคุริคินทอนต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันและมีค่าใช้จ่าย ¥1,600 ต่อคน (รวมภาษี) คุริรินทอนที่คุณทำจะเป็นของที่ระลึกที่ดีสำหรับการเดินทางของคุณ!
บทสรุป
ฤดูใบไม้ร่วงของมาโกเมะ จุกุนั้นสวยงามเป็นพิเศษและเหมาะสำหรับการเยี่ยมชม โดยเฉพาะความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้ มาโกเมะ จุกุยังมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามอยู่มากมาย เราหวังว่าคุณจะสนุกกับการขับรถในฤดูใบไม้ร่วงและจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีทั้งหมด
โปรดดูบทความนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวรอบเมืองเก่าบนเส้นทางนากะเซ็นโด
Click here to get the latest information on Central Japan.Centrip Japan - Nagoya and Chubu Information