|
ทริปขับรถท่องเที่ยวในจังหวัดฟุกุอิ เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น
จังหวัดฟุกุอิเป็นพื้นที่ที่ทะเลและภูเขาอยู่ร่วมกัน โดยมีทะเลญี่ปุ่นและภูเขาล้อมรอบ สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประเทศญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ที่นี่ถือเป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การมาเยือนอย่างไม่ต้องสงสัย หากเดินทางโดยรถไฟ จากนาโกย่ามายังสถานีสึรุกะ ซึ่งเป็นประตูสู่ทางตอนใต้ของจังหวัด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที
แผนการขับรถเที่ยวจังหวัดฟุกุอิที่นำเสนอในบทความนี้ คือการเช่ารถที่สถานีทสึรุกะ ขับขึ้นไปทางเหนือบนเส้นทางขับรถเลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นอันงดงาม และพักค้างคืนที่แหล่งน้ำพุร้อนซึ่งมีชื่อเสียงด้านคุณภาพของน้ำ ในวันต่อมาจะเดินทางไปยังจุดชมวิวที่สามารถสัมผัสธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ และเยี่ยมชมซากโบราณจากยุคเซ็นโกคุ (ปลายศตวรรษที่ 15 ถึงปลายศตวรรษที่ 16) ก่อนจะไปถึงสถานีฟุกุอิของรถไฟชินคันเซ็นสายโฮคุริคุ
วันที่1
เริ่มต้นการเดินทางด้วยการขับรถจากสถานีสึรุกะ
สึรุกะตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางของจังหวัดฟุกุอิ ติดกับทะเลญี่ปุ่น และเจริญรุ่งเรืองมาแต่โบราณในฐานะจุดยุทธศาสตร์สำคัญด้านการคมนาคมทางน้ำและทางบก สถานีสึรุกะเป็นสถานีปลายทางที่เป็นประตูสู่จังหวัดฟุกุอิเมื่อเดินทางมาจากนาโกย่าหรือโอซาก้า บริเวณรอบสถานีมีร้านเช่ารถหลายแห่ง ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเดินทางโดยรถไฟแล้วสามารถเช่ารถต่อได้ทันที
สถานีสึรุกะ ประตูสู่การท่องเที่ยวจังหวัดฟุกุอิ
เคฮิโนะมัตสึบาระมีชายหาดทรายสีขาวทอดยาวและงดงาม ในฤดูร้อนยังสามารถเพลิดเพลินกับการเล่นน้ำทะเลได้อีกด้วย
ก่อนออกเดินทางจากที่นี่ ลองแวะเที่ยวเคฮิโนะมัตสึบาระกันสักหน่อย ที่นี่อยู่ห่างจากสถานีสึรุกะเพียง 10 นาทีโดยรถยนต์ เป็นชายหาดที่งดงามด้วยทรายขาวและแนวสนเลียบทะเลญี่ปุ่น
เพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ของเรือคิตะมาเอะบุเนะที่เมืองมินามิเอจิเซ็น
ใช้เวลาขับรถประมาณ 30 นาทีเพื่อไปยังจุดหมายต่อไป เมืองมินามิเอจิเซ็น ระหว่างทางเรามุ่งหน้าไปทางเหนือบนถนนเลียบชายฝั่ง ชื่นชมความงามของอ่าวสึรุกะที่คลื่นสงบ เส้นทางชิโอคาเซะไลน์และทางหลวงหมายเลข 305 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของการขับรถครั้งนี้ พาดผ่านหมู่บ้านชาวประมงญี่ปุ่นที่มีบรรยากาศงดงาม และจุดชมวิวตามชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น รวมถึงโยะโทริมง ทำให้เพียงแค่การขับรถบนเส้นทางนี้ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของการเดินทาง
「บ้านตระกูลอุคง บ้านพักเจ้าของเรือคิตะมาเอะ」ที่หันหน้าไปทางทางหลวงหมายเลข 305
จากอาคารสไตล์ตะวันตกของบ้านตระกูลอุคงที่สร้างอยู่บนเนิน สามารถมองเห็นทะเลญี่ปุ่นและชุมชนเจ้าของเรือได้
เมืองมินามิเอจิเซ็นเคยเจริญรุ่งเรืองในอดีตในฐานะท่าเรือแวะพักของเรือคิตะมาเอะบุเนะ เรือคิตะมาเอะบุเนะเป็นเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีบทบาทในทะเลญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเอโดะจนถึงสมัยเมจิ (กลางศตวรรษที่ 18 ถึงปลายศตวรรษที่ 19) โดยแล่นระหว่างฮอกไกโดและภูมิภาคโทโฮคุกับโอซาก้าที่เป็นศูนย์กลางการค้าขาย แวะตามท่าเรือต่าง ๆ ทั่วประเทศ และทำการซื้อขายสินค้าหลากหลายชนิด
ภายในอาคารยังมีการประดับโมเดลเรือคิตะมาเอะบุเนะด้วย
「บ้านนากามูระ」ที่ตั้งอยู่บนถนนโคโนะคิตะมาเอะบุเนะชุ
ที่ริมชายฝั่งเมืองมินามิเอจิเซ็น มีอาคารของร้านค้าตระกูลเก่าแก่ บ้านตระกูลอุคงและบ้านตระกูลนากามุระซึ่งได้สร้างความมั่งคั่งจากเรือคิตะมาเอะบุเนะ และยังคงหลงเหลืออยู่และเปิดให้สาธารณชนเข้าชม การตกแต่งภายในอันหรูหราเผยให้เห็นวิถีชีวิตและความเจริญรุ่งเรืองในยุคนั้น
มื้อกลางวัน ไคเซนด้งที่ร้านริมทะเล
บริเวณเมืองมินามิเอจิเซ็นซึ่งมีบ้านตระกูลอุคงและบ้านตระกูลนากามุระรวมถึงพื้นที่รอบ ๆ เมืองเอจิเซ็นที่อยู่ติดกัน เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นภูมิภาคที่การประมงเฟื่องฟูเป็นพิเศษ ใกล้ท่าเรือประมงมีร้านหลายแห่งที่ให้บริการอาหารทะเลสดที่จับได้จากท่าเรือประมงในท้องถิ่น
สามารถเพลิดเพลินกับอาหารทะเลสดๆ ซึ่งมีเฉพาะในพื้นที่ใกล้ท่าเรือประมงเท่านั้น
ขอแนะนำไคเซนด้งที่ใช้วัตถุดิบอาหารทะเลตามฤดูกาล ในช่วงฤดูปูเอจิเซ็น (6 พฤศจิกายน ถึง 20 มีนาคม ของทุกปี) คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับเมนูปูสุดหรูได้อีกด้วย
ขับรถบนเส้นทางถนนอิชิบิคะอิไกโด
หลังจากรับประทานมื้อกลางวันแล้ว ลองแวะไปที่สถานีริมทางมิจิโนะเอกิเอจิเซ็นซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันดู ที่นี่มีจำหน่ายทั้งอาหารทะเลสดและงานหัตถกรรมท้องถิ่น อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ปูเอจิเซ็นที่สามารถเพลิดเพลินและเรียนรู้เกี่ยวกับปูเอจิเซ็นได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ใกล้ ๆ กันยังมีออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับที่มีบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งซึ่งสามารถชมวิวพาโนรามาของทะเลญี่ปุ่นได้ โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกดินที่มีทิวทัศน์งดงามเป็นพิเศษ
「สถานีริมทางมิจิโนะเอกิเอจิเซ็น」และ 「พิพิธภัณฑ์ปูเอจิเซ็น」
「บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง อิซาริบิ」เป็นที่นิยมเพราะทิวทัศน์งดงาม
กลับไปสู่เส้นทางขับรถ แล้วขับไปทางเหนือบนทางหลวงหมายเลข 305 กัน
โยะโทริมง ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางหลวงหมายเลข 305 เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ถูกคลื่นกัดเซาะมานานหลายปี เดิมทีทางหลวงเคยลอดผ่านใต้ประตูนี้ และเป็นที่รู้จักในฐานะอุโมงค์ธรรมชาติ แต่เมื่อมีการสร้างอุโมงค์ขึ้นมาแทน ทำให้ปัจจุบันทั้งรถยนต์และผู้คนไม่สามารถผ่านได้ อย่างไรก็ตาม คุณยังสามารถเดินเข้าไปชมใกล้ ๆ เพื่อเพลิดเพลินกับความงดงามของการตัดกันระหว่างทะเลญี่ปุ่น หน้าผา และความเขียวขจีของธรรมชาติ จนกลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม
อุโมงค์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น 「โยะโทริมง」
บริเวณรอบ ๆ โยะโทริมงเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายภาพที่สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามได้
ทางหลวงหมายเลข 305 ที่ทอดยาวจากเหนือจรดใต้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า 「ถนนอิซาริบิไคโด」 ได้รับความนิยมจากภาพพระอาทิตย์ตกดินทางฝั่งตะวันตกเหนือทะเลญี่ปุ่น และหลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงไฟจากเรือประมงที่ลอยอยู่ในทะเลก็ส่องประกาย กลายเป็นทิวทัศน์เหนือผิวน้ำที่ชวนให้หลงใหล ความงดงามของแนวชายฝั่งที่เปลี่ยนแปลงไปทุกขณะตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงพระอาทิตย์ตกนี้ จะกลายเป็นหนึ่งในภาพความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในทริปท่องเที่ยวญี่ปุ่นของคุณอย่างแน่นอน
ชายฝั่งเอจิเซ็นเป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงไฟจากเรือประมงก็ลอยอยู่เหนือทะเลงดงามราวภาพฝัน ※สามารถชมได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน
อาวะระออนเซ็น
หลังจากขับรถเสร็จแล้ว มุ่งหน้าไปยังอาวะระออนเซ็นซึ่งเป็นที่พัก อาวะระออนเซ็นเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนชื่อดังของภูมิภาคโฮคุริคุ ที่ผ่านมาเหล่าบุคคลมีชื่อเสียงและคนในแวดวงวัฒนธรรมมากมายได้มาเยือน เพื่อสัมผัสกับการผ่อนคลายจากน้ำพุร้อนอันเลื่องชื่อแห่งนี้
เรียวกังของอาวะระออนเซ็นตั้งเรียงรายอยู่ถัดไปจากทุ่งนาอันงดงาม
「อาชิยุ」ที่ใคร ๆ ก็สามารถเพลิดเพลินกับการแช่เท้า
สิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษของอาวะระออนเซ็น คือมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติมากกว่า 70 แห่ง และแต่ละเรียวกังมีบ่อบาดาลน้ำพุร้อนของตนเอง มีที่พักกว่า 20 แห่ง ตั้งแต่เรียวกังระดับหรูไปจนถึงที่พักสไตล์สบาย ๆ ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละแห่งได้ แน่นอนว่าอาหารญี่ปุ่นที่ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลของจังหวัดฟุกุอิอย่างเต็มที่ก็เป็นอีกหนึ่งความเพลิดเพลินที่ขาดไม่ได้ของการเข้าพักในเรียวกัง แช่น้ำพุร้อนเพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง และเตรียมพร้อมสำหรับวันถัดไป
วันที่ 2
หน้าผาโทจินโบและเกาะโอชิมะ
เช้าวันที่สองเริ่มต้นที่หน้าผาโทจินโบ จุดชมวิวอันเป็นสัญลักษณ์ของภูมิภาคโฮคุริคุ จากอาวะระออนเซ็นใช้เวลาขับรถประมาณ 15 นาที
จุดชมวิว 「โทจินโบ」เพลิดเพลินกับทัศนียภาพงดงามของหน้าผาสูงชัน
จากบริเวณหน้าผายังมีเรือท่องเที่ยวให้บริการรับส่งด้วย
หน้าผาโทจินโบที่ทอดยาวด้วยหน้าผาหินที่เรียงรายด้วยเสาหินทรงเหลี่ยม เป็นที่รู้จักกันในญี่ปุ่นในฐานะสถานที่ถ่ายทำฉากไคลแม็กซ์ของละครแนวสืบสวน จากผนังหน้าผาที่ตั้งตระหง่านเมื่อก้มมองลงไปยังทะเลเบื้องล่าง จะรู้สึกขาสั่นโดยไม่ตั้งใจ ขณะสัมผัสพลังของธรรมชาติอันดุดัน โปรดระมัดระวังฝีเท้าให้ดีระหว่างเดินชม
คลื่นสีขาวจากเรือท่องเที่ยวทอดยาวอย่างสวยงามเหนือทะเลสีคราม
รอบ ๆ หน้าผาโทจินโบมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย
ในวันที่คลื่นลมสงบ จะมีเรือท่องเที่ยวให้บริการรับ–ส่งจากหน้าผาโทจินโบ ทำให้สามารถหน้าผาอันน่าตื่นตาจากมุมมองบนทะเลได้เช่นกัน นอกจากนี้ รอบ ๆ โทจินโบยังมีถนนที่เรียงรายไปด้วยร้านอาหารที่เสิร์ฟปูและอาหารทะเล คาเฟ่บรรยากาศสวย และร้านขายของที่ระลึก ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาเยือนและคึกคักอยู่เสมอ
เกาะโอชิมะที่สามารถข้ามไปจากชายฝั่งได้ด้วยสะพานสีแดง
ภายในเกาะเป็นสถานที่ลึกลับที่มีป่าดงดิบหนาทึบปกคลุม
สถานที่ที่อยากแนะนำให้ไปเยี่ยมชมพร้อมกับโทจินโบ คือเกาะโอชิมะซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่นาทีโดยรถยนต์ เกาะโอชิมะเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ลอยอยู่กลางทะเลบนชายฝั่งเอจิเซ็น สามารถเดินข้ามไปได้ผ่านสะพานสีแดงอันโดดเด่น ภายในเกาะปกคลุมไปด้วยป่าเก่าแก่หนาทึบ และเป็นสถานที่ลึกลับที่ชาวท้องถิ่นให้ความสำคัญและดูแลมาตั้งแต่อดีต
หน้าผาโทจินโบที่มองเห็นจากเสาโทริอิของศาลเจ้าโอมินาโตะ
ลักษณะเด่นคือผิวหน้าผาที่ประกอบด้วยเสาหินทรงเหลี่ยม
ศาลเจ้าโอมินาโตะที่ตั้งอยู่ใจกลางเกาะ เป็นที่สักการะของชาวประมงและนักเดินเรือในฐานะเทพผู้คุ้มครองท้องทะเล ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศมาเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นไม้เอมะ
มีเส้นทางเดินเล่นรอบเกาะ ซึ่งสามารถเดินวนรอบได้ภายในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง แโดยมีจุดชมวิวที่น่าสนใจ เช่น หน้าผาหินที่ประกอบด้วยเสาหินทรงเหลี่ยมเรียงรายกัน และวิวหน้าผาโทจินโบที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งให้เสน่ห์อันเงียบสงบที่แตกต่างจากความคึกคักของโทจินโบ
มื้อกลางวันของวันที่ 2 คือเมนูขึ้นชื่อของจังหวัดฟุกุอิ อาหารจากเต้าหู้ทอด
สำหรับผู้ที่สนใจวัฒนธรรมอาหารของภูมิภาคต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ขอแนะนำเมนูเต้าหู้ทอดซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดฟุกุอิ
เมนูเต้าหู้ทอดชิ้นหนาของจังหวัดฟุกุอิที่กินแล้วอิ่มท้อง
อาบุระอาเกะเป็นวัตถุดิบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ทำจากเต้าหู้หั่นบางแล้วทอดในน้ำมัน และกำลังได้รับความสนใจในฐานะวัตถุดิบที่มีโปรตีนสูงและแคลอรีต่ำ จังหวัดฟุกุอิเป็นที่รู้จักว่าเป็นจังหวัดที่บริโภคอาบุระอาเกะมากที่สุดในญี่ปุ่น อาบุระอาเกะในภูมิภาคนี้มีความหนากว่าทั่วไปมาก จนมีความโดดเด่นราวกับสเต็ก ลองลิ้มรสของขึ้นชื่อท้องถิ่นที่เป็นที่รักของชาวจังหวัดนี้
ซากเมืองโบราณอิจิโจทานิและพิพิธภัณฑ์ตระกูลอาซากุระ
ซากเมืองอิจิโจทานิของตระกูลอาซากุระตั้งอยู่ชานเมืองฟุกุอิ เป็นสถานที่ที่ควรแวะไปเยือนหากต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์ของฟุกุอิ ใช้เวลาขับรถจากโทจินโบประมาณหนึ่งชั่วโมง
ประตูคาระมง เป็นสัญลักษณ์ของซากเมืองอิจิโจทานิของตระกูลอาซากุระ
ตระกูลอาซากุระปกครองพื้นที่นี้เป็นเวลาประมาณ 100 ปี ต่อเนื่อง 5 ชั่วอายุคนในยุคเซ็งโงกุ ก่อนจะล่มสลายลงจากการโจมตีของโอดะ โนบุนากะ ในช่วงรุ่งเรือง เมืองรอบปราสาทแห่งนี้เคยต้อนรับขุนนางและนักวัฒนธรรมจำนวนมากที่หลบหนีสงครามมาจากเกียวโต แต่หลังจากถูกเผาทำลายในการโจมตีของโนบุนากะ เมืองก็ไม่เคยถูกสร้างขึ้นใหม่ และยังคงถูกฝังอยู่ใต้ดินในฐานะเมืองในตำนาน
โบราณสถานอันล้ำค่าของตระกูลอาซากุระแห่งเอจิเซ็นในยุครุ่งเรืองสูงสุด
ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่โอบล้อมโบราณสถานก็เป็นจุดเด่นเช่นกัน
ปัจจุบัน รากฐานอาคาร ถนน สวน และซากคฤหาสน์ซามูไร ได้รับการขุดค้นและอนุรักษ์ไว้ในตำแหน่งเดิมตามสภาพในอดีต ภายในโบราณสถานอันทรงคุณค่านี้มีสวน 4 แห่งที่รังสรรค์อย่างประณีต สะท้อนแก่นแท้ของวัฒนธรรมสวนญี่ปุ่น และสวนทั้งหมดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น สถานที่ทิวทัศน์พิเศษระดับประเทศ และซากเมืองอิจิโจทานิของตระกูลอาซากุระทั้งหมดได้รับการขึ้นทะเบียน 3 สถานะซ้อน ได้แก่ สถานที่ทิวทัศน์พิเศษ แหล่งประวัติศาสตร์พิเศษ และทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ซึ่งในญี่ปุ่นมีเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเช่นนี้ เช่น วัดคินคะคุจิในเกียวโต และศาลเจ้าอิตสึคุชิมะในฮิโรชิมะ
ภูมิทัศน์เมืองที่ได้รับการบูรณะทอดยาวออกไปอย่างเป็นระเบียบประมาณ 200 เมตร
มีการจำลองสภาพบ้านเรือนซามูไรในสมัยนั้นขึ้นมาใหม่
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจ คือทิวทัศน์เมืองที่ได้รับการบูรณะ ซึ่งมีบ้านพักซามูไรและอาคารอื่น ๆ ที่ได้รับการสร้างขึ้นใหม่ให้กลับไปสู่สภาพดั้งเดิม
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ซากเมืองอิจิโจทานิของตระกูลอาซากุระ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากซากปรักหักพังประมาณ 5 นาทีโดยรถยนต์ และเปิดทำการในปี 2022 ยังจัดแสดงเอกสารและวัตถุโบราณอันทรงคุณค่าที่ขุดค้นพบ ที่พิพิธภัณฑ์ยังมีข้อมูลหลายภาษา จึงเป็นมิตรต่อการเยี่ยมชมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ของฝากแนะนำจากจังหวัดฟุกุอิ
ของฝากที่แนะนำซึ่งมีเอกลักษณ์ของจังหวัดฟุกุอิคือสินค้าธีมไดโนเสาร์
ประมาณ 80% ของฟอสซิลไดโนเสาร์ที่ถูกค้นพบในญี่ปุ่น พบที่จังหวัดฟุคุอิ แม้ว่าแผนการเดินทางครั้งนี้จะยังไม่ได้แนะนำ แต่ภายในจังหวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลกอีกด้วย ทั้งที่โทจินโบและจุดบริการริมทางบนทางด่วน คุณจะพบรูปปั้นไดโนเสาร์สวมเสื้อกาวน์สีขาวอยู่ทั่วไปซึ่งชวนให้จดจำ สินค้าเกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถเพลิดเพลินได้มีวางจำหน่ายในหลายสถานที่
นอกจากนี้ จังหวัดฟุกุอิยังเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตงานหัตถกรรมดั้งเดิม เช่น กระดาษญี่ปุ่นเอจิเซ็นและเครื่องเขินเอจิเซ็น ซึ่งเปล่งประกายด้วยความประณีตของงานฝีมือแบบญี่ปุ่น รอบสถานีฟุกุอิยังมีร้านจำหน่ายของฝากมากมายที่มีงานหัตถกรรมดั้งเดิมให้เลือกอย่างหลากหลาย คุณจะพบกับชิ้นงานชั้นเยี่ยมที่จะเก็บรักษาความทรงจำจากการเดินทางครั้งนี้ไว้ได้อย่างแน่นอน ภายในประเทศญี่ปุ่น จังหวัดฟุคุอิครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90% ของมูลค่าการจัดส่งกรอบแว่นตา และขนมรูปทรงแว่นตาก็เป็นหนึ่งในของฝากยอดนิยมเช่นกัน
จังหวัดฟุกุอิที่โดดเด่นด้วยรูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดยักษ์
จากขนมไดโนเสาร์คลาสสิกไปจนถึงขนมที่ทำเลียนแบบแว่นตาระดับฝีมือช่าง
บทส่งท้าย
หลังจากออกจากซากเมืองอิจิโจทานิของตระกูลอาซากุระ ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีโดยรถยนต์ไปยังสถานีฟุกุอิ ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของการเดินทางด้วยรถยนต์ และคืนรถเช่า ที่นี่คุณจะได้สัมผัสเสน่ห์ของการท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ไม่อาจพบได้เพียงแค่เยือนเมืองใหญ่ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกอย่างโตเกียว นาโกยา และโอซาก้า การเดินทางด้วยรถเลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นในครั้งนี้จะทำให้คุณได้รู้จักอีกมุมหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น จังหวัดฟุกุอิมีการเดินทางจากสนามบินเซ็นแทรร์ที่สะดวกสบาย จึงขอแนะนำให้ลองมาเยือนและเพลิดเพลินไปกับที่นี่